พิเศษ(formula)
ตะลุย ดี-4 ดี คอมมอนเรล
วันที่ 29 กันยายน 2545 ผู้สื่อข่าวสายยานยนต์กว่า 20 ชีวิต ร่วมด้วยทีมประชาสัมพันธ์ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ออกเดินทางโดยสายการบิน บางกอกแอร์เวย์ มุ่งสู่ เมืองเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา การเดินทางครั้งนี้นับว่าตื่นเต้นเอาการ เพราะเครื่องตกหลุมอากาศบ่อยครั้ง
ในขณะที่ผู้เดินทางกันไปล่วงหน้า โดยรถ พิคอัพ โตโยตา ไฮลักซ์ ไทเกอร์ ดี-โฟร์ดี คอมมอนเรล 3,000 ซีซี ก็มีเรื่องตื่นเต้นไม่แพ้กัน เพราะเจอถนนขาดเป็นช่วงๆ
เมื่อลงสนามบินที่ เสียบราฐ คณะของเราก็เดินทางต่อโดยรถบัส ไปรวมกับกลุ่มที่เดินทางมาก่อน ณ พนมบาเค็ง (คำว่า พนม แปลว่า เขา) เพื่อดูพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าที่ปลายบารายตะวันตก ซึ่งขุดโดยน้ำมือมนุษย์ ยาวประมาณ 8 กิโลเมตร กว้าง 2.3 กิโลเมตร
ภาพพระอาทิตย์ตกดินที่นั่น ไม่สวยสมใจ เนื่องจากมีเมฆมากไปนิด แถมตอนลงก็ได้หวาดเสียวกันนิดหน่อย เนื่องจากทางชันมาก
จากนั้นก็เดินทางกลับสู่ที่พัก โรงแรม โซฟิเทล เสียมราฐ เพื่อร่วมงานเลี้ยงพร้อมการแสดงของนักแสดงศิลปวัฒนธรรมของกัมพูชาแบบสนุกสนาน
กัมพูชา
กัมพูชา มีพื้นที่ประมาณ 181,035 ตารางกิโลเมตร ตั้งอยู่ห่างจากกรุงเทพ ฯ ประมาณ 450 กิโลเมตร แต่อยู่ห่างจากชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว เพียง 150 กิโลเมตรเท่านั้น
การเดินทางจากไทยสู่กัมพูชานั้น ปัจจุบันค่อนข้างสะดวก เนื่องจากมีการจัดทัวร์สู่ประเทศนี้ในราคาไม่แพงนัก บางคนอาจจะไปหาแหล่งทัวร์ของไทยที่เปิดบริการที่นั่น หรือจะซื้อทัวร์จากประเทศไทยไปเลยก็ได้ ส่วนราคาก็แล้วแต่ความต้องการของแต่ละบุคคล ที่สำคัญการท่องเที่ยวไปกัมพูชา นั้นอย่าใจอ่อนเด็ดขาด เพราะที่นั่นมีเด็กขอทาน เป็นจำนวนมาก ถ้าคุณใจอ่อนกับเด็กเหล่านั้นเพียงคนเดียว ก็จะมีเด็กอีกหลายสิบคนเข้ามามะรุมมะตุ้มคุณแบบกัดไม่ปล่อย
เดินทางสู่นครวัต
วันที่ 30 กันยายน 2545 อากาศร้อนเป็นพิเศษ คณะของเราเดินทางสู่นครวัต โดยรถพิคอัพ ไฮลักซ์ ไทเกอร์ ดี-โฟร์ดี คอมมอนเรล 3,000 ซีซี ซึ่งมีหมดทุกรุ่น ไม่ว่าจะเป็นพิคอัพธรรมดา พิคอัพ 4 ประตู สปอร์ท ไรเดอร์ ครูเซอร์
การเข้าชมโบราณสถาน นครวัต นครธม ต้องเสียค่าบัตรแพงมาก คือคนละ 20 ดอลลาร์/วัน นอกจากนี้จะมีการจัดเป็นแพคเกจ แบบเหมา 3 วัน ราคา 40 ดอลลาร์ และแบบเหมา 7 วัน ราคา 60 ดอลลาร์ และสิ่งสำคัญที่จะลืมไม่ได้คือ บัตรเข้าชมที่จะต้องติดตัวไว้ตลอดเวลา หากเจ้าหน้าที่ขอตรวจบัตรแล้วไม่มี
ก็จะต้องถูกปรับร้อยละ 20 ของราคาบัตร
