ร่มไม้ชายศาล
"ต้องยึดรถ"
สารพัดปัญหาอาชญากรรมในบ้านเมืองเรา รวมทั้งการรบราฆ่าฟันที่มีทุกหย่อมหญ้า รากเหง้ามาจากความอยากรวยของมนุษย์นี่เอง แท้จริงไม่ใช่เรื่องอื่น
ข้าราชการกังฉิน นักการเมืองขี้โกง พ่อค้าขี้ฉ้อ อาชญากรค้ายาเสพย์ติด ลอคหวย ปั๊มซีดีเถื่อน ค้าของเถื่อน ค้าผู้หญิงตั้งบ่อน ตั้งสถานบันเทิงมอมเมา ปล้นจี้ ขโมยรถ ฯลฯ คือพวกอยากรวย แล้วรวยโดยสุจริตไม่ได้ แต่ไม่มีเบรค ก่อปัญหาใหญ่หลวงให้แก่สังคม ให้แก่ประเทศ ให้แก่โลก ตลอดเวลา
คดีความในงวดนี้เป็นเรื่องของการปราบปรามพวกที่อยากรวยเพราะค้ายาบ้ายาเสพย์ติดโดยอาศัยมาตรการยึดทรัพย์สินเพื่อไม่ให้พวกนี้ร่ำรวยจากการกระทำความผิด นอกเหนือจากการประหารและเอาเข้าคุก เรามาดูว่าทรัพย์สินคือ "รถยนต์" ในคดีนี้ยึดได้ริบได้ไหม
เริ่มแรกอัยการร้องต่อศาลว่า เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2542 ได้ฟ้อง "นายท่อก" จำเลยข้อหามียาบ้าไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำนวนตั้ง 10,000 เม็ด เป็นคดีอาญาหมายเลขดำที่
ปรากฏว่าของกลางที่ยึดได้คือ รถเก๋ง เซฟีโร 1 คัน โทรทรัพย์มือถือ 2 เครื่องอันเป็นทรัพย์สินที่จำเลยใช้เป็นยานพาหนะและอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพย์ติดจึงขอริบให้ตกเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพย์ติด ตามพรบ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพย์ติด ปี 2534 มาตรา 30, 31
ในการนี้ได้ประกาศทางหนังสือพิมพ์รายวันที่มีจำหน่ายแพร่หลายในท้องถิ่นเป็นเวลา 2วันติดต่อกันให้บุคคลที่อ้างว่าเป็นเจ้าของมาขอคืน
ปรากฏว่ามีผู้คัดค้านจนได้ เป็นภรรยาของคนค้ายาบ้าซะด้วย เธอเป็นทหารหญิงยศร้อยตรีอ้างว่าเป็นเจ้าของรถ เซฟีโรแต่ผู้เดียว นายท่อก สามียืมไป โดยเธอไม่รู้ว่าเอาไปขนไปค้ายาบ้า จึงไม่ได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด ขอให้คืนแก่เธอด้วยเถิด
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว มีคำสั่งริบรถยนต์ และโทรศัพท์มือถืออีก 1 เครื่อง
ร้อยตรีหญิงยังคิดว่าจะได้รถคืนเพราะไม่มีพยานหลักฐานว่าเธอกระทำความผิดร่วมกับสามีหรือรู้เห็นเป็นใจกับสามีห่วยแตก จึงยื่นอุทธรณ์ ยืนยันว่าหนูเป็นเจ้าของจริงๆ และอ้างด้วยว่าคดีมีข้อสงสัย นำสืบไม่ได้ว่าเจ้าของรถรู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิด จึงต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้เป็นคุณแก่เจ้าของรถ คืนรถให้หนูเถอะ แต่ไม่เป็นผล
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ว พิพากษายืน ริบเหมือนเดิม
