ร่มไม้ชายศาล
เช่าซื้อหลอก
การทำสัญญาซื้อขายรถระหว่างชาวบ้านกับพ่อค้า ยังไงเสียพ่อค้าต้องหาทางได้เปรียบเชิงกลไว้ก่อนไม่
มากก็น้อย จนกระทั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคสมัยรัฐมนตรี จุรินทร์ ยุคนายก ชวน (ที่คนพากันเมิน
ซะแล้วตอนนี้ เมื่อได้พรรคคิดใหม่ทำใหม่) ผลักดันให้มีการบังคับใช้สัญญาที่เป็นธรรม
แต่ในความเป็นจริงจะเป็นธรรมหรือไม่พ่อค้าหาทางหลีกเลี่ยงใช้เล่ห์กระเท่หรือไม่มันอีกเรื่องหนึ่ง ที่รู้ที่
เห็นพ่อค้าไม่ได้ใจบุญ ไม่ได้มองเรื่องความเป็นธรรมอะไรนักหรอก มุ่งปกป้องผลประโยชน์ของเขามาก
กว่า
เชื่อไหม พ่อค้ามือใหม่ชนิดถอดด้ามอยากค้ารถ เขาจะเสาะแสวงหาแง่มุมทางกฎหมายจากพ่อค้าด้วยกัน
ให้มากที่สุด ว่าทำยังไงจึงจะขี่คอลูกค้าสำเร็จ ยิ่งขี่ได้โดยละม่อม ไม่ให้ลูกค้ารู้ตัวยิ่งเจ๋งกรณีของสัญญา
เช่าซื้อมาตรฐานที่รัฐพยายามตีกันไม่ให้พ่อค้าบี้ลูกค้าเหมือนในอดีต เขาก็หาทางซิกแซก ด้วยการให้เซ็น
ทั้งสัญญาเช่าซื้อและสัญญาซื้อขายมีเงื่อนไข คือเซ็นในแบบฟอร์มเอาไว้ ยังไม่กรอกข้อความอะไรลงไป
แล้วเลือกใช้ตามโอกาส ซึ่งผมจะไม่พูดมากไปกว่านี้ เดี๋ยวเป็นการชี้โพรงให้กระรอกซะเปล่าๆ เอางี้
เรามาดูการซื้อขายรถของห้างใหญ่แห่งหนึ่งซึ่งอยู่ที่จังหวัดใหญ่ มีสำนักงานเบ้อเริ่มเทิ่ม ค้ารถมาช้า
นานเป็นเอเยนต์หลายยี่ห้อ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เถ้าแก่เจ้านี้ไม่ยักใช้สัญญาเช่าซื้อ ผมเห็นคำตัดสินของศาล
ถึงรู้ไต๋ พวกนี้โคตรฉลาด ฉลาดแบบเอาเปรียบ
"ห้างหุ้นส่วนจำกัดชัวร์ชัวร์จำกัด" คือผู้ค้ารถที่ว่านี้ ลูกค้าที่โดนบี้คือ "นายโดน" พี่แกอยากได้รถไปใช้จึง
แถเข้าห้างชัวร์ชัวร์ เจรจาเป็นที่ตกลงก็ซื้อรถไปคันหนึ่ง วางเงินก่อน 7 หมื่นบาท ที่เหลือผ่อนส่งงวดละ
4 หมื่นกว่าบาท รวม 24 งวด เบ็ดเสร็จเป็นเงินล้านกว่าบาท ไม่ใช่ย่อยเหมือนกัน
แน่นอน มิตรรักแฟนเพลงต้องเข้าใจว่าเป็นการเช่าซื้อเหมือนอย่างที่เขาทำกันทั่วไป แต่รายนี้ไม่ใช่หรอก
ครับ กลายเป็น "สัญญาซื้อขายมีเงื่อนไข"
จุดตายสำหรับลูกค้าก็คือ ข้อสัญญาที่ว่า
"ผิดนัดงวดใดงวดหนึ่ง ถือว่าสัญญาเลิกกันโดยไม่ต้องบอกกล่าว แล้วให้ลูกค้าส่งมอบรถคืนทันที เงินที่จ่าย
ไปแล้วลอดแข้งลอดขา ผู้จะขายไม่คืน"
คิดดูเด่ว่าโหดแค่ไหน
นายโดน ซึ่งโดนเอาเปรียบโดยรู้ตัวหรือเปล่าไม่ทราบ กัดฟันหาเงินผ่อนส่งตรงตามนัดบ้างไม่ตรงบ้างตั้ง
