โค้งอันตราย
คอร์รัพชัน
สุขสบายรับลมหนาว และฝนดาวตกกันดีอยู่นะครับ ตลาดรถยนต์ก็ยังคงมีรถใหม่ป้ายแดง ออกมาวิ่งกันให้
ติดเป็นตังเมเป็นปกติ แถมแคมเปญ รวมพลังหาร 2 ออกมาให้ได้เมาท์กันสนุกสนาน แต่คนขายรถเขาก็
ยังคงลด แจก แถม เพื่อให้ขายรถได้จนเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว เดี๋ยวนี้ยี่ห้อไหนไม่มีของแถม รู้สึกจะ
เชยๆ ไปหน่อยนะครับ
มาเข้าเรื่องเมาท์ของเรากันดีกว่า
สพช. ที่ย่อมาจากสำนักงานคณะกรรมการนโยบายแห่งชาติ มอบหมายให้พระจอมเกล้าธนบุรี ทำการ
ทดสอบสมรรถนะของเครื่องยนต์ ที่มีความต้องการเบนซินออคเทน 91 แต่คนใช้กลับไปเติมออคเทน 95
สรุปได้ว่า ไม่มีความแตกต่างกัน ทั้งด้านกำลังของเครื่องยนต์ ความสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง และ
กระบวนการเผาไหม้ในกระบอกสูบ
โดยก่อนทำการทดสอบ ได้นำน้ำมันเบนซินส่งไปวิเคราะห์ที่ห้องวิเคราะห์หลายแห่ง ปรากฏว่า เบนซิน
ออคเทน 91 วิเคราะห์ได้ค่าออคเทนเฉลี่ย 92.1 ส่วนเบนซินออคเทน 95 วิเคราะห์ได้ค่าเฉลี่ย
95.4 และทำการทดสอบกับเครื่องของ โตโยตา โคโรลลา 1.6 แอล และเครื่องของ ฮอนดา ซีวิค
1.8 แอล ที่นี่ก็ขอยืนยันด้วยคนนะครับ ว่ารถที่มีความต้องการเบนซิน 91 น่ะ เติมแค่ 91 ก็พอ ส่วน 95
ถึงจะเติมไปก็ไม่ช่วยให้มันแรงขึ้นแต่อย่างใด นอกจากความรู้สึกว่ามันแรง แค่นั้นเอง ส่วนจะสิ้นเปลือง
เงินในกระเป๋าของเจ้าของรถน่ะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
พวกกระผมใช้รถที่ต้องการออคเทน 95 ยังยอมเติมแค่น้ำมันออคเทน 91 เลยครับ ถูกกว่ากันตั้งบาทแน่ะ
เติมทีละสามสิบลิตร ก็เก็บเงินตกได้สามสิบบาทแล้ว แถมยังเมียงมองหาปั๊มเปรียบเทียบราคากันแต่ละ
ยี่ห้อด้วย ว่าใครจะถูกกว่ากัน แล้วหมาตายเอาไว้ หนหน้าผ่านมาก็เลี้ยวเข้าไปเติมทันที
เงินอยู่ในกระเป๋าใครกระเป๋ามันนะครับ
เรื่องถัดไป ก็เป็นเรื่องที่พูดกันมาตั้งแต่เกล้ากระผมยังแก้ผ้าวิ่งเล่น ขี้มูกไหล อยู่เลย คือเรื่องการขุด
คลองกระ หรือภาษาชาวบ้านก็เรียก คอคอดกระ ที่มีคนสนใจจะมาศึกษาความเป็นไปได้ แถมออกสตางค์ให้
อีกต่างหาก
กระทรวงคมนาคม ก็เลยเสนอตั้งคณะกรรมการแห่งชาติ เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการขุดคลอง
กระ มีรองนายกเป็นประธานและกรรมการทั้งสิ้น 47 ท่าน เพื่อพิจารณาขอบเขตการศึกษาความเป็นไป
ได้ขั้นสมบูรณ์ในการขุดคลองกระ
ขอยกสองมือเชียร์เลยครับ ในเมื่อเราไม่ต้องออกสตางค์สักบาท แต่มีคนจะมาขอขุด แถมค่าสัมปทาน
ให้หลวง จะมากน้อยเท่าไรก็ต้องพิจารณากัน เพราะมันทุ่นค่าใช้จ่ายของการเดินเรือ แถมย่นระยะเวลา
อีกเป็นอาทิตย์ ใครๆ ก็อยากใช้บริการทั้งนั้นแหละ ทำในรัฐบาลนี้ไม่ทัน ก็ตั้งเป็นโครงการระยะยาวเอา
ไว้เลย ส่วนใครจะประท้วงเรื่องสิ่งแวดล้อม เรื่องทำลายธรรมชาติ ก็ต้องว่ากันเป็นรายๆ ไป อยู่ๆ มี
เงินเข้าประเทศมหาศาล แต่จะมานั่งคิดเรื่องจิ๊บจ๊อย มันเสียความรู้สึกนะครับ ใครจะประท้วงช่วยหัน
