บทความ
ขี่ช้างท่องไพร
ปลายปี 2544 ผมมีโอกาสได้ไปสัมผัสอากาศหนาวที่จังหวัดลำปาง เมืองรถม้า และเมืองแห่งศิลปะของ
เซรามิคที่แสนสวย การเดินทางท่องเที่ยวของผมในครั้งนี้ เกิดขึ้นจากพี่ชายที่แสนดีเอ่ยปากชวนให้ไปฝึก
ขี่ช้างกันที่ ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย ซึ่งดูแลโดยองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ผมไม่รีรอ รีบตอบตกลงทันที แล้วก็จองตั๋วรถไฟจากกรุงเทพ ฯ ในช่วงเวลาประมาณ 2 ทุ่มเพื่อที่จะได้
ไปถึงลำปางในเช้าตรู่พอดี ก่อนที่จะเดินทางไปนั้น ผมนึกถึงภาพของช้างที่มาร่อนเร่เดินอยู่บนถนน
คอนกรีทร้อนๆ ในกรุงเทพ ฯ ต้องสูดอากาศเป็นพิษ เห็นแล้วก็รู้สึกสงสาร อยากให้ช้างเหล่านั้นได้กลับ
ไปอยู่ในที่ของเขา นั่นก็คือป่าที่อุดมสมบูรณ์ และมีเพื่อนฝูงเล่นสนุกสนาน มีควาญช้างที่เข้าใจธรรมชาติ
ของช้าง ระหว่างทางที่นั่งอยู่บนรถไฟ พี่ชายของผมเล่าถึงความเป็นมาของศูนย์อนุรักษ์
ช้างที่เราจะไปในครั้งนี้ให้ฟังว่า
ศูนย์อนุรักษ์ช้างแห่งนี้ สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
เนื่องในวโรกาสที่ทรงเจริญพระชนมายุครบ 3 รอบในปี 2534 ตั้งอยู่บริเวณทางหลวงสาย
ลำปาง-เชียงใหม่ ช่วงหลักกิโลเมตรที่ 28 หมู่ 6 ตำบลเวียงตาล อำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง
ที่นี่มีช้างอยู่ในความดูแลประมาณ 80 เชือก ซึ่งดำเนินการอนุรักษ์ช้างในรูปแบบของศูนย์ฝึกลูกช้างมา
ตั้งแต่ปี 2512 ที่นี่เป็นศูนย์ฝึกลูกช้างแห่งแรก และแห่งเดียวในโลกที่ฝึกลูกช้างเพื่อใช้งานใน
การทำไม้โดยตรง แต่มีพื้นที่เพียง 15 ไร่เท่านั้น จึงได้ย้ายมาไว้ที่อำเภอห้างฉัตรในปัจจุบันที่มีพื้นที่กว้าง
ขวางขึ้นประมาณ 700 กว่าไร่ จัดให้เป็นศูนย์อนุรักษ์ช้างไทยที่สมบูรณ์แบบ อันเป็นจุดเริ่มต้นของการ
จัดตั้งองค์การสากลเพื่อการอนุรักษ์ช้างต่อไปในอนาคต
นอกจากนี้ก็ยังเป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลและความรู้ต่างๆเกี่ยวกับช้าง ซึ่งผู้ที่สนใจหรือหน่วยงานต่างๆ
สามารถมาใช้บริการเพื่อการศึกษาค้นคว้าหรือทำงานวิจัยได้ และในขณะเดียวกัน ทาง ออป. ก็มี
นโยบายที่จะพัฒนาศูนย์แห่งนี้ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติด้วย
เมื่อทราบเช่นนี้แล้วก็รู้สึกดีใจแทนผู้ที่รักช้างที่น่าจะสนับสนุนให้ศูนย์แห่งนี้ สามารถมีกำลังดูแลช้างเร่ร่อน
