ร่มไม้ชายศาล
ผ่อนส่ง แต่ไม่ใช่เช่าซื้อ
การซื้อรถในระบบผ่อนส่งชาวบ้านมักจะเข้าใจผิด คิดว่าเหมือนกันหมดหรือมีอยู่วิธีเดียวที่เราเรียกว่า "เช่าซื้อ"
อันที่จริงไม่ใช่อย่างนั้นหรอก การซื้อรถผ่อนส่งมีอยู่สองแบบคือ "เช่าซื้อ" ขนานแท้ ซึ่งเป็นที่นิยมกันอย่างกว้างขวาง ทางการสมัยรัฐมนตรีจุรินทร์ พยายามตีกรอบกำหนดแบบสัญญาเพื่อความเป็นธรรมแก่ผู้บริโภคให้มากที่สุด ขณะที่บริษัทขายรถก็โวยว่ามันไม่ดีอย่างโน้นอย่างนี้เรื่อยมา
อีกอย่างคือ "ซื้อรถแบบมีเงื่อนไข" ไม่ใช่เช่าซื้อ เป็นการซื้อรถที่คนซื้อไม่ได้จ่ายเงินสดคราวเดียวแต่แบ่งจ่ายหรือผ่อนชำระ ผ่อนจึงจะโอนรถให้ชาวบ้านดูเผินๆ เหมือนการเช่าซื้อรถเปี๊ยบแต่ในแง่กฎหมายมันต่างกัน
ที่แตกต่างอย่างสำคัญชาวบ้านเสียเปรียบอย่างแรงคือ เมื่อรถเกิดการสูญหายหรือเป็นอะไรไปโดยเหตุสุดวิสัย ผู้ซื้อต้องรับผิดกับผู้ขายอย่างเต็มๆ ตามสัญญาที่ผู้ขายเขียนมัดไว้ทุกราย
แต่ถ้าเป็นการเช่าซื้อ หากรถสูญหายโดยเหตุสุดวิสัย ผู้เช่าซื้อสบาย ไม่ต้องรับผิดในตัวรถนอกเสียจากค่างวดที่ค้างชำระและที่เกี่ยวเนื่องกับค่างวดที่ค้างเท่านั้น ในการเช่าซื้อขนานแท้เมื่อผู้ขายรู้แง่มุมของกฎหมาย ก็พยายามเอาเปรียบ เขียนสัญญามัดคอให้ผู้เช่าซื้อรับผิดชอบเมื่อรถสูญหายอยู่ดี ผู้เช่าซื้อที่อ่อนแต้มหรือไม่รู้เท่าทันก็จ่ายไป แต่ถ้ารู้แง่กฎหมายที่ว่ามาก็เฉยเสียไม่ต้องจ่าย ให้บริษัทฟ้องร้องขึ้นมา เมื่อความปรากฏ ศาลจะตัดสินให้ผู้เช่าซื้อไม่ต้องรับผิด การเช่าซื้อมีข้อดีอย่างมากตรงนี้เอง
สรุปแล้วไม่จำเป็นไม่อยากได้รถเขามาจริงๆ อย่าไปซื้อรถแบบผ่อนส่งที่ไม่ใช่การเช่าซื้อนะตัวเองเอาละเรามาดูคดีความเพื่อให้เกิดความชัวร์กันซะเลย "นายโอเค" แกเป็นคนไทยเรานี่แหละแต่เห่อฝรั่งไปหน่อยจึงตั้งชื่อโอเค วันหนึ่งอยากได้รถมาใช้แต่ไม่มีเงินสด จึงกำเงิน 4 หมื่นบาทไปซื้อผ่อนรถมาคันหนึ่ง ราคาตีไว้เกือบ 2 แสนบาท
การซื้อรถ นายโอเค ไม่ได้รู้เรื่องว่าอะไรคือเช่าซื้อ อะไรคือซื้อผ่อนส่ง เขาเอาสัญญาอะไรมาให้เซ็นก็เซ็นลงไปดุ่ยๆ ด้วยอารามอยากได้รถมาขับ
รถแต่งจ๊าบไปหน่อย ขโมยบ้านเราเยอะไปหน่อย กฎหมายเอาผิดพวกลักขโมยอ่อนไปหน่อยนายโอเคผ่อนชำระได้แค่งวดเดียว รถโดนขโมย ตามหาจนเหงือกแห้งก็ไม่เจอ ยังดีที่บริษัทเกณฑ์ให้ทำประกันไว้ส่วนหนึ่ง บริษัทขายรถได้เงินประกันไป 1 แสนบาท แล้วแบมือเรียกร้องเงินค่ารถอีกส่วนหนึ่งแสนจาก นายโอเค เมื่อ นายโอเค ไม่ยอมจ่าย เพราะได้ใช้รถอยู่แป๊บเดียวบริษัทจึงยื่นฟ้อง บังคับให้จ่ายค่ารถที่ยังขาด 5 หมื่นกว่าบาท
นายโอเค ซึ่งโดนฟ้องเป็นจำเลยที่ 1 เซ็งหรือไม่มีเงินจ้างทนาย จึงไม่สู้คดี นอนอยู่บ้านเฉยๆขณะที่ "นส. เอวกลม" ผู้ค้ำประกันซึ่งเป็นจำเลยที่ 2 ไม่อยากเอากระดูกมาแขวนคอ จึงจ้างทนายสู้คดีขอให้ยกฟ้อง อ้างว่ารถถูกขโมยไปจริงๆ เป็นเหตุสุดวิสัย บริษัทเรียกร้องให้ชำระค่ารถไม่ได้เพราะเป็นการเช่าซื้อ ถ้าจะต้องรับผิดก็ไม่ถึง 2 หมื่นบาท