ผู้คัดค้านคือร้อยตรีหญิงพยายามต่อไปด้วยการยื่นฎีกา ยกข้ออ้างอย่างเดิมว่าอัยการโจทก์นำสืบมัดตัวร้อยตรีหญิงไม่ได้ว่าร่วมกระทำผิดด้วย จึงริบรถไม่ได้
ศาลฎีกาหลับตาซ้ายเล็งด้วยตาขวาดูคดีนี้อย่างแม่นยำแล้วก็ชี้ขาดออกมาว่า
ในพรบ. ชื่อยาวน่าเกลียด (อันนี้ผมว่าเอง) คือ พรบ. มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพย์ติด ปี 2534 มาตรา 30 วรรคสาม ให้เป็นหน้าที่ของผู้คัดค้านนำสืบพิสูจน์ว่าตนเองไม่มีโอกาสทราบหรือไม่มีเหตุอันควรสงสัยว่าจะมีการกระทำความผิดและจะมีการนำทรัพย์สินไปใช้ในการกระทำความผิด หรือได้ใช้เป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำความผิด หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิด
การที่ร้อยตรีหญิงอ้างว่ามีกรณีอันควรสงสัยต้องยกประโยชน์ให้แก่ตนจึงอ้างไม่ได้ ฟังไม่ขึ้นการที่บอกลอยๆว่า นายท่อก สามี ขอยืมรถไปทำงานที่แหลมฉบัง ชลบุรี ไม่รู้ว่าเอาไปทำผิดโดยไม่มีเหตุผลอธิบายว่าทำไมต้องยืมรถที่ตนใช้งานอยู่ที่สุรินทร์ไปข้ามวันข้ามคืนถึงแหลมฉบัง ซึ่งไม่ใช่ที่อยู่ปกติของ นายท่อก และได้ความว่า นายท่อกนำรถไปติดต่อซื้อยาบ้าที่ลำปางนำส่งกทม.
แสดงว่า นายท่อก มีพฤติการณ์แบบนี้มาก่อนแหงๆ จึงรู้แหล่งรู้ช่องทางอีแบบนี้ร้อยตรีหญิงผู้เป็นภรรยาน่าจะทราบเรื่องบ้างแล้ว เมื่ออ้างลอยๆ สั้นๆว่าเขายืมไปโดยหนูไม่รู้ว่าเอาไปทำผิดจึงไม่เข้าเกณฑ์ที่จะคืนให้ตามกฎหมายนะผู้หมวดนะ
ศาลฎีกาพิพากษายืน
จำไว้เชียว ทางการยึดทรัพย์สินได้ง่ายๆ ในคดียาเสพย์ติด และคดีฟอกเงิน อยากได้คืนต้องเป็นฝ่ายพิสูจน์ให้ศาลเห็นว่าตนเองบริสุทธิ์ผุดผ่อง ไม่รู้ไม่เห็นไม่เกี่ยวข้องกับการทำผิดจริงๆ ต้องอธิบายให้เคลียร์ด้วยว่า ทรัพย์สินไปอยู่กับคนชั่วได้อย่างไร และได้มาบริสุทธิ์ยังไง
ครอบครัวไทยยุคนี้ค่อนข้างลำบาก การเลือกคู่ก็ลำบากชะมัด ต้องเชคต้องตรวจสอบหลายอย่างจึงจะปลอดภัย ไม่งั้นกระอัก ที่เห็นๆ คือ
เรื่อง เอดส์ ชุ่ยๆ เอาใบรับรองแพทย์ราคา 20 บาทมาโชว์แล้วเชื่อ อันตราย ตายทั้งเป็น
เรื่องค้ายาบ้า ต้องระวังเช่นกัน ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหากินชั่วๆ พรรค์นี้ อีกฝ่ายลำบากไปด้วยทรัพย์สินที่หามาได้อาจโดนยึดอาจติดคุก หรือหนักก็โดนวิสามัญตายกลางถนนไปด้วย บรื้อว์ สยอง
เรื่องฐานะ ก็ต้องดูให้ดี ข้างนอกสุกใส ข้างในตะติ้งโหน่ง แต่งแล้วรู้ทีหลังว่าเป็นพวกที่ฝรั่งเรียกว่า "เอนพีแอล" กรรมเชียวล่ะท่านเจ้าคุณ
จากคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8844/2543
เรื่องโดย : จอมยุทธ
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน กันยายน ปี 2546
คอลัมน์ Online : ร่มไม้ชายศาล
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/51762