บีเอมดับเบิลยู รุกธุรกิจรถมือสอง/จีเอมสร้างสถิติใหม่/ฟอร์ด 24 ชม./ผลิตภัณฑ์ 3 เค ฯ/ฮอนดา เปลี่ยนชิ้นส่วนสวิทช์กุญแจ/ เดลฟาย เล็งอุตสาหกรรมยานยนต์เติบโต

บีเอมดับเบิลยู รุกธุรกิจรถมือสอง คาร์สเตน แอนเกล ประธาน บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่าการเริ่มต้นธุรกิจรถมือสองของบริษัทอย่างเป็นทางการในครั้งนี้ โดยรถทุกคันที่ได้รับการรับรองจากบริษัทและขายผ่านตัวแทนจำหน่ายรถมือสองที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการจะได้รับการรับประกันเต็มรูปแบบเป็นเวลา 1 ปี สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้บริษัทได้ร่วมมือกับ บริษัท อลิอันซ์ ซี.พี. ประกันภัย จำกัดซึ่งจะเป็นผู้ให้กรมธรรม์ต่ออายุการรับประกันรถยนต์ และบริษัท ออโต้ แอสซิสต์ จำกัดโดยธุรกิจรถมือสองครั้งนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของการบริการหลายรูปแบบที่บริษัทให้ความพึงพอใจสูงสุดแก่ลูกค้าในประเทศไทยอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน อย่างไรก็ตาม ลูกค้ารถมือสองที่ได้รับการรับประกันจะมีความสบายใจไม่น้อยไปกว่าลูกค้าที่ซื้อรถใหม่โดยปัจจุบันบริษัทได้แต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการรวมทั้งสิ้น 6 แห่ง ทั้งในกรุงเทพ ฯ และต่างจังหวัดได้แก่ ยูโรป้า ออโต้เซลส์/เค้งหงษ์ทอง/บาร์เซโลนา มอเตอร์/มิลเลนเนียม ออโต้ ลาดพร้าว/ศิริโรจน์ ยูโร คาร์ อุดรธานีและนิธิบูรณ์ พิษณุโลก จีเอม สร้างสถิติใหม่ความปลอดภัย 15 ล้านชม. ธอมัส วิลสัน รองประธานและผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัดเปิดเผยว่า ความสำเร็จในการสร้างสถิติความปลอดภัยในการทำงาน 15 ล้านชั่วโมงในครั้งนี้เป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่งของผู้บริหารตลอดจนพนักงานทุกคนของ จีเอม ประเทศไทย ทั้งนี้ความปลอดภัยในการทำงาน 15 ล้านชม. โดยปราศจากการบาดเจ็บจนถึงขั้นหยุดงานระหว่างปฏิบัติหน้าที่เป็นสถิติใหม่ที่ไม่เคยมีการบันทึกมาก่อนในวงการอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทยและในกลุ่มของศูนย์การผลิตรถยนต์ของจีเอมกว่า 50 แห่งทั่วโลก นอกจากนี้ จีเอม ประเทศไทย ยังได้รับเกียรติจากสถาบันความปลอดภัยในการทำงานกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม เข้าบันทึกภาพการปฏิบัติงานอย่างปลอดภัยภายในศูนย์การผลิตรถยนต์บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัดเพื่อร่วมจัดทำสื่อเผยแพร่ให้ความรู้ในรูปแบบของซีดีทัศน์ เรื่อง "ความปลอดภัย และอาชีวอนามัยในการทำงาน" สำหรับ ซีดีทัศน์นี้จะจัดทำและเผยแพร่ไปยังผู้ประกอบการด้านอุตสาหกรรมต่างๆ ทั่วประเทศโดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานต่อไป ฟอร์ด 24 ชม.โรดไซด์ แอสซิสแตนซ์ คมกริช นงค์สวัสดิ์ ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารการตลาด บริษัท ฟอร์ด เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่าเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้าบริษัทจึงได้เปิดบริการรูปแบบใหม่ "ฟอร์ด 24 ชม. โรดไซด์ แอสซิสแตนซ์"ที่ร่วมมือกับ บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล เอส โอ เอส เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นผู้มีประสบการณ์และความสามารถในด้านการช่วยเหลือฉุกเฉิน ด้านการเดินทาง และการแพทย์โดยเฉพาะด้วยเครือข่ายที่กระจายอยู่ทั่วประเทศกว่า 300 แห่ง ให้บริการได้หลายภาษา ทั้งอังกฤษ จีน ญี่ปุ่น เยอรมนีและฝรั่งเศส สำหรับบริการ ฟอร์ด 24 ชม. โรดไซด์ แอสซิสแตนซ์ จะประกอบไปด้วยบริการฉุกเฉินหลากหลายรูปแบบ เช่นให้คำปรึกษาด้านการแพทย์ กรณีเกิดอุบัติเหตุ น้ำมันหมด หรือลืมกุญแจรถ เป็นต้น เหนือกว่าบริการรถลากทั่วไปโดยข้อเสนอสุดพิเศษนี้ จะมอบให้กับลูกค้า ฟอร์ด เลเซอร์ เทียร์รา ทุกคัน ทั้งนี้ลูกค้าที่ซื้อรถ เทียร์รา จะได้รัข้อเสนอนี้เป็นระยะเวลา 3 ปี สามารถโทรเข้าไปที่ศูนย์เพื่อขอความช่วยเหลือโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น ผลิตภัณฑ์ 3 เค ฯ ทุ่มงบ 2,000 ล้าน