ประกันภัย
ระวังประกันภัยขี้โกง (4)
เราพูดคุยกันเรื่องระวังประกันภัยขี้โกงมา 3 ฉบับ รวม 13 หัวข้อที่น่าสนใจ
ฉบับนี้ก็ยังคงนำเสนอเรื่องกลวิธีการโกงของบริษัทประกันภัยต่อจากฉบับที่แล้ว
เพื่อเป็นอุทธาหรณ์เตือนใจท่านทั้งหลายให้ระมัดระวังอย่าประมาท
โดยหลงเชื่อคำโฆษณาบริษัทประกันภัยหรือคำพูดของพนักงานบริษัทประกันภัย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายรับประกันภัยฝ่ายเคลม ฝ่ายสินไหม ฝ่ายอะไหล่ ฝ่ายขาย หรือตัวแทน
ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นไม่ต้องสงสัยเลยลองไปดูตอนที่พวกพนักงานบริษัทประกันภัยเขาโต้เถียงกันไม่ว่าจะเป็นบริษัทเดียวกันหรือระหว่างบริษัทประกันภัยด้วยกัน ต่างฝ่ายต่างไม่ลงให้แก่กันต่างฝ่ายต่างจะหากลวิธีเอาชนะคะคานกันทั้งด้วยเหตุผลด้วยเล่ห์กลอุบายสารพัดแม้จะได้ทำสัญญาลงชื่อทำบันทึกข้อตกลงมีระดับรัฐมนตรีมาเป็นสักขีพยานทำข่าวกันอย่างอึกทึกคึกโครมแต่พอเอาเข้าจริงกลับเป็นคนละเรื่องกันกับที่ทำข้อตกลงกันไว้
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดได้แก่เรื่องสัญญานอคฟอร์นอคหรือสัญญาว่าด้วยเรื่องการสละสิทธิเรียกร้องระหว่างกันของบริษัทสมาชิกเพื่อลดปัญหาการเรียกร้องฟ้องร้องระหว่างกันในกรณีที่รถลูกค้าของแต่ละบริษัทที่ทำประกันประเภทหนึ่งด้วยกันมาเฉี่ยวชนกัน
ให้แต่ละบริษัทต่างไปซ่อมให้ลูกค้าของตนเองโดยไม่ต้องต้องคำนึงว่าฝ่ายใดเป็นฝ่ายผิดฝ่ายใดเป็นฝ่ายถูก โดยหลักการแล้วเห็นว่าการเรียกร้องกันไปกันมาก็เสียเวลาเสียค่าใช้จ่ายเพราะเมื่อเคลียร์บัญชีค่าเสียหายที่ต่างเรียกร้องกันแล้วหักกลบลบหนีกันแล้วแต่ละปีได้เสียพอๆ กันฉะนั้นจึงเห็นควรที่บริษัทประกันภัยทั้งหลายจะได้มาทำบันทึกตกลงกันที่จะสละสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายต่อกันและกันนอกจากนี้ยังเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าทั้งสองฝ่ายที่ไม่ต้องรอพนักงานเคลมของบริษัทประกันภัยให้เสียเวลาและยังเป็นการช่วยแก้ปัญหารถติดไปในตัวอีกด้วย
ดูตามหลักการแล้วจะเห็นว่าเป็นหลักการที่ดีมีประโยชน์ต่อทุกฝ่ายแต่ลองไปดูในทางปฏิบัติแทบทุกบริษัทจะไม่ยอมให้ลูกค้าของตนรับผิดกับอีกฝ่ายหนึ่งถ้าลูกค้ายอมรับผิดโดยพลการโดยไม่ได้รับความยินยอมจากบริษัทตามเงื่อนไขกรมธรรม์บริษัทมีสิทธิปฏิเสธความรับผิดในการเกิดเหตุครั้งนั้นได้ทำให้ลูกค้าทั้งสองฝ่ายไม่ยอมตกลงรับผิดซึ่งกันและกันต้องรอพนักงานเคลมของทั้งสองบริษัทมาทำเคลมในที่เกิดเหตุเหมือนเดิมและก็ทำให้ลูกค้าทั้งสองฝ่ายเสียเวลารอคอยพนักงานเคลมของบริษัทประกันภัยฝ่ายตนปัญหารถติดจราจรติดขัดจากรถเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนกันก็เลยไม่ได้ลดลงไป
นอกจากนี้หากพนักงานเคลมของบริษัทใดมาถึงที่เกิดเหตุก่อนก็จะมาตรวจเส้นทางหาข้อได้เปรียบพร้อมกับเสี้ยมสอนให้ลูกค้าในฝ่ายของตนให้พูดว่าฝ่ายตนไม่ผิดอีกฝ่ายหนึ่งเป็นฝ่ายผิด ซึ่งถ้าลูกค้าสามารถพูดจนอีกฝ่ายหนึ่งยอมรับได้ลูกค้าก็จะได้รับส่วนลดประวัติดีทำให้เบี้ยประกันในปีต่ออายุจะลดลงกว่าปีที่ผ่ามมาแต่ในทางตรงกันข้ามถ้าลูกค้าไปยอมรับผิดในการเกิดเหตุครั้งนี้นอกจากจะไม่ได้รับส่วนลดประวัติดีแล้วยังจะทำให้มีการบันทึกประวัติรถที่ไม่ดีและปีในต่ออายุกรมธรรม์จะต้องเสียค่าเบี้ยประกันสูงขึ้นนอกจากนี้บริษัทอาจจะไม่พิจารณารับผิดชอบในการจ่ายค่าเสียหายในครั้งนี้ก็ได้เพราะดูจากการเกิดเหตุแล้วรถประกันไม่ได้เสียเปรียบในเรื่องเส้นทางแต่ลูกค้าไปยอมรับผิดโดยพลการนี่เป็นการพูดเกลี่ยกล่อมลูกค้าในฝ่ายของตนเพื่อให้ลูกค้าเชื่อและพูดตามที่พนักงานเคลมของบริษัทบอก
ซึ่งลูกค้าโดยทั่วไปที่อยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ก็จะค่อนข้างมีสภาวะจิตใจอันสับสนอยู่แล้วเมื่อได้รับคำแนะนำเสี้ยมสอนก็มักจะเชื่อฟังพร้อมปฏิบัติตามคำแนะนำของพนักงานเคลมบริษัทฝ่ายตนโดยง่ายทั้งนี้เพราะเป็นหนทางเดียวที่บริษัทประกันภัยฝ่ายตนจะดูแลให้ความสะดวกทั้งปวงรวมถึงการจัดซ่อมรถที่เสียหายให้ตามเงื่อนไขกรมธรรม์ เมื่อลูกค้ายอมพูดยอมปฏิบัติตามคำแนะนำแล้วพนักงานเคลมก็จะไปเกลี่ยกล่อม (เชิงข่มขู่)ให้อีกฝ่ายหนึ่งยอมรับผิดและเซ็นเอกสารยอมรับผิดไว้เป็นหลักฐานเมื่อพนักงานเคลมอีกฝ่ายซึ่งมาถึงช้ากว่าก็จะทำอะไรไม่ได้ต้องยอมรับหลักฐานที่ลูกค้าของตนยอมรับผิดไปโดยปริยาย ดังนั้นฝ่ายที่มาถึงก่อนก็มักจะเป็นฝ่ายที่ค่อนข้างได้เปรียบเสมอ
การที่พนักงานเคลมของบริษัทมาถึงที่เกิดเหตุรวดเร็วและถึงก่อนของอีกฝ่ายหนึ่งแล้วมักจะเป็นการสร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้าทั้งฝ่ายของตนและคู่กรณีในเรื่องของความรวดเร็วแต่ถ้าดูให้ลึกลงไปก็จะเห็นได้ว่ามันซ่อนกลโกงเอาไว้ในความรวดเร็วมีหลายครั้งที่คู่กรณีทั้งสองฝ่ายตกลงกันไม่ได้เนื่องจากเห็นว่าการที่พนักงานเคลมฝ่ายที่มาถึงที่เกิดเหตุก่อน เสี้ยมสอนอีกฝ่ายนั้นมันไม่เป็นไปตามข้อเท็จจริงและยอมรับไม่ได้
ทำให้ต้องถกเถียงกันว่าฝ่ายใดเป็นฝ่ายผิดเมื่อตกลงกันไม่ได้ก็ต้องพาไปสถานีตำรวจเพื่อบันทึกการเกิดเหตุไว้เป็นหลักฐานเมื่อถึงตอนนี้ลูกค้าของแต่ละบริษัทต่างก็จะต้องยืนยันคำพูดตามที่พนักงานเคลมบริษัทตนเสี้ยมสอนซึ่งถือว่าเป็นการทำศึกระหว่างศักดิ์ศรีของแต่ละบริษัทบนความเดือดร้อนของลูกค้าทั้งสองฝ่ายที่จะต้องมาเสียเวลาเสียความรู้สึกมองหน้ากันอย่างผู้ไม่เป็นมิตร