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว เห็นว่าเป็นการซื้อรถแบบมีเงื่อนไข ไม่ใช่การเช่าซื้อ นายโอเค กับพวกต้องรับผิดจ่ายค่ารถในส่วนที่บริษัทยังได้ไม่ครบ แต่ตัดสินให้จ่ายเพียง 17,670 บาท เมื่อนำเงินที่ได้จากกี่ประกันภัย เงินที่ นายโอเค จ่ายตอนออกรถ เงินที่ผ่อนชำระ 1 งวด มาหักออกจากราคารถที่ควรจะเป็น
นายโอเค กับนส. เอวกลม ได้คืบจะเอาศอก จ่ายไม่ถึง 2 หมื่นไม่พอใจ ยื่นอุทธรณ์ขึ้นไป ขอให้ยกฟ้อง โดยอ้างว่าเป็นเรื่องเช่าซื้อ รถหายโดยเหตุสุดวิสัย ผู้ซื้อไม่ต้องจ่าย ขณะที่บริษัทขายรถก็อุทธรณ์เพราะฟ้องทั้งที ศาลให้แค่หมื่นเศษๆ มันน้อยนิดเกินไป ยืนยันว่าราคารถที่ขายเกือบ 2 แสนบาท ไม่ใช่แสนหกหมื่นกว่าบาทอย่างที่ศาลชั้นต้นกำหนด
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ว เห็นด้วยกับโจทก์ จึงพิพากษาแก้ บังคับให้จำเลยทั้งสองจ่าย 54,570 บาท พร้อมดอกเบี้ย
นายโอเค กับนส. เอวกลม ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ยื่นฎีกาขึ้นไป โต้แย้งเต็มที่ ขอให้ยกฟ้องหรืออย่างมากเท่าที่ศาลชั้นต้นตัดสิน
ศาลฎีกาเหม่อมองดูคดีนี้ด้วยความอ่อนเพลีย แต่ก็กัดฟันพิจารณาและชี้ขาดออกมาว่าสัญญาที่ทำไว้ระบุว่าเป็นรถ อีซูซุ ราคา 199,900 บาท นายโอเค จ่ายก่อน 4 หมื่น ที่เหลือจ่ายเดือนละ 5,330 บาท รวม 30 งวด ผ่อนได้งวดเดียวรถถูกขโมย บริษัทประกันจ่ายให้บริษัทผู้ขาย 1 แสนบาท จำเลยทั้งสองถูกทวงถามถูกฟ้องให้จ่ายอีก 54,570 บาท โดยยึดเอาค่ารถ 199,900 บาท มาเป็นฐานในการคำนวณ ขณะที่จำเลยอ้างว่าเป็นการเช่าซื้อ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลฎีกาเหล่ดูแล้ว เห็นว่า สัญญาที่ทำกันไว้ไม่ใช่เช่าซื้อแน่นอน แต่เป็นการซื้อขายโดยมีเงื่อนไขให้แบ่งจ่ายหรือผ่อนส่ง ในสัญญายังเขียนมัดคอคนซื้อไว้ด้วยว่า ถ้ารถสูญหายเสียหายผู้ซื้อต้องรับผิด แม้รถโดนลักไป ไม่ได้เป็นความผิดของจำเลยก็ตาม แต่จำเลยไม่ต้องตกใจ ราคารถเท่าไหร่ศาลต้องส่องดูจนแน่ใจ เมื่อคนของบริษัทมาให้การว่ารถคันนี้ซื้อสดราคา 163,000 บาทราคารถที่แท้จริงจึงไม่ใช่ 199,900 บาท ตามที่ฟ้องมา ต้องเอาราคารถที่แท้จริงมาคำนวณ เมื่อหักเงินที่ นายโอเค จ่ายไปก่อน 4 หมื่น ค่างวดอีก 1 งวด และเงินประกันอีก 1 แสน การที่ศาลชั้นต้นให้จำเลยจ่ายแค่ 17,670 บาท พร้อมดอกเบี้ยถูกต้องแล้ว
ศาลฎีกาจึงพิพากษาแก้ ให้เป็นไปตามที่ศาลชั้นต้นว่าไว้นั่นแล
เห็นชัดอย่างที่ผมเคยพูดไว้เสมอคือ ศาลไทยเมตตาคนผ่อนรถไม่น้อย อย่างเช่นคดีนี้ศาลจะเอาราคารถที่เป็นจริงมาคำนวณ ไม่เอาราคาเงินผ่อนที่บวกดอกเบี้ยเข้าไป นายโอเค กับ นส. เอวกลมจึงไม่โดนหนัก
อันที่จริงก็ยุติธรรมแล้ว เพราะรถโดนลักไป นายโอเค ไม่ได้ใช้รถ เสียเงินไปฟรีๆ ไม่น้อย ไม่สมควรแบกรับภาระดอกเบี้ยอีกต่อไป ถ้าบริษัทขายรถจะร้องว่าไม่ยุติธรรม ต้องร้องไปยังรัฐบาลที่ไม่สามารถคุ้มครองความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน บริษัทจึงต้องพลอยรับกรรมไปด้วยอย่างที่เห็น
จากคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 155/2535
เรื่องโดย : จอมยุทธ
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน กรกฏาคม ปี 2546
คอลัมน์ Online : ร่มไม้ชายศาล
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/51679