21 งวด หมดไปล้านเศษ เหลืออีกแค่ 3 งวด เป็นเงินแสนกว่าบาทเกิดชอทขึ้นมา หจก. ชัวร์ชัวร์จึงได้
โอกาสลงมือเชือดด้วยความชำนิชำนาญ ให้คนไปยึดรถมาดื้อๆ
นายโดน เลือดขึ้นหน้า วิ่งโร่ไปแจ้งความที่โรงพัก เอาผิดกับคนที่ไปยึดรถ ค่อยยังชั่วตำรวจรับลูก ลาก
รถมาไว้ที่โรงพักเป็นของกลางในข้อหาลักทรัพย์ แต่การตีศอกกลับหรือจะเข้ฟาดหางของนายโดนไม่เป็น
ผล เนื่องจากอัยการท่านมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง เพราะเห็นว่ารถเป็นของทางห้างเขา เขาตามเอาคืนได้
ไม่มีความผิดทางอาญาหรอก
ขณะที่นายโดน กำลังเมาหมัดเล่นงานเขาในคดีอาญาไม่สำเร็จ หจก. ชัวร์ชัวร์ก็ออกอาวุธเข้าใส่อีกดอก
หนึ่งด้วยการยื่นฟ้อง นายโดน และพรรคพวกที่ช่วยค้ำประกันเป็นคดีแพ่ง ในคำฟ้องบังคับให้นายโดนส่ง
มอบรถคืน ถ้าไม่ส่งมอบ นายโดน และคนค้ำประกันต้องจ่ายค่างวดที่ค้างชำระอยู่แสนกว่าบาท บวกดอก
เบี้ยร้อยละ 15 ต่อปีเข้าไปกลายเป็นเงิน 2 แสนกว่าบาท ตามด้วยค่าเสียหายอีกเดือนละ 3 หมื่นบาท
นายโดน กับคนค้ำประกันสู้คดี ให้การว่า สัญญาที่นำมาฟ้องทางห้างทำขึ้นเองหลังจาก นายโดน กับคนค้ำ
ประกันเซ็นชื่อโดยเข้าใจว่าเป็นสัญญาเช่าซื้อ ห้างชัวร์ชัวร์ต่างหากที่ผิดสัญญา ไม่ทำตามขั้นตอนของสัญญา
เช่าซื้อด้วยการบอกเลิกสัญญาก่อน จึงฟ้องเรียกร้องอะไรไม่ได้ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว ตัดสินยกฟ้อง
โจทก์คือหจก. ชัวร์ชัวร์ ไม่ใช่ชั่วชั่ว เรียงพิมพ์ให้ดี ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ยื่นอุทธรณ์ขึ้นไป แต่ผิดหวัง
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ว พิพากษายืน โดยศาลอุทธรณ์มีความเห็นว่าสัญญาที่ทำขึ้นแท้ที่จริงเป็นสัญญา
เช่าซื้อ เมื่อไม่ทำตามกฎเกณฑ์ในสัญญาเช่าซื้อก็ฟ้องจำเลยไม่ได้ ต้องยกฟ้อง
เรื่องยังไม่จบ หจก. ชัวร์ชัวร์ เล่นเกมยาวด้วยการยื่นฎีกา ยืนยันซะด้วยว่าตั้งใจทำเป็นสัญญาซื้อขายมี
เงื่อนไขมาแต่ต้น สัญญามีผลตามกฎหมายผูกมัดลูกค้าตามที่ว่าไว้ในสัญญานั่นแหละ ลูกค้าดิ้นไม่หลุดหรอก
ต้องตัดสินให้ห้างชนะจึงจะถูกต้อง เอากะเขาสิ
ศาลฎีกาเล็งดูสำนวนคดีนี้อย่างขมีขมัน เพราะฟ้องกันมานานเต็มทีแล้ว และตัดสินชี้ขาดออกมาในปี
ปี 2543 ดังนี้
สัญญานี้เป็นสัญญาซื้อขายมีเงื่อนไขแน่นอน โดยมีข้อตกลงว่า ผู้จะขายตกลงจะขายรถ ผู้ซื้อตกลงจะซื้อ
ในราคา...วันทำสัญญาผู้จะซื้อชำระเงิน...ส่วนที่ค้าง...จะชำระให้เป็นงวดทุกๆ เดือน งวดละ...