ยังไม่รู้ว่าจะจบกันในขั้นสถานีตำรวจหรือชั้นศาล เพราะมีหลายเรื่องจะต้องไปจบกันที่ศาลหากความเสียหายที่เกิดนั้นมันมาก หรือหากจบที่สถานีตำรวจก็จะต้องเสียเวลาเจรจาตกลงกันหลายนัดโดยเฉพาะกรณีที่มีคนบาดเจ็บด้วยบริษัทประกันจะฉวยโอกาสเอาคดีอาญามาเป็นเครื่องมือบีบให้ลูกค้าฝ่ายที่ต้องเสียเปรียบช่วยออกค่าเสียหายบางส่วนเพราะลูกค้าจะอยู่ในภาวะทุกข์ร้อนใจต้องการให้คดีหรือเรื่องจบลงโดยเร็วที่สุดซึ่งถือเป็นกลยุทธ์การลดการจ่ายค่าสินไหมของบริษัทประกันภัยไปในตัวเพราะมีส่วนหนึ่งที่ลูกค้าช่วยจ่ายให้ ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่เมื่ออยู่ในฐานะเช่นนี้มักจะต้องยอมร่วมจ่ายมิฉะนั้นก็จะต้องถูกฟ้องดำเนินคดีอาญาโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจตามกฎหมายในข้อหาขับรถโดยประมาททำให้เกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของผู้อื่นมีโทษถึงขั้นจำคุกสิบปีและโทษปรับอีกหลายหมื่นบาท ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีใครปรารถนาจะต้องไปขึ้นศาลเพราะนอกจากจะเสียเวลาเสียค่าใช้จ่ายและหงุดหงิดหัวใจแล้ว ยังแถมร้อนๆ หนาวๆ กับคุกกับตะรางอีกต่างหาก
นี่ก็เป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดเจนว่าการที่บริษัทมีนโยบายบริการรวดเร็วในการมาถึงที่เกิดเหตุก่อนนั้นก็ใช่ว่าจะเป็นการบริการที่ดีเสมอไปไม่หากบริษัทนั้นไม่มีคุณธรรมจริยธรรมไม่ความซื่อสัตย์และจริงใจในการให้บริการมีแต่การแอบแฝงไปด้วยผลประโยชน์ฝ่ายตนเป็นสำคัญด้วยเล่ห์กลโกงสารพัดวิธี
ซึ่งไม่ได้ก่อให้เกิดผลดีทั้งต่อลูกค้า สังคม ตลอดจนวงการประกันภัยเลยแม้แต่น้อย
สิ่งที่นำมาพูดมากล่าวนี้เป็นเรื่องจริงที่มีเกิดขึ้นแต่ละวันแทบไม่เว้น
แต่ละบริษัทประกันภัยต่างชิงไหวชิงพริบกันอย่างไม่มีใครยอมเสียผลประโยชน์และศักดิ์ศรีแม้จะมีการทำสัญญาข้อตกลงกันไว้ สัญญานั้นก็เป็นเพียงแค่เศษกระดาษหาใช่สิ่งที่จะต้องปฏิบัติตามไม่มีหลายบริษัทที่ไม่ยอมรับผิดตามที่อีกฝ่ายหยิบยื่นให้และก็ไม่ยอมที่จะปฏิบัติตามข้อตกลง
ไม่ยอมสละสิทธิทำให้เกิดการฟ้องร้องกันเราจะเห็นบริษัทประกันภัยฟ้องร้องกันเองทุกวันทั้งในชั้นอนุญาโตตุลาการสมาคมประกันภัยชั้นอนุญาโตตุลาการกรมการประกันภัย และในชั้นศาล
นี่เป็นอุทธาหรณ์ว่าขนาดบริษัทประกันภันด้วยกันเองมีสัญญาบันทึกตกลงกันเป็นอย่างดียังไม่ปฏิบัติตามข้อสัญญากันเลยแล้วนับประสาอะไรกันสัญญาที่ตกลงทำไว้กับลูกค้าจะไม่ถูกละเลยละเมิดเชียวหรือมีอะไรเป็นสิ่งที่จะรับประกันได้เพราะสัญญาของบริษัทประกันด้วยเองยังไม่น่าเชื่อถือเลย
ยังมีกลโกงของประกันภัยอีกมากมายที่ควรต้องระวังโปรดติดตามในฉบับต่อไป
เรื่องโดย : กฤชกมล
ภาพโดย : -
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน เมษายน ปี 2546
คอลัมน์ Online : ประกันภัย
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/51553