บทความ
ภาษีป้าย
ยุคนี้เป็นยุคของการเอื้ออาทร อะไรๆ ก็ดูเหมือนจะเอื้ออาทรไปเสียหมด
คนที่เกี่ยวข้องกับวงการรถยนต์ก็กำลังจะเข้าสู่ระบบการเอื้ออาทรในไม่ช้านี้
ผู้ประกอบการค้ารถยนต์ไม่ว่าจะเป็นผู้ผลิตหรือการนำเข้ารถยนต์จากต่างประเทศนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยจะเข้าสู่ระบบของภาษีรถยนต์ในรูปแบบใหม่ซึ่งไม่ได้ให้ความสำคัญกับขนาดของเครื่องยนต์มากนักแต่จะเน้นไปที่ลักษณะประเภทของรถยนต์มากกว่า
เป็นต้นว่า รถกระบะก็จะถือเป็นกระบะประเภทเดียว ไม่แยกแยะออกมาให้มากเรื่องว่าเป็นกระบะแบบ 2 ประตูหรือกระบะ 4 ประตู หรือกระบะแบบเจ้าปัญหาระหว่างความเป็นกระบะ 2 ประตูหรือจะเป็นกระบะ 4 ประตู อย่างเช่นแบบโอเพนแคบ หรือฟรีสไตล์แคบ ที่เป็นอยู่ในกระบะยี่ห้อ ฟอร์ด และมาซดา
รถเก๋งก็จะมีคำจำกัดความใหม่ ไม่ได้จำกัดอยู่ที่ว่าจะมีที่นั่งไม่เกิน 7 ที่นั่งหรือไม่แต่จะกลายเป็นเหมารวมกันเลยว่า ไม่เกิน 11 ที่นั่งก็แล้วกันเป็นการตัดปัญหาการแหกตาที่เคยเกิดขึ้นกับรถบางยี่ห้อที่โดยธรรมชาติหรือของแท้มีอยู่เพียงแค่ 7ที่นั่ง แต่พอนำเข้ามาถึงบ้านเรา กลายเป็นรถ 11 ที่นั่งเสียนี่ต่อไปนี้คงไม่ต้องมาแปลงร่างกันให้เสียเวล่ำเวลาอีก ยังไงๆ ก็เสียภาษีกันในอัตรารถเก๋งไม่เกิน 11 ที่นั่งอยู่ดี
ระบบภาษีใหม่นี้ ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลานำมาใช้ แต่คงจะได้ใช้กันในอีก 2 ปี ข้างหน้าอย่างแน่นอนตอนนี้มั่วๆ ยุ่งๆ กันไปพลางๆ ก่อน
ทีนี้ก็มาถึงภาษีป้ายรถยนต์หรือภาษีการใช้รถยนต์ กำลังจะมีโอกาสได้ใช้ระบบใหม่กันแล้วดูเหมือนว่าจะได้ใช้ก่อนภาษีรถยนต์เสียด้วย
ภาษีป้ายทะเบียนรถยนต์ หรือที่เรียกกันติดปากว่า ภาษีป้ายวงกลมนั้นเป็นภาษีที่ต้องชำระเมื่อมีการไปจดทะเบียนการใช้รถจากป้ายแดงเป็นป้ายขาวสำหรับรถใหม่แต่ถ้าเป็นรถที่จดทะเบียนใหม่เรียบร้อยแล้ว ต้องชำระเมื่อมีการต่อภาษีป้ายเป็นประจำทุกปี
เดิมภาษีชนิดนี้ คิดอัตราภาษีโดยยึดเอาขนาดของเครื่องยนต์ที่กำหนดเป็นขนาดซีซี และประเภทของรถเป็นหลักในการกำหนดอัตรา
แต่ในระบบการคิดภาษีแบบใหม่ ยกเลิกการกำหนดแบบเดิมอย่างสิ้นเชิงแต่จะมายึดถือเอาน้ำหนักของตัวรถเป็นเกณฑ์ แถมด้วยสนนราคาของตัวรถเอามาคิดด้วยอีกโสดหนึ่ง
กำหนดไว้ขั้นต้นที่รถราคาตั้งแต่ 3 ล้านบาทขึ้นไป ต้องเสียภาษีเพิ่มอีก 15,000 บาท และตั้งแต่ราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป เสียภาษีเพิ่มอีก 45,000 บาท
อย่างนี้ก็เข้าท่าดีเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องมาบ่นอิจฉาตาร้อนกันทีหลังว่า รถสปอร์ทหรูๆตัวเล็กกระจิดเดียว ราคาเป็นหลายๆ ล้านบาทแต่กลับมาต้องเสียภาษีในอัตราเดียวกับรถขนาดใกล้เคียงกันแต่ราคาไม่กี่แสนบาทเท่านั้น
และนี่คืออัตราภาษีในระบบใหม่ที่กำลังจะมีความเป็นไปได้ในโอกาสอันใกล้นี้
รถยนต์น้ำหนัก ไม่เกิน 500 กก. เสียภาษี 975 บาท
