มาตรวัดตลาดรถ
สู้สงคราม
[table]
เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์เดือนกุมภาพันธ์ ปี '46 และ '45
ตลาดโดยรวม เพิ่ม, 48.2 %
รถยนต์นั่ง เพิ่ม, 78.2 %
กระบะขับเคลื่อน 2 ล้อ, เพิ่ม 53.0 %
รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV), ลด 1.5 %
[/table]
ตั้งชื่อหัวเรื่องโก้ๆ ยังงั้นเองแหละครับ เพราะยอดการขายรถในเดือนกุมภาพันธ์ช่วงก่อนเกิดสงครามอ่าวนั่นแหละ เจริญเติบโตมโหฬาร ยอดรวมสองเดือนขายกันถึง 77,490 คันเติบโตถึง 50.4 % เล่นเอานักการตลาดบางค่ายก็เดินยิ้มแก้มปริ เพราะแคมเปญใช้ได้ผล
ส่วนบางค่ายก็เดินทำหน้างงๆ บ่นอุบอิบไปมา ว่าพี่ไทยเรานี่เป็นยังไงกันแน่ ไอสงครามคุกรุ่นแต่พี่ไทยเราก็ถอยรถป้ายแดงออกมาขับกันเป็นว่าเล่น แต่ที่แน่ๆ คือ ผลส่วนหนึ่งมาจากแคมเปญนั่นแหละ แต่เชื่อขนมรับทานได้เลยว่า พอหมดไตรมาสแรก ระฆังดัง พักยก ก็คงเงียบไปสักพัก
แล้วไตรมาสสองก็ค่อยออกแคมเปญกันใหม่
ก่อนเข้าเรื่องก็ต้องมีรายการเรียกน้ำย่อยยกหนึ่งก่อน
เมืองนอกเขาทำสงครามกันยังกับทำหนังจอใหญ่ บ้านเราเมืองเรา
ก็ชวนกันมานั่งจับเข่าคุยว่าจะกำหนดวิสัยทัศน์ของประเทศ กำหนดยุทธศาสตร์การดำเนินงานเพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างบูรณาการ
นั่นแน่ พูดจาเข้ายุคเข้าสมัยก็เป็นเหมือนกันนะครับ
การพัฒนาที่ยั่งยืนนั้น จะต้องยึดหลักความสมดุลของการพัฒนาใน 3 มิติ คือ มิติทางสังคมหมายถึงคุณภาพชีวิตของประชาชนดีขึ้น มิติทางนิเวศวิทยาหมายถึงการใช้ทรัพยากรธรรมชาติโดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม และการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ และมิติทางเศรษฐกิจ หมายถึง ประชาชนมีรายได้และมีงานทำ...โดยไม่ต้องค้ายาบ้า
อันนี้กระผมว่าเองแหละ
ทั้งนี้ เพื่อให้ประเทศไทยมีศักยภาพในการแข่งขันกับชาวบ้านชาวเมืองเขาด้วย ขณะเดียวกันก็จะส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้นด้วย
แถมอีกเรื่อง เพราะเรื่องนี้ถูกองค์การค้าโลกบีบคอมานานแล้วให้แก้ไข สิริรวมก็ปรากฏว่ากระทรวงพาณิชย์ ยอมแก้ระเบียบให้มีการนำเข้ารถยนต์บรรทุกคนโดยสารสำเร็จรูปใหม่ ชนิด 6 ล้อ ที่มีที่นั่งตั้งแต่ 30 ที่นั่งขึ้นไป รวมทั้งรถยนต์ที่ใช้แล้วแบบเดียวกัน สามารถนำเข้ามาใน
ราชอาณาจักรได้
เรื่องนี้คุยกันแล้วว่า จะไม่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมต่อตัวถังรถของไทยเพราะราคารถบรรทุกคนโดยสารสำเร็จรูปนำเข้าที่เสียภาษีแล้ว
จะมีราคาสูงกว่ารถยนต์บรรทุกคนโดยสารที่ต่อตัวถังในประเทศอยู่มาก
และจะไม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจการซ่อมสร้างตัวถังในประเทศเช่นกัน
เรื่องนี้ก็เหมือนกัน ลักษณะเดียวกับกฎหมายล้าหลังเรื่องรถบรรทุก
ไปกำหนดกันวุ่นวายเรื่องจำกัดน้ำหนักบรรทุกอย่างโน้น อย่างนี้นักการตลาดเขานั่งหัวร่อกันร่วน
แน่จริงพี่กำหนดขนาดของยางไปเลย ใช้ยางกว้าง 9.00 หรือยาง 900 กะทะล้อ 20 นิ้ว ชั้นผ้าใบ 12 ชั้น แค่นั้นก็พอ ทีนี้จะบรรทุกกันเท่าไรก็ว่าเข้าไป บรรทุกเกิน ยางก็รับไม่ได้เอง
เพราะเดี๋ยวนี้เขาใช้ยาง 1.200-20-16 กันไปโน่นแล้วคิดเอาเองแล้วกันว่ารับน้ำหนักได้เพิ่มมากขนาดไหน