นครวัต เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก และเป็น มฤตกเทวาลัยของเทพเจ้าสูงสุด ที่บรรจงชะลอมาประดิษฐานในโลกมนุษย์ สร้างในสมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ปี 1650-1720 เราเดินผ่านสะพานนาคราชขนาดใหญ่ ข้ามคูน้ำผ่าน โคปุระ ชั้นนอกสุด สู่ลานขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นที่ตั้งของบรรณาลัยศิลา ชมรูปสลักนางอัปสรลิ้น 2 แฉก องค์เดียวท่ามกลางนางอัปสร 1,800 องค์ ชมภาพแกะสลักนูนต่ำ การกวนเกษียรสมุทรซึ่งเป็นพิธีกรรมโบราณอันศักดิ์สิทธิ์ ของเหล่าเทวดา และอสูรชมภาพกองทัพพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 มีขบวนยาวกว่า 90 เมตร โดยเฉพาะกองทัพเสียมกุก บรรพบุรุษชาวไทยหนึ่งในกองทัพของพระเจ้าสุริยวรมัน
มุ่งสู่นครธม
การเดินทางสู่นครธมนั้น ขับรถไปจากนครวัตไม่มากนัก กลุ่มนักเดินทางที่ไม่ได้ขับรถ เดินผ่านซุ้มประตูเมืองข้ามคูเมือง เป็นสะพานหินสลักขนาดใหญ่ รูปเทวดา 54 องค์ กำลังฉุดนาค อีกฝั่งเป็นอสูร 54 องค์ ฉุดนาคขดขนาดใหญ่โต เช่นเดียวกันซุ้มประตูทางเข้ามีภาพพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรอยู่บนยอด ทุกคนต้องผ่านซุ้มประตูภายใต้รูปใบหน้าอันงดงาม เพียงด่านแรกก่อนเข้านครธม ซึ่งเป็นประติมากรรมขนาดใหญ่ที่มีความยิ่งใหญ่อลังการ
หลังจากผ่านชมซุ้มประตูแล้ว ขับรถเข้านครธมถึงปราสาทบายน ลงรถที่ประตูทิศตะวันออก ปราสาทบายน เป็นศูนย์กลางเมืองพระนครหลวง สุดยอดของปราสาทเขมรก่อนยุคเสื่อม ที่ประกาศถึงความยิ่งใหญ่ของความเชื่อในพุทธศาสนามหายาน ที่มีชัยชนะเหนือลัทธิพราหมณ์ สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ยอดปราสาท ทุกหลังสลักพระพักตร์ หันหน้าออกไปทั้ง 4 ทิศ เพื่อทอดพระเนตรความทุกข์ สุข ของราษฎร นอกจากนี้ยังมีประติมากรรมแกะสลักฝาผนังริมระเบียง แสดงถึงชีวิตประจำวันของชาวเขมร ภาพการรบระหว่างอาณาจักรขอมและจาม
ปราสาทบาปวน ซึ่งเป็นปราสาทที่ตั้งอยู่ในพระราชวังหลวง มีการบันทึกว่าเป็นปราสาทที่ฉาบด้วยทองคำ
ปราสาทพิมานอากาศ สร้างด้วยศิลาแลง กล่าวกันว่าทุกคืนก่อนพระเจ้าแผ่นดินจะบรรทมต้องมาสวดมนต์บูชาเทพเจ้า หากได้ขึ้นไปบนปราสาท ก็จะเข้าใจถึงพระราชกรณียกิจอันหนักหนาของกษัตริย์ ผ่านศาลพระเจ้าขี้เรื้อนหรือพระยม ปัจจุบันอยู่ที่พิพิธภัณฑ์กรุงพนมเปญ ชมพลับพลาหรือบังลังก์ช้าง
จากนั้นก็ถึงเวลาจับจ่ายที่ตลาดเสียมราฐ เพื่อเลือกซื้อของพื้นเมืองและของที่ระลึก ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นรูปปั้นสลักหินทราย ที่เกี่ยวกับ นครวัต นครธม พระเจ้าชัยวรมัน นางอัปสร ผ้าพื้นเมืองของที่ระลึกที่ผลิตจากหวาย ฯลฯ
คณะเดินทางกลุ่มแรกกับกลุ่มของเรามีโอกาสพบกันอีกครั้ง ณ ที่นี่ เนื่องจากกลุ่มแรกเตรียมเดินทางกลับด้วยเครื่องบินบางกอกแอร์เวย์ ส่วนกลุ่มของเรานั้นเตรียมพร้อมตะลุยกลับด้วยรถยนต์สู่อรัญประเทศในวันพรุ่งนี้
วันที่ 1 ตุลาคม 2545 ตามโพรแกรมเดิมเราจะเดินทางไปชมปราสาทตาพรม ที่สร้างขึ้นใน ปี 1729 โดยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระมารดา เป็นวัดในพุทธศาสนานิกายมหายาน ประกอบด้วยปราสาท 24 หลัง ตั้งอยู่กลางป่ามีต้นสปงยักษ์มากมาย บางแห่งมีรากไม้มหึมา โอบล้อมปราสาทไว้
