ร่มไม้ชายศาล
รถพ่วงเป็นเหตุ
คดีรถงวดนี้น่าสนใจ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเสมอๆ แต่ฝ่ายกฎหมายที่ทำคดีมาจนฝ่ามือไม่มีขน ยังพลาดในการฟ้องร้องในการตัดสิน
เป็นไปได้อย่างไร เรื่องเป็นแบบไหนมาดูกันได้เลย
วันเกิดเหตุ "นายกระทิง" ซึ่งหากินด้วยแรงกาย มีเงินไม่กี่บาทติดกระเป๋า แต่ก็ควักออกซื้อเครื่องดื่มยี่ห้อโน้นยี่ห้อนี้ที่คิดว่ามันบำรุงกำลัง ทั้งๆ ที่ไม่ใช่มาดื่มกิน ขับรถพ่วงบรรทุกหินไปตามถนนสายหนึ่ง เข้าใจว่ารถหนักไม่เบายางล้อหลังเส้นในด้านขวาจึงแตกดังโพละ ขับต่อไปไม่ได้
นายกระทิง ดูเหมือนจะรอบคอบพอสมควร พยายามจอดรถตรงไหล่ถนนชิดขอบทางด้านซ้ายเท่าที่จะทำได้ แต่เจ้ากรรมนายกระทิงไม่ได้ติดฟืนไฟ ไม่หาอะไรมาทำสัญญาณให้รถที่แล่นตามหลังรู้ภายในระยะ 150 เมตร ตามที่กฎจราจรว่าไว้
เวลาผ่านไปจนกระทั่งความมืดเข้ามาปกคลุม เหตุด่วนเหตุร้ายก็เกิดขึ้น "นายขึ้นสวรรค์"ควบรถจักรยานยนต์รุ่นที่ร้านค้าโฆษณาว่าแรงว่าเร็ว ส่งเสียงคำราม ตาย
ตาย
ตาย
ตาย...มาตามถนนเส้นทางเดียวกับที่รถบรรทุกพ่วงจอดอยู่ และหาทางขึ้นสวรรค์อย่างกะทันหันจนได้เมื่อมองไม่เห็นท้ายรถพ่วงที่จอดอยู่ริมทาง
นายขึ้นสวรรค์ จึงไม่ได้เบนรถออก แต่ขับเกาะขอบทางด้านซ้าย เลขที่ออกคือเนื้อหุ้มเหล็กเสยท้ายรถพ่วงเข้าจังเบอร์ นายขึ้สวรรค์
นอนร้องโอยๆ รอเวลาขึ้นสวรรค์
นายกระทิง เท้าไวเหมือนกัน โดดขึ้นรถพ่วงขับหนีทันที แต่ตำรวจไม่พลาดรวบตัวไว้ได้ในเวลาต่อมาดำเนินคดีข้อหากระทำโดยประมาทให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ขับรถประมาท หลบหนีไม่ให้ความช่วยเหลือนายขึ้นสวรรค์ ไม่แสดงตัวไม่แจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ในทันที ใช้รถขาดต่อทะเบียนเสียภาษีประจำปี
อัยการด่านที่สองทำหน้าที่ฟ้องนายกระทิง ไปที่ศาล ตามข้อหาต่างๆ ดังที่ว่ามา
จำเลยคือนายกระทิง กลัวติดตะราง จ้างทนายสู้คดี ให้การปฏิเสธว่าไม่ได้ประมาท นายขึ้นสวรรค์ ไม่ระมัดระวังเองต่างหาก
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว ตัดสินว่ามีความผิดตามฟ้องทุกข้อหา แต่ลงโทษข้อหาหนักฐานทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายโดยประมาท จะคุกตั้ง1 ปี กับข้อหาหลบหนีจำคุก 2 เดือน ข้อหาใช้รถไม่เสียภาษีประจำปีปรับ 8,000 บาท รวมจำคุก 1 ปี 2 เดือน ปรับ 8,000 บาท
ไม่รอลงอาญา
นายกระทิง ไม่อยากติดคุก แม้จะไม่มากแค่ปีเศษๆ ก็ตาม จึงยื่นอุทธรณ์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ว พิพากษายืน
นายกระทิง ดิ้นรนเต็มที่ ไม่ยอมติดคุกง่ายๆ ร้องขอให้ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นท่านหนึ่งเซ็นอนุญาตให้ยื่นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
หมายถึงเถียงทุกเรื่อง เพื่อให้ศาลฎีกายกฟ้อง เช่นอ้างว่าขณะเกิดเหตุยังไม่มืด ยังมีแสงสว่างมองเห็นรถพ่วงอยู่ทนโท่ แต่นายขึ้นสวรรค์ตาถั่ว มองไม่เห็นรถเองทะลึ่งขับมาชน
ศาลฎีกาพิจารณาคดีนี้อย่างขมีขมัน เหตุเกิดแต่ปี 2540 ศาลฎีกาตัดสินปี 2544 ออกมาดังนี้
ข้อที่เถียงกันว่าใครประมาท ได้ความชัดว่าขณะเกิดเหตุมืดค่ำแล้ว นายกระทิงไม่ได้ติดตั้งสัญญาณไฟฉุกเฉินไว้ท้ายรถพ่วงที่จอดอยู่เพราะยางแตก ตามกฎจราจร นายกระทิง จึงประมาทชัวร์
