รอบรู้เรื่องรถ
เมืองเถื่อนยามวิกาล !
เมืองเถื่อนยามวิกาล !
เกือบทุกคืนวันศุกร์จะเป็นเวลาที่ผมมีโอกาสพบปะสนทนากับเพื่อนที่เรียนด้วยกันมาและบังเอิญเส้นทางที่ใช้เดินทางกลับเป็นถนนที่มีสถานบันเทิงอยู่พอสมควร คือถนนรัชดาภิเษก ช่วงลาดพร้าวถึงอโศกและถนนทองหล่อซึ่งก็ไม่มากมายอะไรเป็นพิเศษเพราะยังมีแหล่งอื่นที่นักเที่ยวกลางคืนหนาแน่นเท่านี้หรือมากกว่านี้อยู่หลายแห่ง หมายความว่าอะไรที่เกิดขึ้นในย่านนี้ที่ผมได้พบอยู่ทุกคืนวันศุกร์จะต้องเกิดขึ้นทั่วไป และในอีกหลายที่คงเลวร้ายกว่านี้อีกการเดินทางกลับบ้านของผมตอนดึกของคืนวันศุกร์ จึงเป็นการผจญภัยประจำสัปดาห์
ผมใช้คำนี้โดยไม่ต้องให้อยู่ในเครื่องหมายคำพูด เพราะเป็นการผจญกับภัยจริงๆ ครับและเป็นความรู้สึกของผู้ชายปกติคนหนึ่ง ที่ผ่านอะไรมาพอสมควร และไม่ใช่คนที่กลัวอะไรง่ายๆตลอดทางที่เดินทางกลับบ้าน ผมจะพบแต่คนขี่รถจักรยานยนต์ที่คึกคะนอง มีคนซ้อนท้ายและที่สำคัญคือไม่มีการสวมหมวกนิรภัยกันทั้งสิ้น เพราะเป็นที่รู้กันว่า ในเมืองนี้ประเทศนี้มีการรักษากฎหมายจราจรกันเฉพาะในช่วงที่พระอาทิตย์ยังไม่ "ตก" เท่านั้นจากนั้นไปจนถึงเช้าวันใหม่เป็นอันว่าใครจะทำอะไรก็ได้ เพราะตำรวจกลับบ้านกันหมดแล้วบางสัปดาห์ก็จะเห็นพวกสิ้นคิดเหล่านี้ นอนสมองไหลอยู่กลางถนน มีเจ้าหน้าที่มูลนิธิบางแห่งยืนดูเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาสามัญประจำวันคู่บ้านคู่เมืองหรืออย่างเบาก็ชนกับรถเก๋งในทิศทางที่ไม่น่าจะชนกันได้ เพราะอะไรหรือครับ ? ที่มันเกิดขึ้นได้เพราะต่างฝ่ายต่างเมาไงครับ
ส่วนพวกที่ขับรถสี่ล้อทั้งหลาย ยิ่งอันตรายกว่าสำหรับตัวผมเพราะตลอดทางกลับบ้านผมจะต้องประคับประคองหลบหลีก ไม่ให้ถูกชนผู้อ่านที่ไม่เคยประสบสถานการณ์แบบนี้ด้วยตนเองคงจินตนาการไม่ได้และอาจจะนึกว่าผมเขียนอะไรที่มันเกินเลยไปหน่อย ไม่หรอกครับ ถ้ายังคลาดเคลื่อนก็คงจะเป็นไปในทางที่เลวร้ายน้อยกว่าจริง เพราะสิ่งที่ผมพบเห็นนี้เกิดขึ้นทุกกลางดึกวันศุกร์สัปดาห์แล้วสัปดาห์เล่า
เชื่อไหมครับว่า ไม่ว่าเราจะขับรถถูกต้องและระมัดระวังเพียงใด ก็ยังมีโอกาสถูกคนพวกนี้ขับชนได้เพราะเมากันจนเดินให้ตรงก็ไม่ได้แล้ว ผมเคยเห็นรถคันที่จอด "ติดไฟแดง" อยู่ข้างๆ ผมถูกชนท้ายเอาดื้อๆ นี่เป็นพวกที่เมาอย่างเดียวนะครับ ยังมีที่เลวร้ายกว่าคือเมาแล้วยังขับแข่งกันอีกด้วย แทบทุกศุกร์ ผมจะเห็นรถชนกันเอง ชนเสาไฟฟ้าพังยับเยินบางครั้งชนโดยไม่มีการเบรค เพราะเมาจนไม่ได้สติ หรือไม่ก็หลับไปชั่ววูบ กับพวกที่แหกโค้งเพราะมือไม่ถึงและความรู้ไม่ถึง มีแต่เงินกับเท้าเท่านั้นที่ถึง เพราะสักแต่มีรถแพงๆเหยียบคันเร่งด้วยความคะนองเป็นเท่านั้น แถมยังทำขณะเมาอีกด้วย
