ประกันภัย
จัดระเบียบกรมธรรม์ประกันภัย
คำว่า "จัดระเบียบ" กำลังเป็นคำฮิทในยุคสมัยปัจจุบันนี้มากโดยมี ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยศาสตราจารย์ร้อยตำรวจเอก ดร.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ เป็นต้นฉบับในการนำคำว่าจัดระเบียบมาใช้อย่างจริงจังคือการจัดระเบียบสังคมโดยมุ่งหวังให้สังคมดีขึ้น ลดปัญหาสารพัด ทำให้บรรดา ไนต์คลับ บาร์ สถานบันเทิงทั้งหลาย ต้องเปิด-ปิดตามเวลา-สถานที่ ที่กำหนด เด็กวัยรุ่นต้องกลับบ้านก่อนสี่ทุ่ม ทำให้สังคมมีกรอบระเบียบวินัยมากยิ่งขึ้น
การจัดระเบียบสังคมย่อมมีผลกระทบกับผู้ที่เกี่ยวข้องพอสมควรโดยเฉพาะผู้ที่ต้องมาหากินกับผู้ที่เที่ยวเตร่ยามดึกดื่นค่อนคืน ก็ย่อมจะสูญเสียโอกาสทำรายได้ไปบ้าในด้านคนที่เคยเที่ยวเตร่สนุกสนานเกินเวลาทุกค่ำคืน ก็ต้องกลับบ้านเร็วขึ้นกว่าที่เคยในขณะเดียวกันสิ่งที่ได้ตามมาคือ สังคมมีความสงบสุขมากขึ้น ลดปัจจัยแห่งความเสี่ยงภัยและความเสียหายจากอุบัติเหตุในยามค่ำคืนจากการดื่มจนเมาแล้วมาขับรถ ปัญหายาเสพติด ปัญหาอาชญากรรม การทะเลาวิวาทและอีกหลายปัญหา เป็นที่พึงพอใจแก่บรรดาผู้ปกครอง และทุกคนในครอบครัวทำให้คุณภาพชีวิตและคุณภาพสังคมดีขึ้น มีความอบอุ่น ปลอดภัยและน่าอยู่มากขึ้น
เราได้พูดคุยกันเรื่องโครงการจัดระเบียบการจราจรในฉบับก่อนๆก็ต้องถือว่าเป็นโครงการที่ได้แนวคิดมาจากคำว่าจัดระเบียบสังคมของท่านอาจารย์ปุระชัย นั่นเอง และในฉบับนี้เราจะยืมเอาแนวคิดว่าการจัดระเบียบมาใช้กับการทำประกันภัยต่างๆแต่ไม่ได้มีการบังคับหรือมีกฎเกณฑ์อะไรเพียงแต่เป็นข้อแนะนำที่จะทำให้ท่านสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับตัวท่านเอง หน่วยงานกิจการได้บ้างเพื่อลดปัญหาความไม่มีระเบียบในการจัดทำประกัน ทำประกันซ้ำซ้อน ทำประกันไม่เหมาะสมทำประกันแล้วใช้ไม่เป็น หรือเวลาจะใช้หาเอกสารกรมธรรม์ไม่เจอ เป็นต้น
ในเบื้องต้นเลยเราต้องสำรวจข้อมูลทรัพย์สิน ความเสี่ยงภัย และปัจจัยที่ทำให้เกิดความเสี่ยง เช่นบ้านที่อยู่อาศัยคือทรัพย์สิน ความเสี่ยงภัยคือไฟไหม้ ฟ้าผ่า แกสระเบิด เครื่องใช้ไฟฟ้าลัดวงจร พายุ น้ำท่วมแผ่นดินไหว ยวดยานพาหนะชน อากาศยานตกใส่ ภัยจากการจลาจล นัดหยุดงาน ป่าเถื่อนเจตนาร้าย เป็นต้นปัจจัยที่ทำให้เกิดความเสี่ยงของแต่ละบ้านก็ต่างกันไป เช่น บ้านเดี่ยวทาวเฮาส์กับตึกแถวปัจจัยของตึกแถวย่อมมีมากกว่าบ้านเดี่ยวและทาวเฮาส์เพราะตึกแถวมักจะอยู่ในย่านที่ทำการค้า
มีการประกอบการค้าต่างกันไป มีสินค้าบางชนิดที่เก็บอยู่มีความเสี่ยงสูงกว่าบ้านที่เป็นที่อยู่อาศัยตามปกติตึกแถวมักอยู่ในติดริมถนนอาจถูกยวดยานพาหนะพุ่งชนได้ง่าย เป็นต้น
