โค้งอันตราย
โรคหนี้สินติดตัว
ท่านเป็นหนึ่งในคนไทยที่มีหนี้สินของชาติติดตัวอยู่ตลอดเวลาใช่ไหม ?
ขอเรียนมาเพื่อทราบว่า ขณะนี้ หนี้สินของท่านที่เกิดจากความเสียหายของกองทุนฟื้นฟู
ได้ติดตัวท่านเพิ่มขึ้นมาคิดเป็นภาระเงิน ตามที่ท่านนายกรัฐมนตรี ได้กรุณาแจ้งให้ทราบอีกประมาณ คนละ 20,000
บาท แต่เมื่อรวมภาระดอกเบี้ยที่เกิดขึ้น จนกระทั่งชดใช้แล้วเสร็จ
หนี้สินที่ติดอยู่กับตัวท่านจะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณสี่หมื่นบาท
นี่หมายความตามท้องเรื่องว่า ยังไม่รวมหนี้สินเดิมที่ยังใช้ไม่หมด เป็นหนี้สินใหม่ที่เพิ่มขึ้นมาตั้งแต่เกิดโรคต้มยำกุ้ง
เมื่อห้าหกปีก่อน
ท่านผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ได้กรุณาออกมาให้ความเห็นเอาไว้ว่า หนี้ก้อนใหม่จำนวนนี้
ภาครัฐจะสามารถชดใช้ได้เป็นเวลาประมาณ 29 ปี แต่ท่านไม่ได้ชี้แจงหนี้ของเก่า ที่กู้กันมาใช้หนี้ใหม่อยู่เรื่อยๆ ...เอ
ต้องพูดว่ากู้หนี้ใหม่มาใช้หนี้เก่าถึงจะถูกนะเนี่ย ว่าจะต้องใช้เวลาอีกนานแสนนานสักเท่าใด ถึงจะชดใช้ได้หมด
หนี้ของกระผมด้วยเหมือนกัน ไม่กล้าพูดหรอกครับ
พูดกันถึงเรื่องหนี้ ท่านก็อ้อมแอ้มกันอยู่นาน กว่าจะยอมออกมาชี้แจงวิธีการที่จะทำให้มีความชัดเจน
ในการทำให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน สามารถทำงานได้อย่างคล่องตัว
ในที่สุดก็ต้องยอมให้กระทรวงการคลัง ออกพันธบัตรวงเงินไม่เกิน 780,000 ล้านบาท
โดยในช่วงแรกจนถึงปลายปีนี้จะออกเป็นพันธบัตรออมทรัพย์ ประมาณ 300,000 ล้านบาท
โดยเน้นจำหน่ายแก่บุคคลธรรมดา สหกรณ์ และมูลนิธิเท่านั้น
สาเหตุที่เน้น เพราะจะเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทน สูงกว่าการฝากเงินในธนาคารพาณิชย์ทั่วไป
คือท่านจะแย่งเม็ดเงินของลูกค้าจากธนาคารพาณิชย์ว่างั้นเถอะ โดยพันธบัตรอายุ 5 ปี จะให้ผลตอบแทนประมาณ 4 %
ซึ่งมากกว่าสองเท่าของอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก 3 เดือน/พันธบัตรอายุ 7 ปี ให้ผลตอบแทน 5 % และพันธบัตรอายุ 10 ปี
ให้ผลตอบแทน 6 %
มีกำหนดให้เปิดจองซื้อได้จนถึงปลายเดือนสิงหาคม นี้เท่านั้น
ขอเชิญช่วยกันมาทำสถิติจองซื้อให้หมดอย่างรวดเร็วทีเถอะ เอาแบบว่าให้หมดเหมือนหุ้นในตลาดหลักทรัพย์
หุ้นน้องใหม่ที่หมดภายในเวลาแค่ 17 วินาที แล้วพอสัปดาห์แรกราคาก็ตกต่ำกว่าราคาซื้ออย่างสบายใจ
ไม่ได้ว่าใครเรื่องอินไซเดอร์นะนี่ กรุณาอย่าร้อนตัว
เขียนเรื่องเงินๆ ทองๆ ก็สบายใจดีไปอย่างนะครับ เวลาเขียนทำให้ลืมภาระหนี้สินที่ติดตัวอยู่
เขียนตัวเลขกันเป็นแสนเป็นหมื่นล้าน แต่หนี้สินของตัวเองเป็นแสนก็ทำลืมๆ เสียก่อนนะครับ แหม
ก็กำลังทำงานอยู่นี่ อย่าเอาเรื่องส่วนตัวมาพัวพันดีกว่า
เรื่องถัดไปแบบรู้ไว้ใส่บ่า ไม่ได้เอามาแบกหามทำงานหนัก แต่เพื่อความเจริญของประเทศชาติบ้านเมือง
และพ่อแม่พี่น้องที่เคารพรัก .. แหม พูดยังกับนักการเมืองแน่ะ
โครงการศึกษาเส้นทางลัดสู่ภาคใต้ สมุทรสาคร-แหลมผักเบี้ย-ชะอำ หรือโครงการแหลมผักเบี้ย
เป็นโครงการตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ซึ่งเกิดขึ้นจากแนวคิดที่จะเชื่อมต่อการเดินทางสู่ภาคใต้ เพื่อประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
เนื่องจากโครงข่ายถนนในปัจจุบันมีเพียงเส้นทางหมายเลข 4 หรือ ถนนเพชรเกษม และเส้นทางหมายเลข 35 หรือ
ถนนพระราม 2 ที่เป็นทางออกสู่ภาคใต้ ซึ่งจะมาบรรจบกันที่ถนนเพชรเกษม บริเวณ อ. ปากท่อ
ทำให้ปริมาณการจราจรบริเวณดังกล่าวเริ่มคับคั่ง จึงมีแนวคิดที่จะสร้างเส้นทางขึ้นใหม่ เพื่อร่น
หรือย่นระยะเวลาการเดินทาง และรองรับปริมาณการจราจรในอนาคตด้วย
จากรายงานผลการศึกษาระบุว่า โครงการแหลมผักเบี้ยสามารถร่นระยะทางได้ถึง 27 กม.
และประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางของผู้ใช้รถใช้ถนนกว่า 6,000 ล้านบาท/ปี จากการศึกษาแนวเส้นทางเบื้องต้น 2
ทางเลือก ทางแรกเริ่มต้นจากโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสาย บางใหญ่-บ้านโป่ง
ที่ตอนนี้โครงการล้มไปเรียบร้อย เพราะสตางค์ไม่มี จะตัดจากบริเวณคลองสะบ้า ผ่านถนนเพชรเกษม
ผ่านถนนพระราม 2 บริเวณบ้านปากบ่อ ตัดผ่านอ่าวไทย สิ้นสุดโครงการที่ อ. ชะอำ ระยะทางราว 130 กม.
และอีกแนวทางหนึ่งก็เริ่มจากถนนพระราม 2 ตัดผ่านอ่าวไทยสิ้นสุดที่ อ. ชะอำ เช่นกัน ระยะทาง 90 กม.
โดยเส้นทางจะเป็นสะพานลอยเหนือระดับน้ำทะเลและป่าชายเลน
ซึ่งคาดว่าจะเป็นเส้นทางการท่องเที่ยวที่สวยงามเส้นทางหนึ่ง
ดูจากโครงการก็ดูดีอยู่หรอกครับ ตัดถนนเพื่อย่นระยะทาง
ถึงแม้จะต้องคอยให้ในหลวงท่านทรงงานแล้วสั่งลงมาก็เถอะ
แต่จากประสบการณ์ของท่านๆ ทั้งหลาย พอจะจำสะพานสารสินในอดีต ที่เชื่อมระหว่างแผ่นดินใหญ่
กับเกาะภูเก็ตได้ไหมครับ
ความสวยงามของสะพานขึ้นชื่อลือชา จนกระทั่งมีผู้นำเอามาทำเป็นเพลงรัก ร้องกันในหมู่คนสูงอายุวัยทอง
คนขับรถที่ผ่านไปผ่านมาก็มีความสุขกับธรรมชาติ สะพานสร้างคร่อมทะเลสาบ ราวสะพานทาสีขาวโปร่ง
มองดูสวยงาม
แหม คิดเรื่องในอดีตนี่มันมีความสุขดีนะครับ
แต่พอหันกลับมาหาความจริงในปัจจุบัน กรมทางหลวงท่านกรุณาตัดขยายเส้นทางใหม่
เพิ่มความสะดวกให้แก่ผู้ใช้รถใช้ถนน ท่านก็ยังคงสะพานสารสินของเก่าเอาไว้ แล้วท่านทำสะพานใหม่ด้านข้างๆ
ดูจากแนวคิดของท่านก็ดี เพราะคนที่มีความหลังกับสะพานสารสิน มีมากมาย
แต่พอขับรถข้ามสะพานที่กรมทางหลวงท่านตัดถนนสร้างสะพานใหม่ ความหลัง
ความสดใสที่เคยมีก็พลันมลายหายไป เพราะท่านกรุณาสร้างสะพานแบบราวสะพานปิดทึบ แถมราวสะพานสูงปรี๊ด
คนขับก็มองเห็นเพียงแค่รั้วทึบๆ แค่รู้สึกตัวว่าขับรถผ่านสะพานไปเฉยๆ มองไม่เห็นอะไร
ที่รีบเล่าเรื่องนี้ขึ้นมาก่อน ก็เพราะโครงการแหลมผักเบี้ยที่ว่า เพิ่งจะเริ่มทำการสำรวจ
ยังไม่ถึงขั้นออกแบบเพื่อการก่อสร้าง เผื่อว่า ท่านผู้มีอำนาจอยู่ในการออกแบบเพื่อการก่อสร้าง
อาจจะผ่านตากับคอลัมน์เล็กๆ ในหนังสือเล็กๆ ฉบับนี้บ้าง จะได้มีสะพานสวยๆ พาดผ่านทะเลสวยๆ
โดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมเหมือนประเทศที่เขาเจริญแล้วกับเขาบ้าง
เอาสตางค์จากภาษีอากรของกระผมไปสร้าง ทำให้สวยหน่อยเถอะครับ เอาแบบออกมาให้ชาวบ้านชาวช่องเขาได้เห็น
ได้ออกความเห็นกันบ้าง จักเป็นพระคุณยิ่ง
สงสัยคงต้องให้เว็บเพจ https://www.autoinfo.co.th
ทำโพลสำรวจความคิดเห็นของผู้ใช้รถใช้ถนนดูเกี่ยวกับการทำงานของ กรมทางหลวง ดูสักทีดีไหมครับ
หรือท่าน WEBMASTER จะว่าอย่างไร
เรื่องโดย : มือบ๊วย
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน สิงหาคม ปี 2545
คอลัมน์ Online : โค้งอันตราย
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/51332