ทุกครั้งที่ผมกลับถึงบ้านได้โดยไม่ถูกคนเมาพวกนี้ขับชน ก็เป็นผลจากความพยายามของผมบวกกับโชคครับ ต้องมีโชคจริงๆ นะครับ เพราะขับอยู่ดีๆ ในทางของเราก็ยังถูกพวกมันชนเอาดื้อๆ ได้บ่อยครั้งที่ผมขับมาถึงหน้าสถานีตำรวจนครบาลทองหล่อแล้วเห็นคนเหล่านี้เมาจนเดินลงมาตัดหน้ารถที่กำลังขับมา พวกเพื่อนต้องตามมาช่วยตะครุบตัวออกไปสิ่งเลวร้ายเหล่านี้เกิดขึ้นได้เพราะผู้รักษากฎหมายละเลยครับไม่มีสิทธิ์ที่จะอ้างว่าขาดนั่นขาดนี่แบบที่ชอบแก้ตัวกัน ถ้าจะขาดจริงก็ต้องทำให้ประจักษ์ก่อนจะอ้างว่าขาดกำลังคนขาดงบประมาณ ฯลฯ ไม่ได้
ปัญหาทุกอย่างมีทางแก้ไข ถึงจะไม่ได้ทั้งหมด ต้องทุ่มเทแก้ไขให้ประชาชนเขาเห็นความพยายามก่อนต้องมีการกวดขัน จับกุม ลงโทษพวกเมาแอลกอฮอล์แล้วขับรถ ให้ได้ผลและเป็นที่ยำแกรงการชดใช้สินไหมโดยบริษัทประกันภัย ก็มีส่วนทำให้คนพวกนี้ได้ใจเพราะจะสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่นเพียงใดก็ได้เสร็จแล้วก็โทรศัพท์ตามพนักงานจากบริษัทประกันภัย มารับรู้และชดใช้ระหว่างนั้นรถจะติดเดือดร้อนกันขนาดไหน คนพวกนี้ไม่เคยสนใจอยู่แล้ว ยิ่งถ้าเป็นลูกนักการเมืองชั่วจะยะโสโอหังไปจากที่เกิดเหตุเลย แล้วให้สมุนมาจัดการแทนน่าจะหมดยุคเหมือนเมืองเถื่อนกันได้แล้วครับ
ที่จริงแล้วมองกันอย่างไม่เข้าข้างตนเองหรือหลงตนเองก็ยังต้องบอกว่าประเทศไทยของเราเจริญรุ่งเรืองพอสมควรครับ แล้วกรุงเทพ ฯ ซึ่งเป็นเมืองหลวงนั้นก็เป็นเมืองระดับโลกเมืองหนึ่งเหมือนกัน จึงไม่ควรมีสิ่งเลวร้ายเหนือกฎหมายเหล่านี้เกิดขึ้นเด็ดขาด
ป้องกันดีกว่าแก้ไข !
ผมเคยเขียนเรื่องการขอความร่วมมือให้ผู้ร่วมใช้ถนนสามารถร้องเรียนต่อเจ้าของกิจการได้ในกรณีที่พนักงานขับรถไม่สุภาพ รู้สึกว่าจะประมาณสองปีที่แล้วครับพร้อมกับให้รายละเอียดเกี่ยวกับผลดีที่จะตามมาด้วย เท่าที่ผมติดตามผลแบบไม่เป็นทางการรู้สึกว่าได้ผลดีอย่างยิ่ง มีเจ้าของกิจการปฏิบัติกันมากพอสมควรซึ่งส่วนใหญ่คงจะเห็นจากรถของเจ้าของกิจการอื่น และนำไปปฏิบัติตาม
ผู้ที่ขับรถซึ่งมีหมายเลขโทรศัพท์ พร้อมกับข้อความขอความร่วมมือนี้ปรับปรุงมารยาทในการขับกันดีขึ้นทันตาเห็นครับ ระยะหลังนี้พวกที่ขับรถแบบเอาเปรียบมารยาททรามหรือทำลายรถทางอ้อมล้วนเป็นรถที่ไม่มีหมายเลขโทรศัพท์ให้ผู้ใช้ถนนมีโอกาสแจ้งทั้งสิ้น เพื่อไม่ให้เปลืองเนื้อที่ผมขอทบทวนข้อดีแบบกระชับเป็นข้อๆ ไปเลยแล้วกันนะครับ
1. เป็นสิ่งดีต่อสังคม ในการลดจำนวนผู้ขับมารยาททราม ทำความเดือดร้อนให้ผู้อื่น ทางเทคนิคก็ยังมีผลต่อสังคมครับ พอมารยาทดีขึ้นก็จะไม่มีการกระทืบคันเร่งจนมิดทันทีซึ่งทำให้เครื่องดีเซลปล่อยเขม่าหรือ "ควันดำ" ออกมามากมาย