นายกระทิง เถียงว่าตอนนั้นยังไม่มืดจึงไม่เปิดไฟ เป็นข้อที่นายกระทิง เพิ่งยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกา แต่ไม่ได้อ้างในชั้นอุทธรณ์ศาลฎีกาจึงไม่รับฟัง
ข้อที่ว่านายขึ้นสวรรค์ ประมาทด้วย แม้จะได้ความว่านายกระทิง จอดรถจนชิดไหล่ทาง พอจะฟังได้ว่านายขึ้นสวรรค์ ประมาทด้วยก็ตามแต่เมื่อได้ความว่านายกระทิงประมาท จอดรถไม่ติดสัญญาณไฟฉุกเฉินเป็นเหตุให้นายขึ้นสวรรค์ ขับรถมอเตอร์ไซค์ มาชนเข้าอย่างจังต้องถือว่าความประมาทของนายกระทิง ทำให้นายขึ้นสวรรค์ ถึงแก่ความตาย หนีความผิดไม่พ้น
คดีนี้มีข้อที่ศาลล่างและอัยการเข้าใจผิดอยู่สองแง่คือข้อหาขับรถประมาทที่มีการฟ้องและตัดสินเอาผิดมาด้วยนั้นมันไม่ถูกต้องด้วยประการทั้งปวง เพราะตอนเกิดเหตุรถจอดอยู่เฉยๆนายกระทิง ไม่ได้ขับในขณะนั้น จึงเอาผิดข้อหาขับรถโดยประมาทไม่ได้หรอก
อีกข้อหาหนึ่งคือข้อหาหลบหนีไม่หยุดช่วยเหลือ ไม่แจ้งเหตุ ปรากฏว่านายกระทิง เขาโต้แย้งว่าไม่ได้มีเจตนาหลบหนีปรากฏว่ากฎหมายเขาเขียนไว้ว่า "ขับรถในทางก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินแล้วไม่หยุดรถให้ความช่วยเหลือ
."เมื่อได้ความว่ารถพ่วงจอดสงบนิ่งอยู่เพราะยางแตก ขณะนั้นนายกระทิง ไม่ได้ขับอยู่ในทาง จึงเอาผิดข้อหานี้ไม่ได้เช่นกันแม้ไม่มีฝ่ายไหนยกขึ้นมาฎีกา ศาลฎีกาก็ยกขึ้นมาบรรเลงได้เพื่อความถูกต้อง
สำหรับการออดอ้อนขอให้รอลงอาญา ได้ความว่าเกิดเหตุแล้วนายกระทิง ขับรถหลบหนีไป ปล่อยให้คนเจ็บนอนร้องโอยๆและถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา จึงรอการลงโทษให้ไม่ได้หรอก
ศาลฎีกาจึงพิพากษาแก้ ยกฟ้องข้อหาขับรถประมาทและข้อหาหลบหนีไม่หยุดช่วยเหลือ
นอกจากที่แก้คงเดิมนั่นหมายความว่านายกระทิง ต้องติดตะราง 1 ปี 2 เดือน ปรับ 8,000 บาท
อ่านเรื่องนี้แล้วท่านอาจจะงง ตรงที่ว่าเกิดเหตุแล้ว นายขึ้นสวรรค์ ขับรถมอเตอร์ไซค์ มาชนท้ายรถพ่วงแล้ว นายกระทิง ขับรถพ่วหนีไปทำไมศาลฎีกาไม่เอาผิดข้อหาขับรถประมาท และข้อหาหลบหนีไม่หยุดช่วยเหลือคืออย่างนี้ครับ ข้อหาทั้งสองที่ว่ามา กฎหมายใช้ถ้อยคำไว้ชัดว่าเหตุเกิดจากการ "ขับรถ"
เมื่อได้ความว่าขณะเกิดเหตุรถมอเตอร์ไซค์ ของนายขึ้นสวรรค์ พุ่งชนท้ายรถพ่วง รถบรรทุกพ่วงที่นายกระทิงขับมาจอดแอ่งแม้งเพราะยางแตกเส้นหนึ่ง ตอนนั้นไม่ได้ขับ รถไม่ได้เคลื่อนที่ เมื่อนายกระทิง ไม่ได้ขับก็เอาผิดทั้งสองข้อหาไม่ได้
เหตุเกิดขึ้นแล้วนายกระทิง จึงขับรถที่จอดอยู่เพื่อหลบหนี ซึ่งไม่มีกฎหมายเอาผิดส่วนนี้
อย่าว่าแต่เราๆ ท่านๆ สับสนเลยครับ อัยการเอย ศาลชั้นต้นศาลอุทธรณ์เอย ยังหลงมุมคิดว่าเป็นความผิดข้อหาขับรถประมาทและข้อหาหลบหนี ฯลฯ จนกระทั่งมีการฟ้องร้องและลงโทษไปแล้ว
สำหรับคดีนี้ศาลฎีกาตัดสินถูกต้องแล้ว และเป็นคดีล่าสุดปี 2544 นี่เอง ไม่โบราณหรอก เชื่อได้
จากคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2210/2544
เรื่องโดย : จอมยุทธ
ภาพโดย : -
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน สิงหาคม ปี 2545
คอลัมน์ Online : ร่มไม้ชายศาล
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/51337