ชีวิตคือความรื่นรมย์
คมพาทีซีไรท์
เผลอไปเหมือนไม่นาน แต่กาลผ่านไปคล้ายความฝัน โครงการ
"รางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน" หรือเรียกย่อๆว่า "ซีไรท์" (SEA WRITE
AWARDS หรือ SOUTHEAST ASIAN WRITERS AWARDS) ก็เดินผ่านกาลเวลามาถึงปีที่ 25
แล้วในปี 2546นี้
เสี้ยวศตวรรษที่ผ่านไป แสดงว่าเราได้นักเขียนและกวีซีไรท์ (เฉพาะประเทศไทย) นับได้ 23 คนแล้ว
(ความจริงควรเป็น 25 คน แต่มีคนเก่งที่ได้รับรางวัลคนละ 2 ครั้งถึง 2 คน คือ ชาติ กอบจิตติ กับ
วินทร์ เลียววาริณ) แสดงว่าความมุ่งหวังที่จะยกย่องนักเขียน-
กวีที่มีผลงานสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมตามปรารถนาของคณะกรรมการริเริ่มซึ่งประกอบด้วย พระวรวงศ์เธอ
พระองค์เจ้าเปรมบุรฉัตร ทรงรับเป็นประธาน มีผู้แทนโรงแรมโอเรียนเตล-บริษัท การบินไทย จำกัด
(มหาชน) ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ฯลฯ ร่วมกับสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย-
สมาคมภาษาและหนังสือแห่งประเทศไทย (ในพระบรมราชูปถัมภ์) กับองค์กรต่างๆ
ที่ร่วมอุดมการณ์ต่อๆ มาอีกหลายองค์กร ได้บรรลุจุดหมายได้ระดับหนึ่ง
เมื่อรวมกับเพื่อนบ้านในกลุ่มอาเซียน (เริ่มแรก ปี 2522 เพียง 5 ประเทศ แล้วเข้าร่วมเพิ่มมาเรื่อยๆ
และครบ 10 ประเทศในปัจจุบัน) ก็นับว่า
ได้ส่งเสริมสร้างความตื่นตัวทางวรรณกรรมในภูมิภาคอาเซียนได้มิใช่น้อย
กล่าวเฉพาะประเทศไทย ซึ่งมีวิธีพิจารณาไม่เหมือนประเทศอื่นที่เขาค่อนข้างเน้นไปที่การสรรหา
แต่ของไทยนอกจากปีแรกๆ ที่สรรหาแล้ว เราได้ใช้วิธีให้ส่งเรื่องเข้าประกวด ปรากฏว่า
นอกจากผู้อาวุโส เช่น กฤษณา อโศกสิน (สุกัญญา ชลศึกษ์) อังคาร กัลยาณพงศ์ แล้ว
เราได้นักเขียนซีไรท์คนหน้า (ค่อนข้าง) ใหม่ในวงการ นับแต่ คำพูน บุญทวี/อัศศิริ ธรรมโชติ/ชาติ
กอบจิตติ/วาณิช จรุงกิจอนันต์/ไพฑูรย์ ธัญญา (ธัญญา สังขพันธานนท์)/นิคม รายยวา/อัญชัน (อัญชลี
วิวัธนชัย)/มาลา คำจันทร์ (เจริญ มาลาโรจน์)/ศิลา โคมฉาย (วินัย บุญช่วย)/กนกพงศ์
สงสมพันธุ์/วินทร์ เลียววาริณ/วิมล ไทรนิ่มนวล/ปราบดา หยุ่น และเดือนวาด พิมวนา
ส่วนกวีนั้นแม้จะมีชื่อเสียงมาบ้างเหมือนนักเขียนที่กล่าวแล้ว
แต่ก็พูดได้ว่ามาโด่งดังเพราะผลงานที่ทำให้ได้รับรางวัลซีไรท์เป็นส่วนมาก นอกจาก เนาวรัตน์
พงษ์ไพบูลย์ (ซึ่งต่อมาได้รับยกย่องเป็นศิลปินแห่งชาติแล้ว
ก็เป็นที่นิยมแพร่หลายโดยการได้รับรางวัลซีไรท์ส่งเสริมต่อมา) ทั้ง คมทวน คันธนู (ประสาทพร
ภูสุศิลป์ธร)/จิระนันท์ พิตรปรีชา/ศักดิ์ศิริ มีสมสืบ/ไพวรินทร์ ขาวงาม/แรคำ ประโดยคำ (สุพรรณ
ทองคล้อย)/โชคชัย บัณฑิต (โชคชัย บัณฑิตศิละศักดิ์) นับว่าจุดมุ่งหมายที่จะส่งเสริมยกย่องนักเขียน-
กวีหน้าใหม่ๆ ของไทยได้ผลค่อนข้างมากทีเดียว เพราะผลงานซีไรท์ของหลายคน
ก็ได้รับการตีพิมพ์ซ้ำเป็นจำนวนมาก
ส่วนที่ผู้อ่านทั่วๆ ไปอาจถามกันว่า "นักเขียนชื่อนี้มีด้วยหรือที่ได้รับรางวัลซีไรท์"
นั่นเป็นเรื่องการสร้างสรรค์งานของเขา (และเธอ) ต่อๆ มาเอง เพราะนักเขียนหรือกวีซีไรท์บางคนชื่อ
และผลงานก็หายไปหลังเทศกาลรับรางวัลแล้วไม่นาน
หรือที่ถามว่าคนนั้น คนนี้ก็เขียนดีออก ทำไมไม่ได้รางวัลซีไรท์ นั่นต้องไปดูองค์ประกอบอีกหลายอย่าง
เช่นไม่ได้ส่งงานเข้าประกวด หรือหลายคนส่งงานเข้าทีไร กรรมการก็มองหา "ความสร้างสรรค์" ไม่พบ
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าที่ได้รับรางวัลนั้นขายดีเป็นเทน้ำเทท่าทุกคน
ในขณะที่เรื่องที่ไม่ได้รับรางวัลนั้นก็หาใช่เป็นเรื่องไม่ดีก็หาไม่
เพราะมีสาเหตุหลายประการประกอบเช่นกัน
ผู้เขียนในฐานะนักเรียนที่เรียนจบในประเทศ รู้สึกเสียดายที่แม้เวลาผ่านไปถึงเสี้ยวศตวรรษแล้ว
แต่ผลงานของนักเขียนและกวีซีไรท์จากชาติอื่นแทบไม่ได้รับการเผยแพร่ให้คนไทยได้รับรสมากเท่าที่คว
ร
เอาง่ายๆ ผู้เขียนยังติดใจอยู่สัก 2 อย่าง ประการแรก คำกล่าวสั้นๆ
ที่ผู้ได้รับรางวัลแต่ละชาติออกมากล่าวหลังรับพระราชทานรางวัลในแต่ละปีนั้น
มักเป็นข้อความที่คมคาย
นอกจากผู้ที่ไปร่วมงานจะได้รับสำเนาที่พิมพ์แจกบทที่แปลเป็นภาษาอังกฤษแล้ว
ผู้เขียนไม่ค่อยได้พบว่าสื่อมวลชนไทยได้เอาใจใส่มาแปลพิมพ์เผยแพร่ อาจเพราะไม่มีผู้สนใจแปล
ไม่มีผู้ทำสื่อที่คิดว่าจะเป็นที่น่าสนใจของประชาชน หรือเพราะสื่อเองก็คิดว่าแปลแล้วก็คงไม่มีที่ลง
หรือเป็นเพราะแสลงภาษาต่างด้าว (อาจจะเป็นเชิงดูถูกกันไปหน่อย แต่ไม่น่าจะผิดความจริง
เพราะผู้สื่อข่าววรรณกรรมไทยนั้นมีลักษณะพิเศษ ดูง่ายๆ อย่างหนังสือประเภท "โลกหนังสือ" ฯลฯ
ยังอายุสั้นมากในเมืองไทย แสดงอะไรบางอย่างของคนอ่านหนังสิอในเมืองไทย ก็น่าจะว่าได้)
ประการที่สอง ผู้เขียนเสียดายปาฐกถาของนักเขียนเกียรติยศ (GUEST SPEAKER)
ซึ่งล้วนเป็นนักเขียนที่ดี-เด่น-ดังทั้งนั้น
อย่างน้อยก็ล้วนเป็นชาวต่างประเทศที่ยอดเยี่ยมทั้งทางการเขียนหรือการพูด
เรื่องที่นักเขียนเกียรติยศที่ได้รับเชิญมาพูดล้วนมีประเด็นที่น่าจะจุดประกายความคิดให้คนไทยได้คุณูป
ระโยชน์ไม่น้อย
ถ้าผู้เขียนจำไม่ผิด แขกเกียรติยศที่เป็นคนไทยดูเหมือนมีหม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช คนเดียว
(และถ้าผู้เขียนจำไม่ผิด ท่านก็ปาฐกถาเป็นภาษาอังกฤษเสียด้วย) ถ้าองค์กรต่างๆ
โดยเฉพาะคณะกรรมการจัดงาน ฯ จะหาคนแปลปาฐกถาเหล่านั้น (ซึ่งผู้เขียนเชื่อว่าหาได้ไม่ยาก)
แล้วรวบรวมจัดพิมพ์ออกเผยแพร่ ก็จะเป็นผลงานที่ได้รับการยกย่องทีเดียว
(อาจมีปัญหามากตรงที่จะหาใครให้เป็นผู้สนับสนุนการพิมพ์ เพราะลำพังคณะกรรมการจัดงาน ฯ
จะหาเงินเป็นรางวัลและจัดงานทุกปีก็หนักหนาสาหัสอยู่แล้ว) แต่ถ้าทำเรื่องนี้ได้
(อาจจะมีปัญหาลิขสิทธิ์บ้างเล็กน้อย แต่คงตกลงกับผู้พูดได้ไม่ยาก)
ผู้เขียนคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ต่อวงการวรรณกรรมของไทยเป็นอันมาก
ถ้าเห็นว่าการทำตามข้อหลังนี้อาจจะลงทุนมาก ผู้เขียนก็ขอเสนอทางออกว่า
คำกล่าวปาฐกถาแต่ละปีนั้น ก็จะไม่ยาวมากนัก ถ้ามีองค์กรใดในบรรดาผู้ที่เป็นผู้อุปการะการจัดงาน
(ยกตัวอย่าง "มูลนิธิสุขุโม" ที่ประธานกรรมการซีไรท์ คือ มรว. สุขุมพันธุ์ บริพัตร เป็นประธานมูลนิธิอยู่)
จะรับจัดการ คิดว่าจะเป็นคุณูปการแก่วงวรรณกรรมไทยได้คุ้มค่าทีเดียว
อย่าว่าอะไรเลย คำกล่าวของ เดือนวาด พิมวนา ซีไรท์สาวไทย (ที่เป็นสุภาพสตรีซีไรท์คนที่ 4)
ที่กล่าวคืนนั้น ก็มีแต่คำแปลที่เป็นภาษาอังกฤษแล้วเสียอีก ที่ผู้เขียนตั้งชื่อเรื่องไว้แต่ต้นนั้น
ก็คงไม่ตรงกับหัวเรื่องจนได้ แต่แม้จะมีปัญญาแปลออกมา (ก็อาจจะอาศัยปัญญาเพื่อนช่วยแปล)
ก็หมดเนื้อที่ในสัมปทานเสียแล้ว..ฮ่า
เรื่องโดย : ประยอม
ภาพโดย : -
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน ธันวาคม ปี 2546
คอลัมน์ Online : ชีวิตคือความรื่นรมย์
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/51879