ทั้งหลายได้อย่างครบถ้วน จะได้ไม่มีช้างมาเดินให้เห็นในเมืองกรุง ฯ และเราก็คงจะไม่ได้ยินข่าวช้าง
ถูกรถชนตายอีก
เช้าตรู่ของวันถัดมา เราถึงสถานีรถไฟที่ลำปางในเวลา 6.00 น. พอดี มีเจ้าหน้าที่
จากศูนย์อนุรักษ์ช้างมารอต้อนรับอยู่แล้ว ซึ่งจากสถานีรถไฟไปถึงศูนย์ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมง
เมื่อเราเดินทางมาถึงศูนย์ฯ เจ้าหน้าที่ก็แจกเอกสาร และชุดสำหรับใช้ฝึกช้าง ซึ่งการเรียนรู้นี้จะ
มีอยู่ 3 หลักสูตร คือ ระดับเบื้องต้น 15 วัน ระดับก้าวหน้า 1 เดือน และระดับมืออาชีพ 3 เดือน
การฝึกช้างนี้เราจะได้รับความรู้ในการดูแลช้าง การรักษาสุขภาพช้าง โดยผู้เข้าร่วมฝึกจะได้อยู่กับ
ช้างอย่างใกล้ชิด และอยู่ในบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติที่แท้จริง
ความรู้สึกครั้งแรกที่ได้พบช้างในศูนย์แห่งนี้ เห็นได้ว่าช้างทุกตัวมีความสุข และสนุกสนานกับกิจกรรมต่างๆ
ที่ทางศูนย์ฯจัดไว้ มีทั้งการแสดงต่างๆ และพานักท่องเที่ยวชมป่า
เจ้าหน้าที่ได้อธิบายให้พวกเราได้รู้ว่า ก่อนที่เราจะขึ้นนั่งช้าง เราจะต้องทักทายทำความรู้จักกับ
ช้างตัวนั้นก่อน หรือถ้าจะให้ดีก็ควรมีอ้อยหรือกล้วยติดไม้ติดมือไปให้ช้างด้วย ซึ่งเป็นการทำให้ช้าง
รู้สึกดีและคุ้นเคยกับกลิ่นของคนที่มักจะมีอาหารให้เขาเสมอเมื่อพบกัน สายตาของช้างมีการมองเห็นที่
ไม่ค่อยดีนัก แต่สิ่งที่ทำให้ควาญช้างอยู่กับเขาได้และเขาก็จงรักภักดีกับคนคนนั้นได้เพราะกลิ่นที่คุ้นจมูก
นั่นเอง
สิ่งที่ควรระวังเมื่ออยู่ใกล้ช้างก็คือ ไม่ยืนอยู่ด้านหลังช้าง หรือใกล้ขาหลังของช้าง เพราะขาหลัง
ทั้งสองข้างจะไวต่อความรู้สึก และช้างจะมีสัญชาตญาณของการป้องกันภัยให้ตัวเองสูง ถ้าเขายัง
ไม่คุ้นกลิ่นคุณแล้วเขาอาจจะทำร้ายคุณได้ ทางที่ดีควรยืนอยู่บริเวณด้านหน้า หรือด้านข้างบริเวณใกล้ๆ
กับใบหูของช้าง อันดับแรกก่อนที่จะขึ้นหลังช้าง คุณควรสำรวจตัวเองก่อนว่าใส่เสื้อผ้าที่สะดวก
และสบายตัวที่สุดแล้วหรือยัง กางเกงที่เหมาะกับการขึ้นไปนั่งบนคอช้างนั้น ควรใส่กางเกงขายาว
เพื่อป้องกันขนช้างที่จะทำให้ผิวคุณคัน แต่ไม่ควรใช้กางเกงยีนส์ สำหรับรองเท้าควรเป็นรองเท้ารัดส้น
จะทำให้ไม่ลื่น และทำให้เท้าคุณเกาะขาช้างได้ดี
ก่อนที่จะเริ่มต้นเดินทางคุณควรไปยืนอยู่บริเวณทางเท้าด้านขวาของช้าง แล้วใช้มือขวาของคุณจับบนขอบ
