โค้งอันตราย
ยักษ์กำลังจะตื่น ?
อ่านข่าวพาดหัวหนังสือพิมพ์เศรษฐกิจระยะนี้กันบ้างหรือเปล่า ถึงจะพาดหัวข่าวกันฉวัดเฉวียนอย่างไรแต่เนื้อข่าวมีทิศทางไปในแนวที่ว่า เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวแล้ว บรรดาพณหัวเจ้าท่านทั้งหลายสลับฉากกันออกมาคุยฟุ้งว่อนกันไปหมด
แถมโม้อีกด้วยว่า เดี๋ยวปีหน้าจะควักกระเป๋าชำระหนี้ก่อนกำหนดเสียอีก
แต่พอหันมามองจากตัวเลขการขายรอบ 7 เดือนที่ผ่านมา ทีท่าว่าจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ หรือ เหตุเพราะตัวเลขเพิ่มถึง32.5 % ขายกันทั้งตลาด 216,029 คัน
ลามปามไปจนถึงว่า ปีนี้ทั้งปีจะขายกันสามแสนแปดสบายๆ
ท่านเป็นอีกคนหนึ่งที่เชื่อสัญญาณทางบวกเหล่านี้หรือเปล่า
เรื่องนอกบ้าน คิดกันว่าเจริญเติบโตมากมาย กระทรวงพาณิชย์เชื่อมั่นว่า การส่งออกทั้งปีจะเฉลี่ยเป็นบวกได้ 3.5 %หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 67,000 ล้านเหรียญ แต่พอกลับมาดูแค่ 7 เดือนที่ผ่านมา มีมูลค่า 37,867 ล้านเหรียญลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 0.43 % โดยมีสัดส่วนเกินดุลการค้าอยู่ประมาณ 1,700 ล้านเหรียญ
ก็ไม่ทราบว่าท่านเจ้ากระทรวงจะอ่านตัวเลขกันอย่างไร ท่านมองว่าช่วง 4 เดือนที่ผ่านมายอดการส่งออกเพิ่มเป็นตัวเลขบวกโดยตลอด ท่านกรุณามองโลกในแง่ดีว่า อีก 5 เดือนที่เหลือคงจะเจริญเติบโตได้มากกว่านี้ จนถึงขนาดเฉลี่ยตัวเลขออกมาเป็นบวกได้
ท่านมองว่าเราค้าขายกับชาติอาเซียนด้วยกัน ขยายตัวสูงสุดถึง 10 % ขณะที่การค้ากับสหรัฐ ฯขยายตัวเพิ่มเป็นเดือนที่ 3 จากที่ติดลบมาตลอด เพราะภาวะเศรษฐกิจของเขาชะลอตัวการค้ากับญี่ปุ่นก็ยังคงติดลบ เพราะเศรษฐกิจเขาแย่
แต่ทีเรื่องลดภาษีในกรอบของอาฟตา ไม่เห็นท่านกรุณาออกมาให้ความเห็นบ้างว่าประเทศอาเซียนด้วยกันทำไมป่านนี้ยังไม่ยอมลดภาษีระหว่างกันเองเสียที ไปลดภาษีเอาแค่รถขนาดเกินกว่า 2,000 ซีซี ไปโน่นทีของเราเองยังรีบลดให้ก่อนตั้งนาน
พอมาฟังคนข้างนอกเขามองบ้านเราแล้ว ท่านจะคิดอย่างไร ?
ไอเอมเอฟ คนควักกระเป๋าให้เรากู้ ที่มีคนคุยฟุ้งว่าจะรีบควักกระเป๋าจ่ายให้หมดต้นปีหน้ารายงานการทบทวนเศรษฐกิจของบ้านเราว่า นโยบายการเงินของเราเหมาะสมแล้ว มีเงินเฟ้อในระดับต่ำมีเงินสำรองระหว่างประเทศในระดับสูงพอควร สอดคล้องกับกรอบเงินเฟ้อดีอยู่แล้ว
เพียงตั้งข้อสังเกตต่อท้ายไว้ว่า ผู้กำหนดนโยบายต้องระมัดระวังแนวโน้มโลก รวมถึงการท้าทายทั้งระยะปานกลางและระยะยาว ควรคำนึงถึงภาวะเศรษฐกิจโลก ให้ลดค่าใช้จ่ายภาครัฐ เพิ่มความแข็งแกร่งทางด้านการคลังด้วยการลดหนี้สาธารณะให้ได้โดยเร็ว
ท้ายสุดเจ้าหนี้ใจดีคนนี้ก็แนะนำให้รัฐบาลไทย หันกลับไปเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตรา 10 % เสียโดยเร็วเพราะเล็งเห็นว่ามีการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจไปในทิศทางที่ดีพอควรแล้ว
และลูกหนี้ที่แสนดีก็เตรียมปรับเพิ่ม ขยายเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม จากร้อยละ 10.0 เป็นอัตราร้อยละ 6.3 (ร้อยละ 7.0 เมื่อรวมภาษีท้องถิ่นแล้ว) จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2545 ขยายเวลาออกไปจนถึง 30 กันยายน 2546 ปีหน้าเรียบร้อยแล้ว
และหลังจากนั้นก็จะเปลี่ยนเป็นการลดจากร้อยละ 10.0 เปลี่ยนอัตราเป็นร้อยละ 9.0 ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2546
