โค้งอันตราย
พัฒนายานยนต์
กระแสความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ มากระทบกันมั่งหรือยังครับฟากทางหลวงท่านก็ออกมาเป็นข่าวว่าปีนี้จะเติบโตเท่านั้นเท่านี้ แต่ด้านเอกชนเองยังไม่เห็นมีแรงกระเพื่อมจากกระแสที่ว่าเลย หรือมัวแต่งงๆ กับเรื่องส่วยรายวันอยู่ก็ไม่รู้
ก็ต้องยอมรับนะครับ ว่าคนเราทำอะไรมีความเป็นระเบียบเรียบร้อย เก็บหลักฐานไว้อย่างดีพอแฉขึ้นมา ก็กลายเป็นเรื่องสนุกของชาวบ้าน ได้เมาท์แตกกันสนุกสนาน
คนอะไร ชอบเอาเรื่องจริงมาพูดเล่น ให้หนังสือพิมพ์เอาไปเป็นข่าวหน้าหนึ่งได้ตั้งนานเป็นอาทิตย์ของเขามีมาตั้งแต่โบราณกาลดั้งเดิมแล้ว
แต่เราอยู่ในสังคมที่กำลังฟื้นฟู...อ้อ...หลวงท่านว่านะครับ ภาคเอกชนเองก็เริ่มกระตือรือร้นมีเม็ดเงินจากต่างชาติเข้ามา เตรียมตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนา เพื่อลงหลักปักฐานเอาประเทศไทยเป็นศูนย์การประกอบรถยนต์ส่งไปขายทั่วโลก
ทุกอย่างเป็นเรื่องดี เพราะเม็ดเงินที่มาลงทุนในเมืองไทยย่อมทำให้ภาวะเศรษฐกิจเฟื่องฟูขึ้นมาอีกรอบหนึ่งเหมือนโฆษณาที่ว่า...เงินกำลังจะไหลไป...นั่นแหละครับ เพราะต้องเกี่ยวพันกันมากมายหลายส่วนทั้งภาครัฐ และเอกชน
การพัฒนาบุคลากรเพื่อรองรับการดำเนินงานที่ว่า ภาคเอกชนเขาเตรียมตัวกันมาพอสมควรเพราะโรงงานประกอบรถยนต์บ้านเรา ต้องอาศัยวิศวกรด้านนี้เยอะ เลยต้องฝึกกันหนัก
แต่ในส่วนของภาครัฐ ก็ยังดีที่ริเริ่มตั้ง สถาบันยานยนต์ขึ้นมาได้ แม้ว่าจะยังอยู่ในระยะตั้งไข่ก็เถอะดีกว่าไม่มีอะไรเอาเสียเลย
สถาบันยานยนต์ เสนอร่างแผนงานเพื่อขอรับการสนับสนุนจากรัฐ ในวงเงิน 34.8 ล้านบาทแถมภาคเอกชนสมทบ 16.4 ล้านบาท เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันอุตสาหกรรมยานยนต์พัฒนาระบบรองรับความสามารถบุคลากรในอุตสาหกรรมยานยนต์แถมด้วยศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดตั้งศูนย์ทดสอบและวิจัยพัฒนายานยนต์
การอบรมบุคลากรหนนี้จะเป็นโครงการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่รู้จะต่อเนื่องได้นานสักแค่ไหนเพราะสตางค์น้อยน่ะครับ
เฉี่ยวมาถึงการพัฒนาในอุตสาหกรรมยานยนต์แล้วก็ยังพอถูไถไปได้เรื่อยๆ ตามวิสัยของราชการไทยแถมด้วยรายการเชื่อหรือไม่ ของจริงแท้แน่นอน ที่หัวขบวนแสดงวิสัยทัศน์ไว้ ปรากฏในสุนทรพจน์ต่างๆ มากมาย ว่าประเทศไทยเราจะต้องมีการค้นคว้าและพัฒนาในอุตสาหกรรมยานยนต์เพื่อให้เจริญรุดหน้า เพื่อให้เป็นดีทรอยท์แห่งเอเชียให้ได้ แต่เรื่องเชื่อหรือไม่ที่นำมาแสดงนี้มันทำลายความเชื่อมั่นในสุนทรพจน์ของท่านได้เป็นอย่างดี ว่าหางน่ะ มันไม่ได้ส่ายตามหัวแถวเลย
เชื่อหรือไม่เรื่องแรก สถาบันการศึกษาที่สร้างวิศวกรในสายอุตสาหกรรมยานยนต์ แถวปทุมวันจะสามารถผลิตวิศวกรได้ในปีนี้ 15 คน เป็นหนแรก
เชื่อหรือไม่เรื่องที่สอง ศูนย์เทคโนโลยีและคอมพิวเตอร์แห่งชาติสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ให้ทุนวิจัยเรื่องโครงการพัฒนาระบบสารสนเทศต้นแบบเพื่อเชื่อมโยงอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์สำเร็จไปเมื่อเดือนกันยายน ปีที่แล้ว
