พิเศษ(formula)
เลาะสายการผลิต เชฟโรเลต์ ซาฟีรา
อุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ในประเทศ ไทย มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ค่ายยักษ์ใหญ่ ไม่
ว่าจะเป็น ฟอร์ด/มาซดา/เมร์เซเดส-เบนซ์/บีเอมดับเบิลยู/จีเอม ย้ายฐานการผลิตมาที่ประเทศ ไทย
ทั้งสิ้น และไม่ใช่ผลิตเพื่อรองรับตลาดภายในประเทศเท่านั้น แต่รวมไปถึงตลาดต่างประเทศอีกด้วย
บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เป็นบริษัทในเครือของ เจเนอรัล มอเตอร์ส
คอร์พอเรชัน (จีเอม) ซึ่งเป็นบริษัทอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ผลิตรถยนต์ภายใต้แบรนด์
ต่างๆ ได้แก่ บิวอิค/แคดิลแลค/เชฟโรเลต์/จีเอมซี/โฮลเดน/โอเพล/โอลด์สโมบิล/พอนทิแอค/
แซเทิร์น/ซาบ และ วอกซ์ฮอลล์ นอกจากนี้ จีเอม ยังเข้าถือหุ้นบริษัท อีซูซุ อีกร้อยละ 49/ซูบารุ ร้อย
ละ 20/ซูซูกิ ร้อยละ 10 และเฟียต ร้อยละ 20
เจนเนอรัล มอเตอร์ส ประเทศไทย ก่อตั้งเมื่อปี 2536 มีบทบาทเป็นเสมือนหัวหอกสำคัญอันหนึ่งในการ
ขยายธุรกิจของ เจเนอรัล มอเตอร์ส ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค
ต่อมาในปี 2539 ประเทศ ไทย ได้รับการคัดเลือกจาก จีเอม ให้เป็นฐานการผลิตประจำภูมิภาค หลัง
จากนั้นได้เริ่มก่อสร้างศูนย์การผลิตรถยนต์ เจเนอรัล มอเตอร์ส บนพื้นที่ 440 ไร่ ในนิคมอุตสาหกรรม
อีสเทิร์น ซีบอร์ด จ. ระยอง ด้วยเงินลงทุนกว่า 25,000 ล้านบาท
โดยเน้นการผลิตเพื่อส่งออก ประมาณร้อยละ 95 ภายใต้แบรนด์ต่างๆ คือ โอเพล/โฮลเดน/
วอกซ์ฮอลล์/เชฟโรเลต์ และซูบารุ ส่วนรุ่นที่ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ ไทย ได้แก่ เชฟโรเลต์
ซาฟีรา
ศูนย์การผลิตแห่งนี้ ประกอบไปด้วย โรงงานขึ้นรูปชิ้นส่วน/โรงงานประกอบตัวถัง/โรงงานพ่นสี และ
โรงงานประกอบทั่วไป มียอดการผลิตในระยะแรก 8,000 คัน ในปี 2543 และเพิ่มขึ้นเป็น 55,000
คันในปี 2544 ปัจจุบันมีกำลังการผลิต 252 คัน/วัน แต่ละโรงงานมีการปฏิบัติงานเป็นขั้นตอน มีระเบียบ
และเคร่งครัดเรื่องความปลอดภัยในการทำงานสูงมาก จึงไม่เคยเกิดอุบัติเหตุขั้นร้ายแรงเลยนับตั้งแต่
เริ่มเปิดดำเนินการมาจนถึงปัจจุบัน
เมื่อไม่นานนี้เราได้รับเชิญจาก ชาติชาย สุวรรณเสวก ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท เจน
เนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ให้ไปชมความยิ่งใหญ่ของโรงงานผลิตรถยนต์ที่ทันสมัย และ
ปลอดภัยของ จีเอม โดยเริ่มจาก