เรื่องพวกนี้ เรื่องการเพิ่มรายได้เข้างบประมาณแผ่นดินนี่ ท่านลงมือได้รวดเร็วทันใจดียิ่งบรรดาห่านทองคำก็ได้แต่ทำตาปริบๆ แค่นั้นเอง
ปีนี้ยอดขายรถยนต์ก็ทำท่าว่าจะดี ยอดการส่งออกก็ว่าจะดี หันไปหันมา อ้าว ท่านเชือดห่านทองคำเอาเสียนิ่มๆเสียแล้วซี นี่แสดงว่าท่านเห็นว่าห่านทองคำเริ่มอ้วนพีแล้วสิเนี่ย
หรือยักษ์กำลังจะตื่นจริงๆ
คุยเรื่องประเทืองปัญญาดีกว่า เรื่องนี้จะช่วยประเทืองปัญญาลูกหลานไทยได้ ไม่มากก็น้อย
ทบวงมหาวิทยาลัย เตรียมจัดตั้งศูนย์นันทนาการเพื่อการเรียนรู้ในศูนย์การค้า EDUTAINMENT CENTERเพื่อให้มีสถานที่เพื่อการเรียนรู้และผ่อนคลายสำหรับเยาวชน นักเรียน นิสิต นักศึกษา และผู้สนใจสามารถเข้ามาค้นคว้าหาข้อมูลและความรู้เพิ่มเติม รวมทั้งการเล่นเกมส์ทางการศึกษาโดยมีการกลั่นกรองเนื้อหาที่เหมาะสม
ศูนย์นันทนาการเพื่อการเรียนรู้ในศูนย์การค้า แห่งแรกจะดำเนินการที่ ศูนย์การค้าพันธุ์ทิพย์พลาซ่า เป็นเวลา 6เดือน โดยได้รับการสนับสนุนพื้นที่ และได้รับการสนับสนุนเครื่องคอมพิวเตอร์ 15 เครื่องเพื่อเข้าถึงองค์ความรู้ที่ได้จัดเตรียมการให้บริการ
สิ่งที่เตรียมเอาไว้ประกอบด้วย บทเรียนอีเลคทรอนิคส์ E-COURSE ฐานข้อมูลอ้างอิงอีเลคทรอนิคส์ REFERENCEDATABAASE ห้องสมุดอีเลคทรอนิคส์ ข้อมูลการสอบคัดเลือกเข้าสถาบันอุดมศึกษารวมทั้งการเชื่อโยงไปยังมหาวิทยาลัย สถาบัน และองค์ความรู้อื่นๆ คาดว่าจะให้บริการได้ตั้งแต่เดือนกันยายน 2545
ศูนย์ที่ว่านี่ คาดว่าจะแพร่กระจายออกสู่ชนบทได้ในเร็ววัน แถมวงเล็บต่อท้ายให้ด้วยว่า ถ้ามีคนบริจาคเยอะๆนะครับ
ถัดไปเป็นเรื่องสำหรับลูกหลานชนบท ที่กระทรวงคมนาคม เสนอให้จัดตั้งกองทุนพัฒนาอินเตอร์เนทในสถานศึกษาโดยมอบหมายให้องค์การโทรศัพท์ เร่งดำเนินการติดตั้งเลขหมายโทรศัพท์ ให้กับสถานศึกษา 26,568แห่งทั่วประเทศ ที่ยังไม่มีโทรศัพท์ใช้ ให้แล้วเสร็จภายในปีนี้
พอมาถึงด้านเนื้อหาการเรียนการสอน ก็มีโครงการนำร่องจัดทำเนื้อหาการสอนในสื่ออีเลคทรอนิคส์เพื่อเน้นการบริการความรู้ โดยการรวบรวมและบันทึกความรู้ และภูมิปัญญาตลอดจนทักษะในการถ่ายทอดในรูปแบบสื่อการสอนอีเลคทรอนิคส์
รายการนี้ การสื่อสารแห่งประเทศไทย บริจาคมาแล้ว 23 ล้านบาท ใช้เป็นเงินกองทุนเริ่มต้นหนึ่งล้าน และอีก 22ล้านจะใช้ในการจัดทำโครงการนำร่องที่ว่า
ส่วนงบติดตั้งหมายเลขโทรศัพท์ให้สถานศึกษา ก็ถือเสียว่าเป็นรายการบริจาคขององค์การโทรศัพท์ไป
ก็ยังดีที่มีการเริ่มต้นสำหรับลูกหลานในชนบท เพราะลูกหลานในเมืองน่ะพ่อแม่จัดหาซื้อใช้ที่บ้านกันเป็นส่วนใหญ่แล้ว ที่ไม่มี ก็ไปร้านให้เช่าเล่นเกมส์เยอะแยะ
ส่วนภาครัฐเองน่ะแหละ เครื่องคอมพิวเตอร์ตามสถานที่ราชการเก่าคร่ำคร่า โพรแกรมก็รุ่นชราภาพ รีบๆคิดแก้ไขกันหน่อย เพราะภาคเอกชนเขาก้าวไปไหนต่อไหนแล้ว เดี๋ยวนี้ตามสำนักงานใครใช้วินโด 98 ยังถือว่าเชยเลย
มันต้องระดับเพนเทียม ทรี หรือโฟร์ ไปโน่น แบบว่ามีรูปหมาแมวทำเป็นวอลล์เพเพอร์ เปลี่ยนกันสนุกสนา
แถวตรงกอง บก. นี่ก็มีอยู่เครื่องครับ เรื่องงานอื่นไม่ค่อยเก่งหรอก แต่เรื่องเปลี่ยนวอลล์เพเพอร์เนี่ยถือเป็นเจ้ายุทธจักรได้เลย เข้าเนทเพื่อหารูปหมาแมวอย่างเดียว เรื่องอื่นไม่สน
ไม่ได้เอ่ยชื่อใครตรงตัวนะฮ้า อย่าร้อนตัวไปก่อนล่ะ
เรื่องโดย : มือบ๊วย
ภาพโดย : -
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน ตุลาคม ปี 2545
คอลัมน์ Online : โค้งอันตราย
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/51364