น้ำหนัก ตั้งแต่ 501-750 กก. เสียภาษี 1,350 บาท
น้ำหนัก ตั้งแต่ 751-1,000 กก. เสียภาษี 1,725 บาท
น้ำหนัก ตั้งแต่ 1,001-1,250 กก. เสียภาษี 2,100 บาท
น้ำหนัก ตั้งแต่ 1,251-1,500 กก. เสียภาษี 2,475 บาท
น้ำหนัก ตั้งแต่ 1,501-1,750 กก. เสียภาษี 2,850 บาท
น้ำหนัก ตั้งแต่ 1,751-2,000 กก. เสียภาษี 3,225 บาท
น้ำหนัก ตั้งแต่ 2,001-2,500 กก. เสียภาษี 3,825 บาท
น้ำหนัก ตั้งแต่ 2,501-3,000 กก. เสียภาษี 4,425 บาท
น้ำหนัก ตั้งแต่ 3,001-3,500 กก. เสียภาษี 5,025 บาท
น้ำหนัก ตั้งแต่ 3,501-4,000 กก. เสียภาษี 5,625 บาท
น้ำหนัก ตั้งแต่ 4,001-4,500 กก. เสียภาษี 6,225 บาท
น้ำหนัก ตั้งแต่ 4,501-5,000 กก. เสียภาษี 6,825 บาท
น้ำหนัก ตั้งแต่ 5,001-6,000 กก. เสียภาษี 7,575 บาท
น้ำหนัก ตั้งแต่ 6,001-7,000 กก. เสียภาษี 8,325 บาท
น้ำหนัก ตั้งแต่ 7,001-8,000 กก. เสียภาษี 9,075 บาท
น้ำหนัก ตั้งแต่ 8,001-9,000 กก เสียภาษี 9,825 บาท
น้ำหนัก ตั้งแต่ 9,001 ขึ้นไป เสียภาษี 10,575 บาท
อัตราภาษีใหม่นี้ เขาว่ากันว่า มีความเป็นธรรมและเหมาะสมที่สุดเนื่องจากว่าใช้เกณฑ์น้ำหนักของตัวรถที่จะไปทำให้ถนนหนทางชำรุดเสียหายมากน้อยกว่ากันน้ำหนักรถเบาทำความเสียหายให้กับถนนน้อยก็เสียน้อยน้ำหนักรถมากทำให้ถนนชำรุดเสียหายมากก็ต้องจ่ายกันมากหน่อย
ส่วนการกำหนดภาษีโดยมีส่วนลดหย่อนสำหรับรถยนต์ที่ใช้มานานเกินกว่า 5 ปี จะมีส่วนลดภาษีปีละ 10 % จนกว่าจะถึงครึ่งหนึ่งของอัตราภาษีในปีแรกนั้น เนื่องจากมีการพิจารณาแล้วเห็นว่ารถยิ่งเก่ายิ่งจะสร้างมลภาวะให้กับสิ่งแวดล้อมมากขึ้นทุกทีๆเพราะฉะนั้นต่อจากนี้ไปจะยกเลิกไม่มีการให้ส่วนลดอีกต่อไปจะต้องเสียเท่าเดิมตั้งแต่เมื่อเริ่มจดทะเบียนใหม่ตลอดนับว่าเป็นเรื่องที่เหมาะสมอีกเหมือนกันที่จริงแล้วถ้าคำนึงถึงในเรื่องนี้ น่าจะต้องคิดภาษีเพิ่มอีกสักปีละ 10 % หลังจากการใช้รถมานานถึง 5 ปีแล้วด้วยซ้ำไป
นอกจากเรื่องการปรับอัตราภาษีการจดทะเบียนแล้ว ยังจะมีการปรับอัตราค่าธรรมเนียมต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการจดทะเบียนรถยนต์อีกด้วย
ค่ายื่นคำขอจดทะเบียน เดิมเสีย 5 บาท ก็จะต้องเสียเป็น 100 บาท หนังสือคู่มือจดทะเบียนรถ เดิมเสีย 100 บาทจะปรับเป็น 400 บาท แผ่นป้ายทะเบียนรถเดิมแผ่นละ 100 บาทปรับเป็นแผ่นละ 400 บาท ค่าใบขับขี่รถยนต์รายปีจากปีละ 100 บาท เพิ่มเป็น 1,000 บาท
ส่วนใบขับขี่รถยนต์ประเภทตลอดชีพนั้น จะยกเลิกไม่ให้มีอีกต่อไป ถ้ามีอาจจะให้เวลาเพียงแค่ครั้งละ 5 ปีเท่านั้น
ภาษีใหม่สำหรับการจดทะเบียนการต่อทะเบียนหรือภาษีป้ายนี้ รออีกนิดน่าจะในราว 1 ปี ถัดจากนี้ไปคงจะได้รับการเอื้ออาทรกันถ้วนหน้าแล้ว
เรื่องโดย : หลวงเลียบเมือง
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน สิงหาคม ปี 2546
คอลัมน์ Online : บทความ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/51722