ในหูช้าง ใช้เท้าขวาสะกิดหรือแตะเบาๆตรงขาขวาของช้างพร้อมกับให้คำสั่งว่า "ส่งสูง" ช้างก็จะ
ยกขาขึ้น แล้วคุณต้องขึ้นไปยืนบนขาที่เขายกขึ้นแล้วสปริงตัวใช้ขาข้างซ้ายของคุณพาดไปด้านตรงข้าม
แล้วขึ้นไปนั่งบนคอช้าง
หลังจากที่คุ้นเคยกับช้างกันแล้ว ก็เตรียมตัวขี่ช้างท่องไพรกันได้ โดยเริ่มต้นจากศูนย์ฯ เดินไปตาม
เส้นทางที่เขาจัดไว้ ในบริเวณป่าที่อุดมสมบูรณ์เจ้าช้างน้อยเดินอย่างเชื่องช้า และชอบแวะกินหญ้า
ตามทางอย่างสบายอารมณ์ บางจังหวะก็หยุดร้องทักทายกัน หรือไม่ก็ใช้งวงแหย่กันเป็นระยะ สร้างความ
สนุกสนานให้กับพวกเรา บางตัวไม่ถูกกันก็ใช้งวงดันหลังกันซึ่งควาญช้างก็จะต้องแยกให้ห่างออกไป
พวกเขาและพวกเรามีความสุขกับธรรมชาติรอบด้าน ซึ่งผิดกับช้างที่เราได้เห็นในกรุงเทพ ฯ
ความงดงามของธรรมชาติในป่าผืนนี้อุดมสมบูรณ์อย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นป่า หรือแม้แต่อากาศที่แสนสบาย
ทำให้รื่นรมย์กับการท่องไพรกันทั้งคนและช้าง เส้นทางบางจุดเป็นเนินที่สูงชัน ช้างจะค่อยๆ ใช้งวงช่วย
ในการพยุงตัว พร้อมกับระมัดระวังในการย่างก้าวอย่างดี เพราะฉะนั้นเราไม่ต้องกังวลและค่ำคืนนี้
เราจะพักแรมกันกลางป่า ซึ่งทางเจ้าหน้าที่เขาได้จัดเตรียมอุปกรณ์และกางเต็นท์ให้พวกเราเรียบร้อย
แล้ว แถมทำห้องน้ำให้อย่างมิดชิดอากาศยามพลบค่ำช่างหนาวเย็นจริงๆ ควาญช้างพาช้างออกไป
ผูกห่างจากที่พักไม่ไกลนัก เพื่อที่พวกเขาจะสามารถดูแลได้อย่างใกล้ชิดก่อนทานอาหารค่ำ พวกเรามา
นั่งถกเถียงและเล่าประสบการณ์ของแต่ละคน เพื่อนำมาสรุปกันว่าการขี่ช้างท่องไพรของพวกเรา
ในครั้งนี้เป็นอย่างไรกันบ้าง ซึ่งข้อสรุปส่วนใหญ่เห็นว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีเยี่ยม และน่าสนับสนุน
เพื่อให้ช้างทุกตัวมีงานทำ ไม่ต้องจากถิ่นที่อยู่ไปลำบากในต่างถิ่น
อาหารเย็น เจ้าหน้าที่ทำกันอย่างง่ายๆ โดยใช้ไม้ไผ่มาตัดเป็นท่อนเป็นที่หุงข้าว ส่วนกับข้าวที่เตรียมมา
ก็มีพร้อม อิ่มหนำสำราญกันอย่างเต็มที่ในค่ำคืนนั้น เต็นท์น้อยๆ กางอยู่ติดๆ กัน ใช้เป็นที่พักพิงท่ามกลาง
ป่าที่สงบเงียบ ไร้มลพิษ มีแต่เสียงหรีดหริ่งเรไรขับกล่อมให้นอนหลับฝันดี
ตื่นเช้าขึ้นมา ควาญช้างแนะนำให้พวกเรานำกล้วยไปให้กับช้างที่เราขี่มาเมื่อวานนี้ เพื่อสร้างสัมพันธ์ที่ดี
ให้เกิดขึ้น หลังจากนั้นก็เก็บสัมภาระ พร้อมขยะให้เกลี้ยง อย่าทิ้งให้รกป่า ควรมีสำนึกที่ดี