โรงงานขึ้นรูปตัวถัง ผลิตชิ้นส่วนตัวถังต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ฝากระโปรง ประตู ฝาท้าย หลังคา ฯลฯ
จากเหล็กแผ่นเรียบ นำมาเข้าเครื่องปั๊มตัวถัง จนออกมาเป็นชิ้นส่วนดังกล่าว และผ่านการตรวจสอบชิ้น
งานเป็นระยะ เพื่อให้แน่ใจว่า ไม่มีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น
จากนั้น ชิ้นส่วนต่างๆ จะถูกนำไปเชื่อมต่อ ด้วยเครื่องเชื่อมตัวถังคุณภาพสูง โดยเริ่มประกอบจากพื้นรถ
ก่อน ต่อด้วยส่วนหัว ส่วนท้าย และรายละเอียดส่วนต่างๆ ของตัวถังทั้งหมด แล้วนำมาประกอบหลังคา
ขั้นตอนเหล่านี้ ถึงแม้จะใช้แรงงานคนในการเชื่อม แต่ก็ได้ชิ้นงานที่มีคุณภาพสูงมาก
ขั้นตอนสุดท้าย เป็นการเชื่อมในจุดที่เข้าถึงได้ยาก ซึ่งขั้นตอนนี้ เป็นหน้าที่ของหุ่นยนต์เชื่อมตัวถังหลายตัว
ช่วยกันทำงานอย่างแข็งขัน และไม่มีเหนื่อย
หลังจากขั้นตอนนี้ทั้งหมดเสร็จสิ้น ก็จะได้ตัวถังที่พร้อมจะพ่นสีต่อไป
ตัวถังจากโรงงานขึ้นรูป จะถูกเคลื่อนมาตามสายพานลำเลียง ถึงโรงงานพ่นสีตัวถัง ขั้นตอน เริ่มจาก
การล้างทำความสะอาดไขมันที่อาจติดอยู่บนตัวถัง ด้วยน้ำยาและน้ำร้อนอุณหภูมิสูง แล้วเลื่อนไปตามสาย
พานลำเลียง ตรงไปยังบ่อชุบสีกันสนิม ซึ่งทาง เจเนอรัล มอเตอร์ส ฯ รับประกันคุณภาพตัวถังว่าไม่ถูก
กัดกร่อนนานถึง 12 ปี หลังจากนั้น ก็เข้าสู่ขั้นตอนพ่นสีรองพื้น และยาแนว แล้วส่งตัวถังไปยังห้องพ่นสี
จริง ที่อบด้วยความร้อน เพื่อให้สีตัวถังแห้งสนิท
ก่อนที่จะส่งตัวถังที่พ่นสีแล้ว ไปยังโรงงานต่อไป จะต้องมีการตรวจสอบว่า มีตำหนิ ริ้วรอยตรงไหนหรือ
ไม่ ถ้าพบข้อผิดพลาด ก็จะถูกคัดออกทันที
มาถึงขั้นตอนการประกอบอุปกรณ์ต่างๆ ที่โรงงานประกอบทั่วไป จะเริ่มประกอบจาก แผงหน้าปัดก่อน ต่อ
ด้วยการประกอบเครื่องยนต์ แล้วจึงประกอบช่วงล่าง หน้า/หลัง ระบบห้ามล้อ ก่อนเข้าสู่ขั้นตอนบรรจุ
ของเหลว ไม่ว่าจะเป็น น้ำมันหล่อลื่นต่างๆ น้ำมันเบรค รวมทั้งน้ำยาแอร์ด้วย แล้วจึงเริ่มประกอบ
อุปกรณ์ภายในที่เหลือ ทั้งแผงประตูและเบาะนั่ง บุพื้นรถ ปูพรม เมื่อเสร็จทุกขั้นตอนแล้ว ก็จะออกมาเป็น
เชฟโรเลต์ ซาฟีรา ที่สมบูรณ์แบบ
รถทุกคันที่ประกอบเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะได้รับตรวจสอบอีกครั้งอย่างละเอียด เพื่อไม่ให้มีข้อผิดพลาด
ใดๆ ทั้งสิ้น ก่อนที่จะนำไปเก็บ เพื่อรอการขนส่งไปจำหน่ายยังประเทศต่างๆ ต่อไป
สัมภาษณ์
ธอมัส วิลสัน (THOMAS WILSON) รองประธานฝ่ายปฏิบัติการ การผลิต
บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด
ฟอร์มูลา : จีเอม มีโรงงานกี่แห่งในโลก ?
