บทความ
เที่ยวไทย
กิจกรรมการท่องเที่ยวของประเทศเรากำลังกลายเป็นความสำคัญอย่างยิ่งยวดที่ตกเป็นเป้าหมายที่จะมองข้ามไปเสียมิได้
เป็นแหล่งนำมาซึ่งรายได้หลักของประเทศไปแล้วในแต่ละปีจะมีกระแสเงินหลั่งไหลและหมุนเวียนภายในประเทศนับจำนวนเป็นแสนๆ ล้านบาททุกวันนี้การท่องเที่ยวสามารถที่จะยกระดับรายได้ขึ้นมาทัดเทียมกับสินค้าส่งออกของประเทศที่สำคัญไม่แพ้การส่งออกสินค้าหลักอย่างข้าวที่ส่งออกไปเลี้ยงชาวโลก
เพราะความสำคัญในด้านนี้ รัฐบาลจึงเร่งให้การสนับสนุนและส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างเต็มที่และเต็มรูปแบบส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวของชาวโลกและเป็นแหล่งท่องเที่ยวของคนในประเทศ
ไม่ใช่ส่งเสริมให้คนในประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นตัวแทนของประชาชนทั้งในระดับ สว. สส.หรือ สข. หรือคนในระดับผู้บริหารของประชาชนขยันออกไปท่องเที่ยวดูงานกันในต่างประเทศเป็นว่าเล่น
ประเทศไทยเราได้ชื่อว่าเป็นแหล่งทรัพยากรการท่องเที่ยวที่มีความหลากหลายและเป็นเป้าหมายที่ใครต่อใครก็อยากจะได้เข้ามาท่องเที่ยวสัมผัสความสุข ความพึงพอใจเป็นอย่างยิ่งสิ่งเหล่านี้เป็นความได้เปรียบที่ไทยเรามีอยู่เหนือแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ทั่วโลก
รัฐบาลถือเอาจุดแข็งจุดได้เปรียบเหล่านี้กระตุ้นต่อมความอยากของคนต่างชาติเป็นการใหญ่และในขณะเดียวกันก็เร่งมือในการกระตุ้นความอยากท่องเที่ยวให้เกิดขึ้นกับคนในประเทศเพื่อให้หันมานิยมการท่องเที่ยวภายในประเทศกันมากขึ้นด้วย
สื่อเพื่อการส่งเสริมการท่องเที่ยวถูกนำมาใช้ทุกรูปแบบ ทั้งในรูปของแผ่นพับหรือโบชัวร์และรวมทั้งเรื่องของการคิดค้นคำพูดจูงใจ ไม่ว่าจะเป็น "ท่องเที่ยวไทย ไม่ไปไม่รู้" หรือ "เที่ยวไทย ไปได้ทุกเดือน"หรืออื่นๆ อีกมากมายก่ายกอง
ให้รายละเอียดแหล่งท่องเที่ยวกันอย่างจุใจแต่ก็ยังมีแหล่งท่องเที่ยวสำคัญอีกหลายแหล่งที่ถูกมองข้ามไปอย่างน่าเสียดายจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องนำมาเพิ่มเติมกันอีก ณ ที่นี้อีกกันพลาดโอกาส
ตลอดชายแดนภาคเหนือและภาคตะวันตกของประเทศ แทบจะทุกจังหวัดตั้งแต่เชียงราย/เชียงใหม่/แม่ฮ่องสอน/ตาก/กาญจนบุรี ไล่มาจนถึงราชบุรี ตอนนี้ไม่น่าจะปล่อยให้โอกาสการท่องเที่ยวหลุดลอยไปนอกจากจะมีภูมิประเทศและบรรยากาศการท่องเที่ยวอันน่าประทับใจแล้ว ยังจะได้สัมผัสกับบรรยากาศดีๆเพิ่มเติมแถมพกมากอีก นั่นคือจะได้เห็นภาพการสู้รบระหว่างชนชาติอื่นที่มีอาณาเขตใกล้ชิดติดกับประเทศเราอย่างจะจะกับสายตาแล้วยังจะได้สัมผัสกับลูกกระสุนปืนที่พลัดหลงมาจากนอกประเทศเข้ามาตกใกล้ตัวให้ได้ตื่นเต้นกันอีกต่างหากโอกาสอย่างนี้ใช่ว่าจะมีโอกาสได้พบได้เห็นกันง่ายๆ และบ่อยครั้งเสียด้วย
ที่สุโขทัย นอกจากจะได้ท่องเที่ยวชมเมืองหลวงแห่งแรกของไทยและแหล่งวัฒนธรรมศิลปกรรมเก่าแก่ที่เป็นมรดกโลกแล้ว ที่ริมฝั่งแม่น้ำยม แถวๆ อำเภอศรีสำโรง ไม่ห่างจากตัวจังหวัดมากนักยังจะได้ชมฝีมือผลงาน "การเรียงหิน" ริมแม่น้ำอีกด้วย ฝีมือการเรียงหินที่ว่านี้เข้าขั้นระดับประเทศทีเดียวเพราะมีการเอามากล่าวขวัญยกย่องกันในระดับรัฐสภาแห่งชาติด้วยเมื่อไม่ช้าไม่นานมานี้