พูดไปก็น่าเบื่อนะครับ เวลาอ่านข่าวหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่งทีไร ภูมิปัญญาทั้งคนให้สัมภาษณ์คนสัมภาษณ์ คนพาดหัวข่าว เล็ดลอดออกมาแสดงระดับตามหน้าหนังสือพิมพ์อยู่บ่อยๆ
กลับมาเรื่องของเราดีกว่า แต่ขออภัยไว้ล่วงหน้า เพราะรอบนี้มีการเปลี่ยนแปลงของข้อมูลบ้างเล็กน้อยเพื่อให้เข้ากับเมืองนอกเมืองนาเขาได้บ้าง
ยอดขายรถทุกประเภทในเดือนกุมภาพันธ์ เจ้าตลาดยังคงเป็น โตโยตา
เพราะแค่เห็นตารางแคมเปญรถทุกรุ่นก็นั่งงงๆ แล้วครับ ขายได้ 14,516 คัน เจริญเติบโต 89.6 %ส่วนแบ่งตลาด 36.6 % อันดับสอง อีซูซุ ขายได้ 10,350 คัน โต 57.1 % และได้ส่วนแบ่ง 26.1 %อันดับสาม ฮอนดา ขาย 5,614 คัน เติบโต 53.5 % และส่วนแบ่ง 14.1 % อันดับสี่ นิสสัน 2,727 คันลดลง 17.3 % ส่วนแบ่ง 6.9 % อันดับห้า มิตซูบิชิ ขาย 2,159 คัน เพิ่ม 13.3 % ส่วนแบ่ง 5.4 %
แยกประเภทเป็นรถยนต์นั่ง เช่นเดิม เจ้าตลาดยังคงเป็น โตโยตา ขาย 7,107 คัน โตเยอะ 156.8 %ส่วนแบ่ง 50.9 % ที่สอง ฮอนดา ขาย 4,838 คัน เติบโต 92.4 % ส่วนแบ่ง 34.6 % ที่สามนิสสัน ขาย 588 คัน ลดลง 37.3 % ส่วนแบ่ง 4.2 % ที่สี่ มิตซูบิชิ ขาย 461 คัน ลดลง 21.9 %ส่วนแบ่ง 3.3 % แถมด้วยที่ห้า เมร์เซเดส-เบนซ์ ขาย 416 คัน โต 10.1 % ส่วนแบ่ง 3.0 %
รถกระบะหนึ่งตัน ไม่รวมรถขับเคลื่อนสี่ล้อ โตขึ้น 53 % ขายได้ 18,908 คันขณะที่ยอดรวมตั้งแต่ต้นปีขายได้ 35,035 คัน เพิ่ม 46.8 %
แชมพ์ประจำเดือนได้แก่ อีซูซุ ขาย 8,615 คัน เพิ่ม 64.1 % ส่วนแบ่ง 45.6 % อันดับสอง โตโยตา ขาย5,414 คัน เพิ่ม 80.2 % ส่วนแบ่ง 28.6% อันดับสาม นิสสัน ขาย 1,954 คัน ลดลง 11.3 % ส่วนแบ่ง
10.3 % อันดับสี่ ฟอร์ด ขาย 1,338 % เพิ่ม 51.0 % ส่วนแบ่ง 7.1% อันดับห้า มิตซูบิชิขาย 1,174 คัน เพิ่ม 57.4 % ส่วนแบ่ง 6.2 %
รถเพื่อการพาณิชย์ก็ค่อยๆ เติบโตแบบเด็กๆ เดือนเดียวขายได้รวม 1,062 คัน โต 45.9 %โดยมีเจ้าตลาดเปลี่ยนหน้ากันบ้าง อีซูซุ ขาย 500 คัน โต 30.2 % ส่วนแบ่ง 47.1 % ที่สอง ฮีโน ขาย 258 คัน เติบโต 1.6 % ส่วนแบ่ง 24.3 % และที่สาม มิตซูบิชิ ขาย 149 คัน โตเยอะ 272.5 % ส่วนแบ่ง14.0 %
รถขับเคลื่อนสี่ล้อทุกประเภท ไม่รวมรถกระบะ 1 ตัน หรือบรรดาเอสยูวี ขายได้ 1,308 คัน ลดลง 1.5 %ขณะที่ยอดรวมตั้งแต่ต้นปี ขายได้ 3,146 คัน เพิ่ม 77.2 %
แชมพ์ประจำเดือนได้แก่ ฮอนดา ขาย 728 คัน ลดลง 35.8 % ส่วนแบ่ง 55.7 % ที่สอง ฟอร์ด ขาย 287 คัน เพิ่ม 5,640 % ส่วนแบ่ง 21.9 % ที่สาม มาซดา ขาย 145 คัน ส่วนแบ่ง 11.1 %ที่สี่ ซูซูกิ ขาย 72 คัน ลดลง 6.5 % ส่วนแบ่ง 5.5 %
นั่นคือความเป็นไปก่อนเกิดสงคราม ช่วงเดือนมีนาคม ก็อย่างที่รู้กันอยู่
นั่งดูหนังใหญ่ในข่าวกันเป็นที่สนุกสนาน ไม่รู้ว่าตัวเลขจะรุ่งเรืองขนาดไหน แต่เชื่อได้อย่างว่าพี่ไทยไม่ตื่นเต้นหรอกครับ
ข่าวเปิดด่านปอยเปต พี่ไทยตื่นเต้นมากกว่าเยอะครับ
เชื่อหรือเปล่า ?
เรื่องโดย : มือบ๊วย
ภาพโดย : -
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน พฤษภาคม ปี 2546
คอลัมน์ Online : มาตรวัดตลาดรถ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/51620