คำว่าปัจจัยเสี่ยง หมายถึง ปัจจัยที่เกิดจากภายในทรัพย์สินนั้น และปัจจัยที่เกิดจากภายนอกด้วย เช่นตัวอย่างตึกแถวข้างต้นไฟไหม้ ไฟฟ้าลัดวงจรอาจเกิดภายในตัวตึกแถวนั้นเอง หรือ เกิดจากตึกข้างเคียงก็ได้ปัจจัยเสี่ยงจะมีมากหรือน้อยก็ต้องแล้วแต่ว่าทำเลที่ตั้งสภาพแวดล้อมตลอดจนการดูแลรักษาของเจ้าของผู้ครอบครองใช้งานด้วย เช่นบ้านที่อยู่ใกล้โรงงานก็อาจจะเสี่ยงต่อภัยที่เกิดจากโรงงานด้วย เป็นต้นว่า ภัยระเบิดของสารเคมี ไฟไหม้โรงงานเกิดการจลาจลนัดหยุดงานประท้วงทำลายทรัพย์สิน หรือบ้านที่อยู่ใกล้สนามบินเส้นทางการบินย่อมเสี่ยงภัยอากาศยานตกใส่สูงกว่าบ้านโดยทั่วไป
คำว่าทรัพย์สิน คือทรัพย์สินทุกอย่างที่ทำประกันภัยได้ เช่น รถยนต์ บ้าน สำนักงาน โรงงาน สินค้าที่ยกตัวอย่างเป็นบ้าน ตึกแถวก็เพื่อให้เรามองภาพได้ชัดเจนและสามารถนำไปประยุกต์ได้มากขึ้นซึ่งถ้าเป็นรถยนต์ก็ใช้หลักการเดียวกัน ความเสี่ยงก็คือรถหาย ไฟไหม้ ชนคว่ำเสียหายปัจจัยความเสี่ยงอาจเป็นเรื่องของความนิยมของรถยี่ห้อรุ่นนั้น ลักษณะการใช้งาน สถานที่จอด สภาพการจราจรคุณสมบัติของผู้ใช้ เป็นต้น
ลำดับถัดไปคือนำข้อมูลที่สำรวจรวบรวมได้มาวิเคราะห์และประเมินผลเบื้องต้น เพื่อหาสาเหตุปัจจัย โอกาสเกิดภัยมูลค่าความเสียหายหากเกิดภัย มีวิธีการลดและป้องกันการเสี่ยงภัยอย่างไร เช่นรถยนต์ที่ใช้มีโอกาสหายมากน้อยเพียงใด จากปัจจัยใด มีวิธีการป้องกันใดบ้าง ต้องลงทุนเท่าใดผลที่คาดว่าจะได้คุ้มค่าเพียงใด การลดโอกาสการหายของรถเราอาจหาสถานที่จอดที่มีรั้วรอบขอบชิดมียามรักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง ติดตั้งอุปกรณ์กันขโมย เป็นต้น
ในด้านอื่นมีโอกาสจากปัจจัยเสี่ยงอย่างไรก็ต้องวิเคราห์ประเมินทีละด้าน เช่น การชน-คว่ำ ไฟไหม้การบาดเจ็บ ค่ารักษาพยาบาล ต่างๆ ทำการวิเคราะห์และประเมินทุกประเด็นเช่นเดียวกันควรหากรณีศึกษาของเพื่อนหรือญาติ ที่อยู่ในลักษณะใกล้เคียงกันมาเปรียบเทียบด้วย
ขั้นการวางแผนเป็นขั้นตอนสำคัญ หลังจากได้ข้อมูลและมีการวิเคราะห์ประเมินผลแล้วเราก็ต้องมาวางแผนในการจัดการว่า จะต้องปฏิบัติอย่างไรโดยวิธีใด ด้วยวัตถุประสงค์เป้าหมายใด ค่าใช้จ่ายเท่าใดควรจะกระทำเวลาใดจึงจะเหมาะสม ใครจะเป็นผู้ที่ให้คำปรึกษาแนะนำและช่วยเหลือได้ดีที่สุดในขั้นตอนนี้เราจะทำการวางแผนในทุกด้านรวมถึงการจัดทำประกันภัยด้วยซึ่งเราควรหาคำปรึกษาแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญหรือมืออาชีพในด้านนั้นๆจะทำให้เราสามารถบรรลุวัตถุประสงค์เป้าหมายได้เป็นอย่างดี
ยกตัวอย่างด้านการจัดทำประกันภัยก็ควรขอคำปรึกษาหารือจากตัวแทนนายหน้าที่ปรึกษามืออาชีพโดยเราสามารถทดสอบเบื้องต้น
โดยให้เขาวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้นให้เราดูและเปรียบกับเราวิเคราะห์ว่ามีความเหมือนและแตกต่างกันมากน้อยเพียงใดด้วยเหตุผลและวิธีการใดถ้าพิเคราะห์แล้วเห็นว่าน่าเชื่อถือเป็นมืออาชีพจริงก็บอกวัตถุประสงค์เป้าหมายพร้อมแผนการที่เราเตรียมไว้เพื่อให้เขาให้คำปรึกษาแนะนำและจัดทำประกันภัยให้เรา