ขยายกำลังการผลิต วีรวัฒน์ ขอไพบูลย์ กรรมการและผู้จัดการฝ่ายขาย บริษัท ผลิตภัณฑ์ 3 เค จำกัด และกรรมการ บริษัทไทยสโตเรจแบตเตอรี่ จำกัด (มหาชน) ผู้จำหน่ายและผลิตแบทเตอรี 3 เค เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนการลงทุนประมาณ2,000 ล้านบาท เพื่อขยายสายการผลิตให้เต็มกำลังภายในปี 2548 เพื่อผลิตแบทเตอรีให้ครบทุกชนิดซึ่งจะสามารถทำให้เพิ่มกำลังการผลิตจากปัจจุบันได้ถึงร้อยละ 50 ทั้งนี้ที่ผ่านมาตั้งแต่ปีที่แล้วบริษัทได้ลงทุน 100 ล้านบาท เพื่อเพิ่มสายผลิตภัณฑ์แบทเตอรี 3 กลุ่ม ได้แก่ แบทเตอรีสำหรับพลังงานแสงอาทิตย์/สำหรับรถไฟฟ้า และสำหรับรถโฟล์คลิฟท์ รวมถึงเพื่อสายการผลิตแบทเตอรีอีก 2 สายคือ สำหรับรถจักรยานยนต์ แบบ MAINTENANCE FREE และสำรองไฟ (SEALED LEAD ACID BATTERY)ซึ่งการลงทุนขยายการผลิตในครั้งนี้คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ สำหรับการเตรียมความพร้อมในครั้งนี้ บริษัทเชื่อว่าจะสามารถขึ้นเป็นผู้นำตลาดแบทเตอรีได้ภายใน 3-5 ปีจากปัจจุบัน 3 เค มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ร้อยละ 25 ซึ่งอยู่อันดับสองรองจาก จีเอส ที่มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ร้อยละ 35 ส่วนที่เหลือจะเป็นในส่วนของ เอฟบีร้อยละ 16-17 และยัวซา ร้อยละ 8 ที่เหลือเป็นยี่ห้อื่นๆ ฮอนดา เปลี่ยนชิ้นส่วนสวิทช์กุญแจ บริษัท ฮอนดา มอเตอร์ จำกัด ประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยว่า บริษัทได้ประกาศเรียกรถ ฮอนดาเข้ารับบริการชิ้นส่วนของสวิทช์กุญแจ เนื่องจากหน้าสัมผัสของสวิตช์กุญแจเกิดการเป็นฉนวนทำให้การไหลเวียนของกระแสไฟฟ้าสะดุด อาจทำให้เครื่องยนต์หยุดทำงาน บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล(ประเทศไทย) จำกัด จึงประกาศว่า ในประเทศไทย มีรถยนต์ ฮอนดา ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาดังกล่าวประมาณ14,000 คัน ได้แก่ รถ ฮอนดา รุ่น ซิที/ซีวิค และซีอาร์-วี ที่ผลิตในประเทศไทย ตั้งแต่ปี 1997-1999 และรถยนต์ฮอนดา ที่นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น ในรุ่น พรีลูด และออดิสซีย์ ปี 1997-1999 สำหรับประเทศไทย จากการตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังจนถึงปัจจุบันยังไม่เคยพบกรณีดังกล่าวเลย อย่างไรก็ตามบริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) ใคร่ขอยืนยันว่า ฮอนดาคำนึงถึงความปลอดภัยของลูกค้าเป็นอันดับแรกเสมอและมาตรการการเรียกรถเพื่อตรวจสอบและแก้ไขดังกล่าวเป็นมาตรการที่มุ่งป้องกันล่วงหน้าเพื่อความปลอดภัยของลูกค้า ฮอนดาเป็นสำคัญ ดังนั้นบริษัท ฯ จะส่งจดหมายแจ้งให้ลูกค้าที่ได้รับผลกระทบทราบต่อไป เดลฟาย เล็งอุตสาหกรรมยานยนต์เติบโต มาร์ทิน คอนลอน ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินประจำภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิค ของ เดลฟาย เปิดเผยว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ในตลาดหลักๆ ส่วนใหญ่ของเอเชีย-แปซิฟิค รวมทั้งประเทศไทยมีศักยภาพในการเติบโตสูงในระยะ 2-3 ปีข้างหน้า จากข้อมูลการวิจัยตลาดของ THE GLOBAL AUTOMOTIVE GROUP OF DRIWEFA ีระบุว่าในปีนี้จนถึงสิ้นปี2549 จำนวนรถยนต์ที่ผลิตในเอเชีย-แปซิฟิค ไม่รวมญี่ปุ่น จะมีมากกว่า 11 ล้านคัน เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 43 จาก 8ล้านคันในปี 2543 เฉพาะในประเทศไทยประเทศเดียวจำนวนรถที่ผลิตออกมาในช่วงปี 2549 จะมีจำนวนถึง992,000 คัน เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 140 จาก 411,000 คันในปี 2543 ทั้งนี้ปัจจัยที่เอื้อต่อการลงทุนในเอเชีย-แปซิฟิคประกอบด้วยการพัฒนาทางเศรษฐกิจ การเจริญเติบโตของตลาดการเปิดตลาดรับการแข่งขันและการมีส่วนร่วมจากต่างประเทศโอกาสทางธุรกิจที่ดึงดูดใจซึ่งให้ผลตอบแทนที่เหมาะสมแก่ผู้ลงทุน และเทคโนโลยีที่เสริมคุณค่าให้กับลูกค้า สำหรับในประเทศไทย เดลฟายมีโรงงานผลิตคาลิเปอร์เบรกและระบบจัดการเชื้อเพลิงแห่งแรกในกลุ่มประเทศอาเซียนโดยบริษัทตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด