บทความ
ไทยแลนด์ แกรนด์ ทัวริง คาร์ แชมเพียนชิพ 2001 สนามที่ 5
การแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ ทีจีทีซี มาถึงสนามสุดท้ายแล้ว แต่ความดุเดือดไม่ได้ลดลงไป แม้บางรุ่นจะรู้
ตำแหน่งแชมพ์ประจำปีแล้ว แต่นักแข่งทุกคนต่างแสดงสปิริทอย่างแรงกล้าที่จะเข้าแข่งขัน เพื่อชิงอันดับ
หนึ่ง ของการแข่งขันในสนามสุดท้าย
สนามนี้มีรถสมัครเข้าแข่งมากเป็นประวัติการณ์โดยเฉพาะกรุพ เอน พลัส คลาสส์ บี และซี มีรถเข้า
ร่วมแข่งขันถึง 30 คัน เท่ากับตำแหน่งกริดสตาร์ทของสนามพีระ ฯ พัทยา พอดี
ช่วงเช้าวันอาทิตย์ท้องฟ้าแจ่มใสอากาศเย็นกำลังดี แต่ในแทรคของสนามพีระ ฯ กลับเดือดระอุด้วยรถ
แข่ง คลาสส์ จีที แม้มีรถเข้าร่วมแข่งขันเพียง 6 คัน แต่นักแข่งแต่ละคนล้วนแต่มีฝีมือระดับพระกาฬทั้งสิ้น
ไม่ว่าจะเป็น สุทธิพงศ์ สมิตชาติ/ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม/จักรทอง นาวาศุภพานิช ซึ่งคืนสู่สังเวียนด้วย
มาซดา อาร์เอกซ์ 7 สุรกิจ กุลกำธร ผู้จัดการทีม โพรไดร์ว ลงมาควบ บีเอม ฯ ซีรีส์ 3 พร้อม
ณัฐพงศ์ ห่อทองคำ และสุดท้ายคือ กีระเกียรติ เย็นมะโนช ซึ่งสามารถคว้าตำแหน่งสตาร์ทหัวแถวมา
ครองอีกครั้ง
เมื่อเริ่มการแข่งขัน รถแข่งทุกคันต่างช่วงชิงอันดับหนึ่ง ณัฐพงศ์ เร่งออกนำสุดกำลัง ตามมาด้วย
กีระเกียรติ เซอร์ไพร์สสุดๆ ด้วย จักรทอง สนามนี้แสดงฝีมือได้อย่างยอดเยี่ยม ณัฐพงศ์ นำการแข่งขัน
ได้ไม่นาน รถของเขาต้องจอดชิดข้างทางพร้อมกับควันกลุ่มใหญ่ที่พวยพุ่งขึ้นจากฝากระโปรงหน้าอย่างน่า
กลัว ต้องออกจากการแข่งขัน และการแข่งขันยังคงความเข้มข้นมากขึ้นเมื่อ จักรทอง ขึ้นมานำ พร้อม
ได้จังหวะ กีระเกียรติ เบียดแซงขึ้นเป็นอันดับที่สอง จนในรอบที่ 4 เกิดการกระแทกกันระหว่าง
สุทธิพงศ์ และกีระเกียรติ ทำให้รถของ กีระเกียรติ ถึงกับหมุนขวางแทรคที่โค้งขึ้นเขา และออกจากการ
แข่งขันไป
ชนม์สวัสดิ์ ฉวยโอกาสเสียบขึ้นมาเป็นอันดับที่สองขณะที่ สุทธิพงศ์ ที่เสียจังหวะจากการชนกับ กีระเกียรติ
ตกลงไปอันดับที่สาม รถของ จักรทอง เริ่มมีควันขาวพวยพุ่งออกมา ช่วงนี้รถของ สุรกิจ มีปัญหาต้องออก
จากการแข่งขัน ชมน์สวัสดิ์ เร่งขึ้นมาคว้าอันดับหัวแถว ขณะที่รถของ จักรทอง ออกอาการหนักขึ้น
และต้องออกจากการแข่งขัน คราวนี้เหลือรถอยู่เพียงสองคัน แต่นับว่าเป็นช่วงเวลาที่มัน
สุดขีด ด้วยฝีมือการขับระดับพระกาฬของทั้งสองที่ไม่กลัวเกรงศักดิ์ศรีซึ่งกันและกัน แม้ เอมอาร์ 2 ของ
สุทธิพงศ์ จะเสียหายจากการกระแทก แต่ก็สามารถแสดงความสามารถไล่จิกตาม จีทีโอ จนสามารถขึ้น
หน้า ชมน์สวัสดิ์ ได้เพียงไม่กี่รอบก่อนการแข่งขันจะสิ้นสุด ด้วยสถิติทำเวลาต่อรอบดีที่สุด 01:08.174
นาที
ในช่วงก่อนเที่ยงมีรายการเรียกน้ำย่อยด้วยการแข่งขัน เอม คอนเซพท์ คาร์ ซึ่งมีรถเข้าร่วมการแข่งขัน
เจ็ดคัน โดยมี คังคูเนน นักแข่งต่างชาติเป็นผู้คว้าหัวแถวในกริดสตาร์ทได้ และสามารถนำรถออกนำ
โดยมี วรวุฒิ ภิรมย์ภักดี และวิชพงษ์ มโนมัธย์ ที่ขับเคี่ยวกันอย่างเมามันจนสามารถเรียกเสียงเชียร์จาก
คนดูได้ตลอดการแข่งขัน จนรอบสุดท้ายของการแข่งขัน คังคูเนน คว้าธงตาหมากรุกเป็นคนแรก ตามมา
ด้วย วิชพงษ์ มโนมัธย์ และอีกหนึ่งของทายาทฟองเบียร์ วรวุฒิ ภิรมย์ภักดี
ความมันได้เริ่มขึ้นอีกครั้งด้วยการแข่งขันรถยนต์กรุพ เอน พลัส ซึ่งคราวนี้มีรถแข่ง คลาสส์ บี 13 คัน
และ คลาสส์ ซี 17 คัน แต่รถมีเข้าร่วมการแข่งขันได้ 29 คัน
ทันทีที่สัญญาณไฟดับลง ธนกฤช ออกนำตามด้วย ไพฑูรย์ และอภิชัย นักแข่งใน คลาสส์ ซี คนเดียวใน
กลุ่มนำ ไม่นานนัก อภิชัย ทนแรงกดดันไม่ไหวตกลงไปอันดับที่ 4 ขณะที่ ชยุส เสียบขึ้นมาแทน ไพฑูรย์
ต้องออกจากการแข่งขันไปในรอบที่ 15 ตำแหน่งของ อภิชัย จึงเลื่อนขึ้นมาโดยอัตโนมัติ การขับเคี่ยว
เป็นไปอย่างสนุกสนานผู้ชมมีลุ้นตลอดทุกรอบของการแข่งขัน
การแข่งขันดำเนินไปถึงรอบที่ 24 อภิชัย สามารถช่วงชิงตำแหน่งอันดับที่สองโดยเบียด ชยุส ลงไป
อันดับที่สาม จนรอบสุดท้าย ธนกฤช รับธงตาหมากรุกเป็นคันแรก ตามด้วย อภิชัย และชยุส การแข่งขัน
สิ้นสุดลงด้วยรถที่ผ่านเส้นชัยเพียง 19 คัน
ช่วงสุดท้ายกับการบุกเบิกวงการมอเตอร์สปอร์ทด้วยการแข่งขันรุ่น สปอร์ทแกรนด์แชมเพียน ซึ่งจะแบ่ง
การแข่งขันออกเป็นสองฮีท โดยฮีทแรกมีการแข่งขัน 10 รอบ จากนั้นจะเปิดโอกาสให้นำรถแข่งเข้าพิท
เพื่อเติมน้ำมัน และปรับแต่ง ซ่อมแซม โดยมีเวลาเพียง 15 นาที แล้วแข่งต่ออีก 20 รอบ ในฮีทที่สอง
ในสองแถวแรกบนกริดสตาร์ทเป็นของทีมสิงห์/คาลเทกซ์ ทีมเอ และทีมบี นักแข่งตระกูล ภิรมย์ภักดี มี
สันต์ และธนะวุฒิ ตามลำดับ ต่อด้วย อาภาธร กรรณสูต และชญานิน เทพาคำ นักแข่งอารมณ์ดีจากทีม
สิงห์/คาลเทกซ์ ทีมบี เมื่อได้รับสัญญาณเริ่มการแข่งขันรถจากทีมสิงห์/คาลเทกซ์ ทั้ง 4 คันวิ่งนำทิ้งกลุ่ม
หลังโดย สันต์ นำเป็นอันดับหนึ่งตามมาด้วย อาภาธร ธนะวุฒิ และชญานิน จนรอบสุดท้าย ชญานิน แซง
เบียด ธนะวุฒิ ตกลงเป็นอันดับที่สี่ จากนั้นไม่มีการเปลี่ยนตำแหน่งจนทุกคันผ่านเส้นชัยเพื่อเข้าเซอร์วิศ
ก่อนการแข่งขันในฮีทต่อไป
ฮีทที่ต่อมาเหลือรถเข้าร่วมการแข่งขันเพียงสิบคันจากสิบสี่คันในฮีทแรก ในแถวสตาร์ทสองแถวแรกยังเป็น
ของทีมสิงห์/คาลเทกซ์ ทีมเอ และบี ขณะที่การแข่งขันกำลังจะเริ่มขึ้นมีรายงานเข้ามาว่ามีคราบน้ำมันบน
ผิวแทรค ทีมเซฟที ต้องลงไปช่วยกันโรยปูนบนแทรค
ฮีทที่สองเริ่มขึ้นโดย สันต์ สามารถรักษาอันดับหนึ่งได้อย่างเหนียวแน่น ชญานิน ต้องออกจากการแข่งขัน
ในรอบแรก ส่วน อาภาธร และธนะวุฒิ ออกจากการแข่งขันไปในรอบที่ 13 ผู้ที่ขึ้นมารั้งอันดับที่สองคือ
วุฒิกร ทีม อาร์พีเอม และอันดับที่สามคือ ขจรศักดิ์ จากทีมบีวา/สหเม้งจูเนียร์เรซซิงทีม และผู้ที่ได้รับ
ตำแหน่งแชมพ์ประเทศไทยในรุ่นนี้คือ ธนะวุฒิ ภิรมย์ภักดี และอันดับหนึ่งประเภททีมคือทีมแข่ง สิงห์/
คาลเทกซ์ ทีมเอ
คาดว่าในปีหน้าการแข่งขันจะดุเดือดมากกว่านี้เพราะได้ข่าวว่ายังมีหลายทีมที่อยากเข้าร่วมการแข่งขัน
ประเภท จีที ส่วนกรุพ เอน พลัส นั้นน่าจะมีแนวโน้มที่ดีจากยอดรถแข่งในสนามสุดท้าย ส่วน จีซี ก็ได้รับ
ความสนใจไม่น้อยจากความสนุกสนานในการแข่งขัน และสำหรับปีหน้าทางผู้จัดมีแนวโน้มว่าจะจัดการ
แข่งขันในสนามเฉพาะกิจอีกสองสนาม ถ้าสนใจคอยติดตามข่าวคราวกันให้ดี รับประกันความมันโดย
เอม เรซซิง โพรเจค
เรื่องโดย : อกนิษฐ์ ทัพภะสุต
ภาพโดย : -
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน มกราคม ปี 2545
คอลัมน์ Online : บทความ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/51258