ต่อธรรมชาติที่งดงามให้คงอยู่อย่างบริสุทธิ์เช่นนี้ตลอดไป ช้างทุกตัวยังคงอารมณ์ดี ยืนส่ายงวงไปมา
อย่างมีความสุข ทำให้พวกเรารู้สึกชุ่มชื่นไปด้วย
และแล้วพวกเราก็ออกจากป่ามาด้วยความรู้สึกที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข และหอบประสบการณ์ที่หายาก
กลับมาบ้านเพื่อเล่าให้ผู้อื่นได้รับรู้ และได้ทำเช่นนี้กันบ้าง แล้วคุณจะรู้ว่าช้างเหล่านี้เขาก็มีความรู้สึก
รัก โกรธ เหงา เศร้า สนุก เหมือนกันคนเรานั่นแหละ หรือถ้าสนใจจะพักโฮมสเตย์ที่มีอยู่ในศูนย์ ฯ
แห่งนี้ก็ได้ โดยนักท่องเที่ยวที่สนใจจะมีโอกาสได้พักอยู่บ้านหลังเดียวกับควาญช้าง ใช้ชีวิตความเป็นอยู่แบบ
ควาญช้าง และมีกิจกรรมต่างๆ เช่น ในตอนเช้าเข้าป่าเพื่อไปรับช้างออกมา ฝึกขี่ช้างขั้นพื้นฐาน ฝึกใช้
คำสั่งกับช้าง ตลอดจนพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับผู้ที่คลุกคลีอยู่กับช้าง
ช่วงเย็นก็จะนำช้างไปผูกไว้ที่ป่าเหมือนเดิม แล้วกลับมาทำอาหารพื้นเมืองทานแบบขันโตก ฟังดนตรีสะล้อ
ซอซึงที่บรรเลงโดยควาญช้าง ก็นับว่าเป็นอีกประสบการณ์หนึ่งที่น่าสนใจ นอกจากนี้บริเวณพื้นที่โดยรอบ
ศูนย์อนุรักษ์ ฯ จำนวนกว่า 16,000 ไร่ จัดสร้างเป็นสวนป่าเศรษฐกิจและสถานที่พักผ่อนทางธรรมชาติ
ประกอบด้วย สวนรวมพรรณไม้นานาพันธุ์ ศูนย์ศึกษาธรรมชาติ สวนรุกขชาติ ฯลฯ และยังมีโครงการพ่อ
แม่บุญธรรมช้าง โดยที่ผู้มีความประสงค์จะอุปการะช้าง สามารถอุปการะได้ 2 ระยะ คือ ตั้งแต่ลูกช้าง
เกิดจนถึงอายุ 4 ปี และอายุ 4 ปีขึ้นไป โดยองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้จะรับผิดชอบในการเลี้ยงดูและ
สงวนสิทธิ์ที่จะนำไปฝึกสอน และดำเนินการตามความเหมาะสม
เรามาร่วมมือกันคืนช้างสู่ธรรมชาติกันเถิด โดยสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์อนุรักษ์
ช้างไทย อยู่ระหว่างหลักกิโลเมตรที่ 28-29 ถนนลำปาง-เชียงใหม่ ตำบลเวียงตาล อำเภอห้างฉัตร
จังหวัดลำปาง 52190 โทร. (054) 227-623, (054) 229-042 (054) 228-108 โทรสาร
(054) 231-150
E-mail:elephant@fio.or.th หรือ E-mail:Mahout@chaiyo.com
เรื่องโดย : ยีราฟ
ภาพโดย : -
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน กุมภาพันธ์ ปี 2545
คอลัมน์ Online : บทความ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/51269