กลับไปดูมาตรวัดตลาดรถ ดูตรงยอดการขายรถเพื่อการพาณิชย์หน่อยนะครับ ว่าปีนี้มันขายดิบขายดี ชนิด
คนขายนั่งตบยุงกันจนหมดโชว์รูมไปแล้ว
พอเชลียร์เสร็จแล้วก็มาถึงเรื่องต่อมาเป็นเรื่องของ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่ง
ชาติ หรือ ปปช. ที่สนับสนุนการวิจัยเรื่อง "ดัชนีชี้วัดคอร์รัพชันไทย: การสร้างและการตรวจสอบความ
เชื่อถือได้" โดยนักวิชาการจากจุฬา ฯ ข้อมูลกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ เป็นข้าราชการและพนักงานของรัฐทุก
ประเภทจาก 248 หน่วยงาน โดยมีกลุ่มตัวอย่างทั่วประเทศ 7,455 คน รวมทั้งข้อมูลประกอบการวิจัย
และผลการวิจัยจากต่างประเทศมารวบรวม
สิริรวมได้ความว่า ประเทศที่มีโอกาสการคอร์รัพชัน เรียงตามอันดับคะแนน มี อินโดนีเซีย ค่าคะแนน
ความเสี่ยง 8.50 คะแนน ถัดมา เวียดนาม 8.13 คะแนน ที่สาม จีน 7.78 คะแนน ที่สี่ อินเดีย
7.73 คะแนน ที่ห้า ไทย 7.16 คะแนน ที่หก ฟิลิปปินส์ 6.79 คะแนน ที่เจ็ด เกาหลีใต้ 6.44 คะแนน
ที่แปด มาเลเซีย 5.66 คะแนน ที่เก้า ไต้หวัน 5.56 คะแนน ที่สิบ ญี่ปุ่น 3.56 คะแนน ที่สิบเอ็ด
ฮ่องกง 3.08 คะแนน และที่สิบสอง สิงคโปร์ 1.26 คะแนน จากคะแนนเต็ม 10 และกล่าวโดยสรุป
แนวโน้มการคอร์รัพชันในเอเชีย มีอัตราการเพิ่มของปัญหาประมาณ ร้อยละ 4.41 ต่อปี และเมื่อ
วิเคราะห์เฉพาะของประเทศไทย มีปัญหาการคอร์รัพชันแนวโน้มเพิ่มสูงของปัญหา เท่ากับ 3.9 % โดยมี
ปัจจัยที่สนับสนุน ดังนี้
การผูกขาดอำนาจ การรวมศูนย์ของการรับผิดชอบงาน โดยไม่มีหน่วยงานอื่นเข้าไปเกี่ยวข้อง การไม่มี
กฎเกณฑ์ในการใช้ดุลยพินิจ มีกฎระเบียบยุ่งยากซับซ้อน ประชาชนไม่เข้าใจกฎเกณฑ์ ไม่มีการทำงาน
เป็นทีม ไม่มีการกำหนดบทบาทที่ชัดเจน ส่วนปัจจัยที่ต้านทานประกอบด้วย มีช่องทางการตรวจสอบ
มีรายงานการทำความผิด มีกระบวนการตรวจสอบ ระบุผู้รับผิดชอบชัดเจน มีความโปร่งใสในการให้คุณ
ให้โทษ โครงสร้างงานโปร่งใส การให้ค่าตอบแทนที่โปร่งใส การมีส่วนร่วมของประชาชน ระดับ
ตำแหน่งหน้าที่ของราชการ และ โอกาสของการที่จะถูกจับได้ฟังดูคุ้นๆ ทั้งปัจจัยที่สนับสนุน และปัจจัยที่
ต้านทานนะครับ อยู่ที่ว่า จะมีผู้หลักผู้ใหญ่คนไหนสนใจกันมั่งหรือเปล่า เพราะเรื่องที่วิจัยนี่ สัมภาษณ์เอา
มาจากคนทำงานจริงๆ คนที่อยู่กับปัญหาจริงๆ โดยไม่จำเป็นต้องออกหน้าออกตา
แต่สงสัยผลวิจัยนี่คงจะลอยตามลมนะครับ ยังไงก็ได้ทำการวิจัยแล้วละน่า ใครจะกล้ามายกมือบอกกัน
ว่า ผมคอร์รัพชันนะ ขนาดถูกตัดสินให้เสียค่าปรับเพราะทำผิดกฎเกณฑ์ ยังบอกว่าตัวเองไม่ผิดอีก
ขนาดตั้งทีมไล่ล่า มีผู้คนเกี่ยวข้องร่วมพัน เพื่อจับผู้ต้องหาเพียงคนเดียวที่ถูกกล่าวหาว่า ฆ่าตำรวจ
ตาย ยังตามหากันไม่เจอเลย เปลี่ยนตัวอธิบดีดีไหมเอ่ย
เรื่องโดย : มือบ๊วย
ภาพโดย : -
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน มกราคม ปี 2545
คอลัมน์ Online : โค้งอันตราย
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/51244