ภายในกำหนด 24 เดือน รถจะตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้จะซื้อเมื่อผู้จะซื้อปฏิบัติตามสัญญา ผู้จะขายมีสิทธิ
บอกเลิกสัญญาและเรียกรถคืนได้เมื่อผู้จะซื้อไม่ปฏิบัติตามสัญญาข้อหนึ่งข้อใด จึงเข้าข่ายเป็นสัญญาซื้อขายมี
เงื่อนไข ตามกฎหมายแพ่ง ฯ มาตรา 459 ไม่ใช่สัญญาเช่าซื้อตามมาตรา 572 จริงดังที่โจทก์ว่า
การที่มีข้อสัญญาไว้ด้วยว่า ถ้าผู้จะซื้อผิดนัดไม่ชำระงวดหนึ่งงวดใด...ผู้จะซื้อยอมให้ถือว่าสัญญาเลิกกัน
ทันทีตั้งแต่วาระนั้น โดยไม่จำเป็นต้องบอกกล่าว และผู้จะขายมีสิทธิเอารถคืนโดยไม่ต้องคืนเงินที่ผู้จะซื้อ
ชำระไปแล้วนั้น ถือว่าเป็นข้อตกลงโดยความสมัครใจของคู่สัญญา จึงไม่ต้องห้ามตามกฎหมาย และไม่ทำ
ให้แปรเปลี่ยนไปเป็นสัญญาเช่าซื้อดังที่ศาลล่างเคยว่าไว้
ในแง่ของความเสียหาย ศาลฎีกาชี้ว่า นายโดนกับพวกต้องส่งมอบรถคืนให้แก่ หจก. ชัวร์ชัวร์ ถ้าไม่ส่ง
คืนให้ชำระเงินที่ค้าง 145,710 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันผิดนัดงวดที่ 22 คือวันที่
5 พฤษภาคม 2535 เป็นต้นไป จนกว่าชำระเสร็จ
สำหรับค่าเสียหายอย่างอื่นจะเรียกได้หรือไม่ คือค่าเสียหายอีกเดือนละ 3 หมื่นบาท ปรากฏว่าหจก. ซึ่ง
เป็นโจทก์ไม่นำสืบแสดงให้ศาลเห็นว่าเสียหายยังไง อีกทั้งหจก. ผู้เป็นโจทก์เรียกเอาดอกเบี้ยตั้งร้อยละ
15 ต่อปีของเงินที่ค้าง ถือว่าเพียงพอแก่ค่าเสียหายตามพฤติการณ์แล้ว ให้ยกเสียในส่วนนี้
ศาลฎีกาจึงพิพากษากลับ ให้จำเลยร่วมกันคืนรถยนต์แก่โจทก์ คืนไม่ได้ให้ชดใช้ค่าเสียหายเท่ากับเงินที่
ค้างชำระคือ 145,710 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันที่ 5 พฤษภาคม 2535 เป็นต้นไป
จนกว่าชำระเสร็จ
คงไม่ต้องบอกว่าการซื้อรถโดยมีเงื่อนไขนั้นผู้ซื้อเสียเปรียบแค่ไหน ที่เห็นๆ คือผิดนัดงวดเดียวเขายึดรถ
คืนทันที เงินที่เสียไปเปล่าประโยชน์ ค่างวดที่ค้างชำระเพราะถึงกำหนดเขายังเรียกเอาได้ ถ้านำสืบ
โชว์ให้ศาลเห็นถึงสภาพความเสียหายยังเรียกค่าเสียหายได้อีกต่างหาก
ขณะที่การเช่าซื้อให้โอกาสแก่ผู้ซื้อมากกว่า ตามสัญญามาตรฐานซึ่งพ่อค้าพยายามหลีกเลี่ยงต้องสามงวดจึง
จะยึดได้ ต้องมีขั้นตอนบอกเลิกสัญญาซะก่อนเป็นเรื่องเป็นราวอีกด้วย ไม่ใช่มัดมือถือว่าเลิกสัญญาได้โดย
ไม่บอกกล่าว
สำหรับคดีนี้ นายโดน ต้องคืนรถนะครับ จะเลือกเอาการชำระเงินเพื่อเอารถไว้ไม่ได้ซะด้วย การชำระ
เงินจะเกิดขึ้นต่อเมื่อมีเหตุคืนรถไม่ได้จริงๆเท่านั้น
นั่นหมายความทางห้างได้เปรียบ ยึดได้รถขายต่อสบาย ขณะที่นายโดนเสียเงินไปมากมาย ผิดนัดแค่สาม
งวดสุดท้ายในจำนวน 24 งวด ขาดเงินแสนกว่าบาท ห้างเอารถไปกินดิบ แย่หรือไม่ลองคิดดู พ่อค้าเอา
เปรียบชาวบ้านหรือไม่ลองเอาหัวแม่เท้าตรองดู
จากคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5591/2543
เรื่องโดย : จอมยุทธ
ภาพโดย : -
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน กุมภาพันธ์ ปี 2545
คอลัมน์ Online : ร่มไม้ชายศาล
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/51273