การวิจัยในเรื่องนี้เพื่อสนับสนุนการพัฒนาระบบสารสนเทศต้นแบบเพื่อการบริหารจัดการในอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์โดยการเชื่อมโยงการผลิตในรูปแบบที่เหมาะสม เพื่อให้เกิดการร่วมมือแลกเปลี่ยนชิ้นส่วนการผลิตโดยมี สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเป็นหน่วยงานหลักที่ร่วมดำเนินการ
ทำการศึกษาสถานภาพปัจจุบัน ความต้องการ ปัญหา อุปสรรคจัดทำข้อกำหนดโครงสร้างและคุณลักษณะของระบบงานสารสนเทศเป้าหมายและคุณลักษณะโพรแกรมระบบงานกำหนดคุณลักษณะอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และซอฟท์แวร์ระบบรวมทั้งการนำโพรแกรมที่พัฒนามาทดสอบและทดลองใช้งานจริงโดยมีการจัดทำรายงานผลการศึกษาและออกแบบระบบสารสนเทศรวมทั้งคู่มือระบบงานสารสนเทศขึ้นประกอบด้วย ใช้งบประมาณทั้งสิ้น 400,000 บาท
งานวิจัยเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องเดียวที่ปรากฏว่าเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมยานยนต์และผู้สนใจจะสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดกับศูนย์ได้
ไม่เชื่อลองเข้าไปหาในอินเตอร์เนทดูก็ได้ ไม่ได้มาต่อว่ากันนะเนี่ย
ส่วนภาคเอกชน แต่ละบริษัท แต่ละโรงงานประกอบรถยนต์ต่างก็มีแผนกวิจัยและพัฒนากับแต่ละค่ายอยู่แล้ว เพียงแต่ผลงานหรือความสำเร็จจะอยู่แค่ภายในบริษัทเองเท่านั้น ไม่มีทางเล็ดลอดออกมาสู่ภายนอกได้เป็นอันขาด
เชื่อหรือไม่เรื่องที่สาม เพิ่งมีการปรับปรุงค่ามาตรฐานระดับเสียงของรถจักรยานยนต์ที่ใช้ในทางขณะเดินเครื่องอยู่กับที่ โดยไม่รวมเสียงแตรสัญญาณ ต้องมีค่าไม่เกิน 95 เดซิเบลเมื่อตรวจวัดที่ระยะ 0.5 เมตร จากปลายท่อไอเสีย
ส่วนระดับเสียงของรถยนต์ ยังคงเป็นมาตรฐานเดิมที่ประกาศเมื่อปี 2535
แต่ไม่ยักบอกว่ารถจักรยานยนต์ที่ทะลวงท่อไอเสียนั้น จะต้องมีค่าเท่าไรและใครจะมีเครื่องวัดระดับเสียงพกติดตัวเป็นประจำ
อ้อ ที่นี่มีเครื่องวัดระดับเสียงอยู่อันหนึ่ง อยากได้ไปช่วยราชการก็ยืมมาได้นะครับ
จบเรื่องเชื่อหรือไม่แต่เพียงนี้
เลยมาถึงเรื่องธงชาติสักหน่อยนะครับ ที่นี่เห็นด้วยกับการประดับธงชาติในที่อันสมควรเป็นการถาวรและสม่ำเสมอ เพื่อสร้างความรู้สึกนิยม และภาคภูมิใจในความเป็นชาติส่วนถ้าต้องมีการชักธงชาติขึ้นและลง ณ อาคารสถานที่ หรือบริเวณใดเป็นปกติ ก็ให้ชักขึ้นเวลา 08.00 น. และชักลง 18.00 น.
ส่วนฟากของทหาร ก็ให้ปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับของทหาร หรือตามประเพณีชาวเรือ
อันที่จริง ในสถานศึกษาหรือสถานที่ราชการส่วนใหญ่ก็ทำกันเป็นประจำอยู่แล้ว มีเพียงบริษัทห้างร้านเอกชนเท่านั้น ที่เฉยๆ อยู่ เพราะบางเจ้า ก็อยู่ในอาคารสำนักงาน ตัวอาคารสำนักงานเองก็มีการประดับธงชาติกันอยู่แล้ว ก็เลยเฉยเสีย
แต่เอาเถอะ เพื่อชาติ ต่อไปนี้กระผมเองก็จะได้เริ่มต้นหาธงชาติมาไว้ในความครอบครองสักผืนเผื่อไว้เอาใจท่านนายกสักหน่อยก็แล้วกัน แต่ถ้าจะเลือนๆ ไปบ้างคงไม่ว่ากันนะขอรับ
อีกหน่อยกระผมจะได้เสนอเจ้านาย ให้พ่นสีรถออกมาเป็นสีธงชาติ จะดีหรือเปล่าเนี่ย
แต่ถ้ามีตัว ท. ทหารสักตัว พ่นให้ใหญ่ๆ บนรถน่ะคงดีแน่เพราะจะได้รู้ว่าอยู่พรรคไหนให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย
เรื่องโดย : มือบ๊วย
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน กันยายน ปี 2546
คอลัมน์ Online : โค้งอันตราย
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/51767