2. ไม่เสียภาพพจน์ของกิจการหรือผลิตภัณฑ์กรณีที่มีชื่อบริษัท ชื่อ หรือทั้งชื่อและภาพของผลิตภัณฑ์เพราะพอคนเราเกลียดคนขับ ก็เกลียดรถนั้นด้วยและถ้าเห็นชื่อหรือภาพผลิตภัณฑ์ก็จะพาลเกลียดไปด้วย
3. ข้อนี้ผมว่าสำคัญมากครับ ในการกระตุ้นให้ผู้ที่ยังไม่ปฏิบัติ ได้เริ่มทำตามเพราะเป็นรูปธรรมที่วัดได้นับได้จริงๆ และเป็นเรื่องสำคัญด้วยเพราะเกี่ยวกับเงินโดยตรง ซึ่งเป็นหัวใจของการทำธุรกิจอยู่แล้วนั่นคือช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับยานพาหนะได้อย่างมาก เมื่อขับรถ "ดีขึ้น" ก็เกิดอุบัติเหตุน้อยลงเบี้ยประกันก็จะถูกลงตามหรือถ้าไม่ได้ประกันภัยไว้ ก็จะยิ่งเห็นข้อแตกต่างชัดเจนกว่าเพราะจำนวนครั้งของอุบัติเหตุและค่าซ่อม ต้องลดลงอย่างมากแน่นอนครับ
4. ข้อนี้ก็สำคัญไม่น้อยกว่าข้อ 3 ค่าบำรุงรักษาจะลดลงอย่างมากมายเลยทีเดียวรวมทั้งค่าเชื้อเพลิงด้วย ผ้าเบรคจะสึกน้อยลง เช่นเดียวกับผ้าคลัทช์ ลูกหมาก บุชต่างๆของช่วงล่างก็ไม่ถูกถลุง ชิ้นส่วนในเครื่องยนต์ ในห้องเกียร์ ในเฟืองท้ายจะไม่ถูกถลุงจนสึกหรอเร็วเกินควร
ส่วนข้อเสียนั้น นึกเท่าไรก็นึกไม่ออกครับ เพราะว่าไม่มีถ้าเป็นเจ้าของกิจการแล้วยังไม่ได้ใช้วิธีดังกล่าวนี้ ผมขอแนะนำให้เริ่มทันทีเลยครับทำเพื่อตัวเราก็พอครับ สิ่งที่ดีต่อผู้อื่นถือเป็นผลพลอยได้ ไม่ต้องไปเกรงใจพนักงานครับผู้ที่ปฏิบัติตนดีอยู่แล้ว เขาก็ไม่เดือดร้อน เพราะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงสำหรับเขาถ้ารู้สึกว่าข้อความที่นิยมใช้กัน เช่น "พนักงานขับรถไม่สุภาพโปรดแจ้ง..." หรือ " พนักงานขับหวาดเสียวไร้มารยาท โปรดแจ้ง..." ค่อนข้างจะ "ตรง" ไปหน่อย ก็พอเลี่ยงได้ครับ เช่น "โปรดให้คำแนะนำในการขับรถของพนักงานได้ที่โทร...." หรือ "ติ-ชม วิธีขับรถของพนักงานได้ที่ โทร...." หรืออะไรทำนองนี้ก็น่าจะได้ผลเหมือนกัน
ข้อสำคัญต้องมีวิธีปฏิบัติให้ถูกต้องด้วยครับตัวหนังสือและตัวเลขต้องใหญ่พอสีที่ใช้ต้องตัดกับสีของตัวรถ มองเห็นได้ในระยะไกลพอควรและต้องไม่หลุดหลอกได้ง่าย ข้อสำคัญที่สุด ต้องให้พนักงานขับรถ รับผิดชอบต่อข้อความเหล่านี้ครับผมเห็นปล่อยให้ขูดเลขทิ้งไปหนึ่งตัว ก็หมดประโยชน์ไปทันทีครับไม่มีใครมาขูดหรอกครับนอกจากตัวคนขับเอง อย่าให้คนพวกนี้มาดูถูกว่าเจ้าของกิจการโง่กว่ายอมไม่ได้จริงๆ ครับ
เรื่องโดย : เจษฎา ตัณฑเศรษฐี
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน กรกฏาคม ปี 2546
คอลัมน์ Online : รอบรู้เรื่องรถ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/51678