ที่เกาะช้าง จังหวัดตราดอีกไม่ช้าไม่นานนี้แหละจะถูกเนรมิตให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวดึงดูดต่างชาติและคนไทยในระดับสูงขึ้นมาใครที่พิสมัยความเป็นเกาะช้างแบบดั้งเดิมต้องรีบไปเก็บเกี่ยวความทรงจำเก่าๆ เอาไว้ มิฉะนั้นจะเสียโอกาสโดยเฉพาะอย่างยิ่งนักท่องเที่ยวคนไทยประเภทฉิ่งฉาบทัวร์หรือประเภทเอาเป้สะพายหลัง นอนกลางดินกินกลางทรายหลังจากที่เขาพัฒนาเกาะช้างให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลกแล้ว เขาจะติดป้าย "ไม่ยินดีต้อนรับ" เอาไว้ด้วย
ที่อุบลราชธานี โครงการแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่เรียกว่า "สามเหลี่ยมมรกต" ครอบคลุมพื้นที่ 3 ประเทศ คือ ไทยลาว และกัมพูชา กำลังมีความคืบหน้าไปมาก จะมีการสร้างสนามกอล์ฟนานาชาติในพื้นที่ป่าที่นี้โดยกำหนดเอาไว้ว่าจะให้มีหลุมที่ 19 หรือหลุมอะไรตามประสาคนเล่นกอล์ฟเป็นจุดสำคัญที่จะต้องเกิดความประทับใจกันสุดๆ
ที่อุบล ฯ อีกเหมือนกันจะได้ตื่นตากับเขื่อนแม่น้ำมูลที่สร้างขึ้นมาเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อคนในพื้นที่ภาคอีสานตอนล่าง
แต่สร้างขึ้นมาแล้วก็ไม่สามารถที่จะใช้ได้ตามวัตถุประสงค์เพราะถูกกระแสคนที่ได้รับเงินชดเชยจากการสร้างเขื่อนไปแล้วหลายร้อยล้านบาทคัดค้านและไม่ยอมให้เปิดเขื่อนเพื่อกั้นน้ำเอาไว้ผลิตไฟฟ้า ตอนนี้ที่แห่งนี้จึงมีชื่อเพียงแค่เคยเป็นเขื่อนเท่านั้น
ที่ฉะเชิงเทรา ต้องไปดูและไปสัมผัสกับทางด่วนยกระดับ บางนา-บางปะกง ทางด่วนแห่งนี้มีความสำคัญเพราะเป็นแห่งกำเนิดของ "ค่าโง่ทางด่วน 6,200 ล้านบาท" ครั้งแรกที่เกิดขึ้นในประเทศไทยและอาจจะเป็นครั้งแรกของโลกด้วย
ที่กรุงเทพมหานคร อาจจะไม่ใช่ของแปลกสำหรับคนในกรุง แต่กับคนที่ไม่เคยเข้ากรุงหรือเข้ากรุงมาแล้วไม่ได้สังเกตควรจะต้องดูสิ่งมหัศจรรย์ที่ทุเรศที่สุดในโลกเอาไว้ มันคือ "แท่งคอนกรีทมหึมา"เรียงรายตลอดเส้นทางรถไฟสายเหนือจากย่านพหลโยธินยาวเหยียดไปจนถึงรังสิตมีความหลากหลายในรูปแบบและความอัปลักษณ์ที่ปรากฏให้เห็นจนติดหูติดตาไปอีกนาน
ที่ราชบุรี ไม่ใช่ที่สวนผึ้งหรือสถานที่บุคคลนิรนามเอาปืนมายิงเด็กนักเรียนอย่างสนุกมือ แต่เป็น "โรงไฟฟ้าพลังแกส"ที่นำเอาแกสจากพลังแกสยามาดาในประเทศพม่ามาใช้เป็นเชื้อเพลิงด้วยวิธีวางท่อใต้ดินผ่านป่าเขารับแกสเอามาใช้กว่าจะวางท่อแกสกันได้สำเร็จก็ผ่านอุปสรรคการต่อต้านจากใครต่อใครมาอย่างแสนสาหัสตอนนี้ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ถึงวันนี้ ไทยเราต้องจ่ายค่าแกสให้กับพม่าไปแล้วเป็นหมื่นๆ ล้านบาทและจะต้องจ่ายต่อไปอีกเรื่อยๆ โดยที่ยังไม่ได้ใช้แกสมาเป็นพลังสร้างไฟฟ้าแม้แต่กิโลเดียวมันน่าจะแปลกมหัศจรรย์ไม่น้อยทีเดียว
เรื่องโดย : หลวงเลียบเมือง
ภาพโดย : -
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน สิงหาคม ปี 2545
คอลัมน์ Online : บทความ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/51343