ธอมัส : ศูนย์การผลิตของ จีเอม เป็นโรงงานที่สร้างขึ้นมาแบบ GREENFIELD คือ การสร้างจากบนพื้น
ดินที่ไม่มีอะไรเลย ไม่ใช่เป็นการซื้อแบบสำเร็จรูป จีเอม มีโรงงานทั้งสิ้น 50 แห่ง แต่มีอยู่เพียง 5
แห่ง ที่มีลักษณะเป็นแบบ GREENFIELD คือ อาร์เจนตินา/จีน/โปแลนด์/ไทย และบราซิล มีความเหมือน
กันในเรื่องของการสร้าง ความต้องการหลักคือ สามารถผลิตรถยนต์ได้หลายแบบในไลน์การผลิตเดียวกัน
ซึ่งโรงงานแบบนี้จะมีระบบการจัดสรรที่ดี
ข้อดีของการสร้างโรงงานแบบ GREENFIELD สิ่งสำคัญคือเรื่องการจัดระบบ ภายใต้ GENERAL
GLOBAL MANUFACTUREING SYSTEM ซึ่งเป็นระบบที่ดีที่สุด ประกอบด้วย วิธีการทำงาน 3 ประการ
หลัก คือ ระบบปลอดภัย คุณภาพการผลิต และความสามารถในการผลิต
ฟอร์มูลา : โรงงานทั้ง 5 ประเทศ สถานที่ไหนใหญ่ที่สุด ?
ธอมัส : โรงงานที่ถือว่ามีขนาดใหญ่ที่สุด คือ จีน ส่วนในประเทศ ไทย อาร์เจนตินา และโปแลนด์
ใกล้เคียงกัน โดยที่ จีน ปัจจุบันมีกำลังการผลิต 25 คัน/ชั่วโมง ในขณะที่ ไทย ผลิตได้ 16 คัน/ชั่วโมง
ซึ่งหากนับแล้วในปัจจุบันศูนย์การผลิตในไทยได้เริ่มทำการผลิตมาเป็นระยะเวลาเกือบ 2 ปีแล้ว มียอด
การผลิตในระยะแรก 6,000 คัน ส่วนในปี 2543 และ ปี 2544 เพิ่มขึ้นเป็น 35,000 คัน และด้วย
การทำงานที่มีระบบนี้เอง ทำให้ปัจจุบันโรงงานแห่งนี้สามารถทำได้ทั้งด้านความปลอดภัย โดยไม่มีใคร
ได้รับอุบัติเหตุ ขณะเดียวกันก็ได้รับรางวัลด้านความปลอดภัยที่สุด
ด้านคุณภาพ ความสำเร็จ คือ ได้รับ ISO 9002 เพียงแค่ 3 เดือนแรกจากเริ่มการผลิต หลังจากได้
ISO 9002 แล้วก็สามารถส่งออกไปยัง ยุโรป และตลาด ญี่ปุ่น ซึ่งถือว่าเป็นรายแรกของเมือง ไทย ที่
ส่งรถไปขายใน ญี่ปุ่น เนื่องจาก ญี่ปุ่น มีการตรวจสอบและเข้มงวดมากในด้านคุณภาพการผลิต รถที่เรา
ส่งไปจำหน่ายคือ ซูบารุ
ด้วยการผลิตที่ใช้เครื่องมือเป็นส่วนใหญ่ จะมีแค่โรงงานที่ประกอบทั่วไปที่จะใช้คนมากที่สุด ตรงจุดนี้จะ
ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้ถึงระบบการทำงาน ข้อผิดพลาดต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ ที่ผ่านมาปัญหาที่พบมาก
คือ บุคลากร กับชิ้นส่วน ซึ่งหลังจากพบปัญหาได้กำหนดระบบขึ้นมาใหม่ คือ DIRECT RUN คือ การให้
บุคคลที่ 3 เข้ามาตรวจสอบ
ฟอร์มูลา : เมื่อเปรียบเทียบกับในต่างประเทศศักยภาพของช่างเทคนิคไทยเป็นอย่างไรบ้าง ?
