โค้งอันตราย
ท่าจะรุ่ง
แววเริ่มฉายมาแล้ว ว่ายอดการขายรถยนต์ปีนี้ จะทะยานละลิ่วเข้าหลักชัยสี่แสนแปดหมื่นคันอย่างแน่นอน เพียงแค่ห้าเดือนที่ผ่านมาก็ขายกันเกินสองแสนคันไปแล้ว ขายได้ 203,170 คัน เฉลี่ยเดือนละสี่หมื่นคัน ครบสิบสองเดือนก็สี่แสนแปด
แหม ทำนายเหมือนทำงานราชการเลยนะเนี่ย
ยิ่งสภาวการณ์ของโลก ภัยจากโรคปอดบวมอักเสบเฉียบพลัน เริ่มสร่างซาสถานการณ์ด้านการท่องเที่ยว เริ่มมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเมืองไทยถึงจะมาแบบทัวร์เหรียญเดียวก็เถอะ สภาพทางเศรษฐกิจที่เกี่ยวเนื่อง ก็เริ่มเงยหน้าอ้าปากขึ้นมาเล็กๆ ยอดการขายรถยนต์ก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แน่นอน
ข่าวคราวว่าค่ายยักษ์ใหญ่จากแดนอาทิตย์อุทัยเพิ่มปริมาณเม็ดเงินเข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์ ทั้งด้านวิจัยและพัฒนา รวมทั้งการสร้างคนให้มีความรู้ในอุตสาหกรรมยานยนต์อย่างแท้จริง ไม่ใช่เอาคนจากสายวิศวะ ที่มีหลากหลายสาขาเอามารวมกันคิดเรื่องรถยนต์ แค่คิดก็ไม่ถูกเรื่องอยู่แล้ว
มีค่ายรถยนต์ที่เริ่มต้นผลิตคน ที่มีความรู้เรื่องอุตสาหกรรมยานยนต์อย่างแท้จริง มาพอสมควรและก็ได้เริ่มใช้คนที่มีความรู้ความสามารถที่เสริมสร้างมานั้นไปบ้างแล้ว คงไม่ต้องบอกว่าเป็นเจ้าไหนแต่ก็ได้ประโยชน์อย่างมาก เพราะคนที่ผลิตได้เอามาทำงานด้วยกัน พูดจาภาษาเดียวกันงานก็เป็นไปอย่างราบรื่น ไม่เหมือนเอาสายวิศวะจากต่างสถาบันกัน มาทำงานด้วยกันแต่ละคนก็มีวุฒิภาวะกันคนละอย่าง คนละทาง ยิ่งเหมือนจับปูใส่กระด้ง คนทำงานด้วยก็เวียนหัวงงไปหมด
มาคุยกันเรื่องที่นักการตลาดเขาสนใจกันดีกว่า
เรื่องแรก โครงการเขื่อนแควน้อยอันเนื่องมาจากพระราชดำริคงไม่ต้องบอกว่านักการตลาดเขาสนใจกัน เพราะเขาจะขายรถได้หลากชนิดนะครับ
โครงการนี้ อยู่ที่ บ้านเขาหินลาด ตำบลคันโช้ง อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลกเมื่อแล้วเสร็จจะมีพื้นที่ได้รับประโยชน์ 429,166 ไร่รวมทั้งช่วยบรรเทาความเสียหายจากอุทกภัยในเขตจังหวัดพิษณุโลก และลุ่มแม่น้ำน่านตอนล่าง
งานนี้คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2550 และระบบส่งน้ำเพื่อการชลประทานเพื่อการเพาะปลูกของประชาชน จะแล้วเสร็จภายในปี 2554 งบประมาณเบื้องต้น 6,780,800,000 บาท
งบขนาดนี้ซื้อรถได้เยอะอยู่นะครับ
งบประมาณเรื่องที่สองที่น่าสนใจ เป็นโครงการ ศูนย์ราชการกรุงเทพมหานคร ถนนแจ้งวัฒนะ ที่กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ร่วมกับกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลังเป็นผู้ดำเนินการหาแนวทางในการระดมทุนเพื่อการก่อสร้างดังกล่าว
งานนี้ยังไม่ได้กำหนดงบประมาณตายตัว แต่นักการตลาดก็เชื่อขนมรับประทานกันก่อนแล้วว่ามากกว่าหนึ่งพันล้านบาทแน่
นี่ขนาดประเมินตัวเลขต่ำๆ ไว้ก่อนนะเนี่ย ยังขายรถได้ตั้งเยอะแล้ว
เรื่องน่ารู้เรื่องต่อไป เล่าสู่กันฟังมานานแล้ว แต่หนนี้เปิดสัมมนารับฟังความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้องไปแล้ว ก็เรื่องโครงการศึกษาเส้นทางลัดสู่ภาคใต้ สมุทรสาคร-แหลมผักเบี้ย-ชะอำ
