มาตรการลดอุบัติเหตุ...มือถือ...จัดระเบียบจราจร

ช่วงเดือนปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสเข้าร่วมสัมมนาเรื่อง "มาตรการในการลดอุบัติเหตุบนท้องถนน" จัดขึ้นโดย คณะกรรมการป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติ เพื่อรวมความคิดของคนหลายๆ กลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นภาคเอกชน สื่อมวลชน และประชาชนทั่วไป ช่วยกันหาแนวทางลดอุบัติเหตุที่นับวันจะทวีคูณมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลที่มีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน จากสถิติคดีอุบัติเหตุเฉพาะในพื้นที่ กทม. ปี 2543 อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่มาจากการขับรถเร็วเกินกม. กำหนด จำนวน 7,826 ราย รองลงมาคือ ตัดหน้าระยะกระชั้นชิด 5,686 ราย แซงรถอย่างผิดกฎหมาย 4,381 ราย ตามรถคันหน้ากระชั้นชิด 3,400 ราย แต่อุบัติเหตุที่เกิดจากเมาสุรามีอยู่แค่ 781 ราย ซึ่งต่ำกว่าการขับรถเร็วอยู่เกือบ 10 เท่า ผมคิดว่าการรณรงค์ "เมาไม่ขับ" ก็ยังคงต้องทำอยู่ แต่ทุกฝ่ายคงต้องให้ความสำคัญกับการขับรถที่ผิดกฎจราจรด้านต่างๆ ให้มากขึ้นกว่าที่จะให้ความสำคัญแค่เรื่องเมาสุราขับรถ เพื่อลดจำนวนอุบัติเหตุลง ส่วนการใช้โทรศัพท์มือถือระหว่างขับรถนั้นถือว่าเป็นเรื่องไม่ควรอย่างยิ่ง แต่การใช้อุปกรณ์เสริมหรือ "แฮนด์ฟรี" นั้น ผมคิดว่าควรจะเปิดเป็นทางออกไว้ สำหรับผู้ที่มีความจำเป็นต้องติดต่อสื่อสาร (แต่ต้องใช้เวลาให้สั้นที่สุด พูดแต่สิ่งที่จำเป็นเท่านั้น) การจอดรถข้างทางเพื่อคุยโทรศัพท์ในกทม. นั้น คงจะทำได้ยากเพราะแค่รถที่วิ่งก็ใช้เต็มพื้นที่ถนนแล้ว (ปัจจุบันรถยนต์มีอยู่ 1 ล้านกว่าคัน ส่วนจักรยานยนต์มี 2 ล้านกว่าคัน) ซึ่ง "ฟอร์มูลา" ฉบับนี้ได้ไปสอบถามความคิดเห็นของบุคคลอาชีพต่างๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ ติดตามรายละเอียดได้ในเล่ม พูดถึงโครงการจัดระเบียบการจราจร นับว่าได้ผลดีทีเดียว ผู้ใช้รถทำผิดกฎจราจรน้อยลงไปมากอย่างเห็นได้ชัด ตั้งแต่ช่วง ธันวาคมถึงมีนาคม การฝ่าฝืนสัญญาณไฟแดง เจ้าหน้าที่ได้ว่ากล่าวตักเตือนไป 4,170 ราย ออกใบสั่ง 55,027 ราย ขับรถย้อนศร ตักเตือน 34,778 ราย ออกใบสั่ง 36,851 ราย ฯลฯ การจับกุมผู้กระทำผิดเป็นสิ่งที่ดี แต่ควรใช้วิจารณญาณประกอบให้มากๆ ในการพิจารณาว่าเขาตั้งใจกระทำผิดหรือไม่ มีบางรายจอดรถติดไฟแดงหลังเส้นขาว แต่รถไหลไปทับเส้นขาว ก็โดนจับพร้อมตัดคะแนนด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้อาจบั่นทอนความรู้สึกของผู้ที่ตั้งใจปฎิบัติตามกฎระเบียบ และจะมีคำครหาต่อมาว่าทางตำรวจที่ต้องจับมากๆ เพื่อทำยอดให้ตามเป้าที่ "ผู้ใหญ่" วางไว้ให้ เราในฐานะ "สื่อมวลชน" ยินดีให้ความร่วมมือในการให้ข่าวสารอย่างเต็มที่ ขอให้เจ้าหน้าที่ตั้งใจปฏิบัติงานอย่างถูกต้องต่อไป อย่าให้เป็น "ไฟไหม้ฟาง" เหมือนกับที่หลายๆ คนสบประมาทไว้