แต่เนื่องจากการเดินทางจาก เสียบราฐ ไปสิ้นสุดที่ อรัญประเทศ มีระยะทาง 150 กิโลเมตร ต้องผ่านเมืองต่างๆ เช่น ศรีโสภณ หรือภาษาเขมร เรียกว่า จังหวัด บันเตียเมียนเจย ผ่านบ้านกะรัน ซึ่งสภาพถนนนั้นค่อนข้างมีปัญหาจากผลของอุทกภัย ทำให้ต้องเปลี่ยนแผนเดินทางมุ่งสู่อรัญประเทศในตอนเช้าเลย ซึ่งเมื่อออกจาก เสียบเรียบ นั้นช่วง 30 กิโลเมตรแรก เป็นถนนราดยาง สภาพไม่ดีเท่าไร รวมถึงต้องระวังในเรื่องของการจราจร ที่เมืองนี้ต้องขับรถชิดขวาเท่านั้น
พอพ้นช่วง 30 กิโลเมตร ของถนนเส้น ก็เข้าสู่ถนนลูกรังขรุขระมาก สองข้างทางเขียวชอุ่มไปด้วย ทุ่งนา และต้นไม้ใหญ่ ผ่านจุดวิกฤติ ถนนขาดที่มีอยู่ 5 จุด ใหญ่ๆ ขาดด้วยกระแสของน้ำ ทำให้มีโอกาสลุยกันแบบเต็มๆ ด้วยสมรรถนะของรถพิคอัพ ไฮลักซ์ ไทเกอร์ ดี-โฟร์ดี คอมมอนเรล 3,000 ซีซี
หลังจากผ่านวิกฤติการณ์ของการเดินทางที่แสนจะลำบากคนที่เตรียมตัวไม่พร้อมก็อาจจะเกิดอาการคอเคล็ดกันได้ง่ายๆ พร้อมกับอาการปวดเมื่อยลำตัวกันไปเลย
เสร็จสิ้นจากการคลายกล้ามเนื้อ ก็ได้มีโอกาสได้ใช้เงินกันอีก คราวนี้จ่ายให้ช่างฝีมือชาวกัมพูชา ที่หมู่บ้านสลักหิน สำหรับผลงานการแกะสลักหิน มีให้เลือกกันอย่างมากมาย หลังจากนั้นก็ผ่านการผจญภัยอีกเล็กน้อยก็จะมาเจอกับถนนราดยางที่พอให้คลายปวดเมื่อย
เราเดินทางจากเมือง ศรีโสภณ เข้าสู่ถนนลูกรังอัดแน่น แต่เป็นหลุมเป็นบ่อ มากมายถึง ปอยเปต ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองแล้วเข้าสู่ประเทศไทยที่ อรัญประเทศ
นัก "ชอพ" บางส่วนชวนกันแวะที่ตลาดโรงเกลือ อรัญ ฯ เพื่อซื้อของอีกรอบหนึ่ง ส่วนคนที่ไม่สนใจก็เดินทางสู่กรุงเทพฯ โดยที่ไม่อาจจะลืมวัฒนธรรมของ กัมพูชา รวมถึงเส้นทางที่แสนจะสนุกสนานและตื่นเต้น สำหรับผู้ที่ไม่ค่อยได้เดินทางในเส้นทางแบบนี้มากนักรวมถึงความประทับใจในความสวยงามของโบราณสถานแห่งเมืองอังกอร์ที่ยังคงเหลือร่องรอยของความสวยงามไว้สมกับที่ได้รับการยกย่องเป็น " 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก"
บรรยายภาพ
1. นครวัต "1 ใน 7 สิ่งมหัศรรจรรย์ของโลก"
2. ประติมากรรมรูปนางอัปสรที่สวย และสมบูรณ์ที่สุดในนครวัต
3. พระพุทธรูปภายใน นครวัต
4. ภาพสลัก กวนเกษียรสมุทรระหว่างเทวดากับอสูร
5. การรบของเทวดากับอสูร
6. สะพานสู่ นครธม
7. นครธม
8. ใบหน้าเหนือยอดปราสาทบายน ที่ปรากฏอยู่ทั่วปราสาท เชื่อว่าเป็นใบหน้าของพระโพธิสัตว์ อวโลกิเตศวร
9.-12 การเดินทางแบบตะลุยกับ โตโยตา ไฮลักซ์ ดี-โฟร์ดี คอมมอนเรล 3,000 ซีซี
เรื่องโดย : นุสรา เงินเจริญ
ภาพโดย : -
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน ธันวาคม ปี 2545
คอลัมน์ Online : พิเศษ(formula)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/51410