โดยได้มีการประชุมระดมความคิดเห็นของประชาชนในทุกจังหวัดและได้แต่งตั้งผู้แทนจากองค์กรภาคเอกชน องค์กรส่วนท้องถิ่น ชมรมต่างๆ และประชาชนเข้าร่วมเป็นคณะทำงานเพื่อเป็นตัวแทนของจังหวัดในการพิจารณาแผนการดำเนินงานตรวจสอบการทำงานของที่ปรึกษารวมทั้งเป็นแกนนำในการช่วยประสานเพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมของประชาชนทำให้เกิดการมีส่วนร่วมในการให้ข้อมูลของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องอย่างแท้จริง
สำหรับการคัดเลือกแนวเส้นทางที่สมควรได้รับการคัดเลือกเพื่อศึกษาต่อไปนั้นที่ปรึกษาได้เสนอเส้นทางจำนวน 3 แนว โดยทั้ง 3 เส้นทางจะมีช่วงที่ทับกันบนบกจากจุดเชื่อมต่อสายทางบางใหญ่-บ้านโป่งถึงถนนธนบุรี-ปากท่อ (สมุทรสาคร)ส่วนในทะเลช่วงจากถนนธนบุรี-ปากท่อ ถึงแหลมผักเบี้ย จะมีแนวทางที่ต่างกัน 3 แนวโดยเส้นที่ตรงและสั้นที่สุดจะอยู่ในทะเลลึกที่สุด
ก็คงยังต้องศึกษากันต่อไปอีกนานนะฮะ เพราะโครงการขนาดเกินหมื่นล้านบาทนี่ ใครๆ ก็อยากมีหน้ามีตา ปรากฏอยู่สักส่วนเสี้ยวทั้งนั้น
แถมยังขายรถได้อีกเยอะแน่...อ้อ...แถมเรือด้วยละ
เอาเรื่องเงินๆ ทองๆ ต่อดีกว่า คุยเรื่องเงินแล้วมันในอารมณ์
การก่อสร้างทางคู่ของการรถไฟแห่งประเทศไทยตกลงกู้เงินในประเทศเพื่อจ่ายค่าก่อสร้างและค่างานด้านอาณัติสัญญาณ ภายในวงเงินไม่เกิน 8,000 ล้านบาท ในเส้นทางสาย รังสิต-บ้านภาชี, บางซื่อ-ตลิ่งชัน, บ้านภาชี-ลพบุรี, บ้านภาชี-มาบกะเบา, ตลิ่งชัน-นครปฐม และ หัวหมาก-ฉะเชิงเทรา
อันนี้แถมขายรางรถไฟด้วย
เรื่องเงินอีกเรื่องเอ้า
งบการเงินประจำปี 2545 ของ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2545 มีสินทรัพย์ รวม 382,086,128,975 บาท รายได้ 215,730,900,243 บาท รายจ่าย 188,380,569,540 บาท กำไรสุทธิ 27,350,330,703 บาท
กำไรเยอะขนาดนี้แล้วยังมารีดเลือดเอากับปู ขึ้นค่า เอฟทีให้คนเบี้ยน้อยหอยน้อยเสียเงินค่าไฟแพงขึ้นไปอีก ช่างน่าไม่อาย
คุยเรื่องเงินเรื่องทองแล้ว วกกลับมาที่สภาพัฒน์ท่านกรุณาจัดทำรายงานการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ในรอบสองปีดีกว่า
สิริการะยะ ท่านว่า นโยบายรัฐบาลในสองปีที่ผ่านมา ช่วยให้สังคมไทยอยู่ดีมีสุขปัญหาคนว่างหายไปกว่า 8 แสนคน แต่ปัญหาสัมพันธภาพครอบครัว ยังเปราะบาง พบว่า 40 % ยังพึ่งพาตนเองไม่ได้ ขณะที่คอร์รัพชันในส่วนราชการ มีแนวโน้มสูง แถมยังวิตกว่าผู้ที่จบการศึกษาสูงจะตกงานเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม สังคมไทยยังมีปัญหาที่สำคัญ คือ การพัฒนาความรู้ในระดับคิดเป็นทำเป็น ยังล่าช้าครอบครัวมีปัญหาแตกแยกมากขึ้น ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับประชาชนมีปัญหาเจ้าหน้าที่รัฐทำผิดวินัยมากขึ้น แม้ว่าในด้านความโปร่งใสและการมีส่วนร่วมของประชาชนจะปรับตัวดีขึ้นก็ตาม
เอ ฟังดูคุ้นๆ ไหมครับ เหมือนๆ กับว่าเวลาใครคนหนึ่งปาฐกถา หรือคำกล่าวในวาระต่างๆ ที่แตกต่างกันไป ต้นตอมันเหมือนจะมาจากสองย่อหน้าข้างบนเลยนะครับ
อันที่จริง รายงานที่ว่ามีเยอะ แต่เลือกเอามาเฉพาะที่ได้ยินอยู่บ่อยๆ จนเดี๋ยวนี้ชักจะคุ้นเคยเสียแล้วพูดอย่างเป็นทางการทีไร เหมือนให้คนสภาพัฒน์ ฯ เขียนได้ตรงเดี๊ยะ
เอ๊ะ นี่เข้าข่ายหมิ่นประมาทหรือเปล่าเนี่ย
แต่นี่ไม่ได้เอ่ยชื่อเลยสักคำนะครับ อย่าร้อนตัวไปก่อนล่ะ
เรื่องโดย : มือบ๊วย
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน สิงหาคม ปี 2546
คอลัมน์ Online : โค้งอันตราย
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/51708