การจัดทำกรมธรรม์ควรให้ครอบคลุมภัยตามที่เราได้สำรวจวิเคราะห์ มูลค่าความคุ้มครองต้องมีความเหมาะสมที่สำคัญคือจัดทำกับบริษัทประกันภัยที่มีความมั่นคงทางการเงินสูง มีมาตรฐานการบริการที่เชื่อถือเบี้ยประกันภัยเมื่อเปรียบเทียบกับบริษัทระดับเดียวกันความคุ้มครองใกล้เคียงกันแล้วไม่แพงกว่าไม่ควรซื้อประกันที่เบี้ยประกันถูกมากเกินไปจงตั้งข้อสันนิฐานไว้ก่อนว่าถ้าเบี้ยถูกมากเวลาจ่ายค่าสินไหมก็จะจ่ายถูกไปด้วยและความคุ้มครองและบริการที่ได้รับก็จะถูกไปด้วยเช่นกัน ทั้งนี้เพราะต้นทุนในการบริหารธุรกิจมันต่างกันไม่มากถ้าขายกรมธรรม์ที่มีเบี้ยถูกมากๆก็แสดงว่าบริษัทนั้นๆ ไม่ปกติหรือมีอะไรที่ผิดปกติ
อย่าลืมนะครับว่าข้อมูลและสิ่งที่เราวิเคราะห์ไว้ต้องนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์สูงสุดไม่ว่าจะเป็นความเสี่ยงภัย โอกาสมูลค่า เราสามารถประหยัดและใช้กรมธรรม์ได้อย่างคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป เช่น การกำหนดทุนประกันการจัดประเภทของประกัน การกำหนดเเบบประกัน ที่เหมาะสมเป็นต้น
การใช้กรมธรรม์ หลังจากได้กรมธรรม์มาแล้วหลายคนไม่ได้อ่านไม่ได้ตรวจสอบความถูกต้องถือเป็นข้อเสียอย่างร้ายแรงเพราะแม้เราจะได้ทำประกันไว้แล้วจ่ายเงินค่าเบี้ยไปแล้วเมื่อได้รับกรมธรรม์มาก็ยังถือเป็นหน้าที่สำคัญของผู้เอาประกันในการตรวจสอบความถูกต้องหากไม่ถูกต้องและไม่มีการแก้ไขเกิดความเสียหายขึ้นมาอาจไม่ได้รับความคุ้มครองก็เป็นได้สิ่งที่ต้องตรวจประการแรกคือชื่อที่อยู่ผู้เอาประกัน รายละเอียดทรัพย์สินที่เอาประกัน สถานที่ตั้งทรัพย์สินจำนวนเงินเอาประกัน เงื่อนไขความคุ้มครองเป็นไปตามที่ตกลงหรือไม่ถ้าไม่ถูกต้องต้องแจ้งให้บริษัทประกันแก้ไขทันที
การจัดเก็บกรมธรรม์ควรเก็บไว้ในที่ที่ปลอดภัยกรณีเป็นประกันบ้านหรือทรัพย์สินอื่นอย่าเก็บกรมธรรม์ตัวจริงไว้ในสถานที่เอาประกันควรเก็บไว้ที่อื่นกรณีเป็นรถก็เช่นเดียวกันอย่าเก็บกรมธรรม์ตัวจริงไว้ในรถควรเก็บไว้ที่บ้านหรือสำนักงานในรถควรมีเพียงเอกสารสำคัญที่ใช้ในการเกิดอุบัติเหตุ สติคเกอร์ พรบ. บัตรแจ้งอุบัติเหตุ และสำเนากรมธรรม์ก็พอเพราะเนื่องจากหากเก็บกรมธรรม์ตัวจริงไว้ในรถเกิดอุบัติเหตุรถเสียหายหนัก หรือไฟไหม้ หรือรถหายไปกรมธรรม์ประกันภัยซึ่งเป็นเอกสารสำคัญก็จะหายไปด้วยเราก็จะไม่มีหลักฐานในการแจ้งขอรับค่าสินไหมทดแทนเเละหากการเกิดเหตุครั้งนั้นรุนแรงถึงขั้นผู้ขับขี่เสียชีวิตหรือต้องนอนในห้องไอซียูของโรงพยาบาลไม่รู้เนื้อรู้ตัวทางบ้านญาติพี่น้องก็ไม่ทราบเรื่องกรมธรรม์ด้วย อย่างนี้ก็อาจจะเสียประโยชน์จากการทำประกันไปได้
ทั้งหมดเป็นเพียงตัวอย่างข้อแนะนำในการจัดระเบียบกรมธรรม์ประกันภัยเท่านั้นท่านผู้อ่านสามารถนำแนวคิดนี้ไปประยุกต์ใช้กับกรมธรรม์ทุกประเภทได้ รวมถึงในประเด็นอื่นๆที่ไม่ได้พูดถึงไว้ในที่นี้ด้วย
เรื่องโดย : กฤชกมล นิติธรรมโกศล
ภาพโดย : -
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน กันยายน ปี 2545
คอลัมน์ Online : ประกันภัย
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/51148