ธอมัส : ถ้าจะให้เปรียบเทียบ โดยส่วนตัวมองว่าระดับความคิดความสามารถช่างของคนเอเชีย และ
ยุโรป ต่างกันค่อนข้างมาก คือ คนในแถบเอเชียส่วนใหญ่อายุยังน้อย เป็นคนรุ่นใหม่ ซึ่งอาจเป็นเพราะ
รถยนต์ในภูมิภาคนี้เพิ่งจะขยายตัว ซึ่งความที่มีอายุน้อยจะได้เปรียบในเรื่องของความตั้งใจในการทำงาน
ความมุ่งมั่น และมักจะหาสิ่งใหม่ๆ เสมอ ต้องการเรียนรู้งานตลอดเวลา
ที่ผ่านมา จีเอม ได้มีการส่งช่างไปอบรม ทั้ง ไทย/อินโดนีเซีย/จีน และอินเดีย พบว่าคนในเอเชีย
สามารถแก้ปัญหาได้เร็ว ในขณะที่ ยุโรป คนทำงานจะมีอายุมากกว่าคน เอเชีย มีความตรงไปตรงมา
เอาจริงเอาจัง แต่บางครั้งไม่ค่อยแสวงหาสิ่งใหม่ๆ
ฟอร์มูลา : การผลิตใช้ชิ้นส่วนในประเทศจำนวนเท่าใด ?
ธอมัส : ปัจจุบันการผลิตรถ เชฟโรเลต์ ซาฟีรา ใช้ชิ้นส่วนในประเทศเพียง 40 % ที่เหลือเป็นการนำ
เข้าซึ่งทาง จีเอม กำลังพยายามที่จะเพิ่มการใช้ชิ้นส่วนในประเทศให้มากขึ้น โดยพยายามหา
ซัพพลายเออร์ใหม่ๆ แต่ทั้งนี้ ต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายด้าน เช่น ซัพพลายเออร์ ใหม่มีความสามารถใน
การผลิตได้มากแค่ไหน สามารถสู้ราคากับซัพพลายเออร์เดิมได้หรือไม่ และชิ้นส่วนจะต้องมีคุณภาพสูง ใน
ปัจจุบันมีซัพพลายเออร์ที่ส่งชิ้นส่วนให้โรงงานเพียง 42 รายเท่านั้น
ฟอร์มูลา : ขอทราบแผนการผลิตรถโมเดลใหม่ในอนาคต ?
ธอมัส : ในเดือนมีนาคม 2002 จีเอม จะเริ่มผลิตรถยนต์ อัลฟา โรเมโอ 156 โดยจะผลิตปีละ
3,000-4,500 คัน และในปี 2003 ประมาณกลางปีจะผลิตรถ อีซูซุ ปีละ 40,000 คัน สำหรับกำลัง
การผลิตที่เพิ่มขึ้นนี้โรงงานสามารถรองรับได้ เนื่องจาก จีเอม มีกำลังการผลิตเต็มที่ปีละ 1 แสนคัน
เรื่องโดย : นุสรา เงินเจริญ
ภาพโดย : -
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน กุมภาพันธ์ ปี 2545
คอลัมน์ Online : พิเศษ(formula)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/51270