X
Driven
Driving Impression
Test Drive
Test Drive Data
New Cars
รถใหม่ในประเทศ
รถใหม่ต่างประเทศ
News
ข่าวรอบโลก
ข่าวสารยานยนต์
All Around
เครื่องเสียง/Gadgets
แต่งรถ
ดูแลรักษารถยนต์
สาระสะใจ
วาไรตี้ยานยนต์
สถิติยอดจำหน่ายรถยนต์
TV Programs
รายการ โลกรถยนต์
รายการ Carnatomy
รายการ พี่น้องลองรถ
รายการ เรื่องรถ…เรื่องง่าย
รายการ คุณลุงใจดี
About Autoinfo
About Us
Advertise With Us
Privacy Policy
Terms of use
Car Buyer's Guide
ติดตามเราได้ทาง
X
Popular search in Autoinfo
50,000+ contents and images from writers
#1
Deepal S07
Hilux Champ
BYD Seal
BYD
NETA
TATA
หัวชาร์จรถ EV
รถกระบะ
ยอดขายรถยนต์
ราคารถยนต์
รถ EV
เปิดตัวรถใหม่
วิธีไหว้แม่ย่านาง
ฤกษ์ออกรถใหม่
พ่วงแบทเตอรี
วิธีดูแลรักษารถยนต์
ต่อภาษีรถยนต์ออนไลน์
มาตรวัดตลาดรถ
26 Feb 2022
50:50 สู้ต่อไปนะพี่เสือ
เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์สะสม มกราคม-ธันวาคม 2021/2020
ตลาดโดยรวม -4.2 % รถยนต์นั่ง -8.4 % รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV) +3.3 % กระบะ 1 ตัน -3.9 % รถเพื่อการพาณิชย์ และรถประเภทอื่นๆ +9.5 % 30 ปีที่แล้ว ประเทศที่เป็นเสือเศรษฐกิจหน้าใหม่แห่งโลกตะวันออกอย่างไต้หวัน ต้องเผชิญหน้ากับสภาพเงินหายไปจากระบบ อันเป็นผลมาจากการย้ายฐานการผลิตของภาคอุตสาหกรรมที่ไต้หวันเคยแข็งแกร่ง เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า ชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ และอื่นๆ ไต้หวันเคยมีข้อได้เปรียบเรื่องแรงงาน ทำให้บรรดาธุรกิจต้นน้ำ ต่างไปลงทุนกันที่นั่น ต่อมาค่าแรงไต้หวันเริ่มสูงขึ้น และข้อได้เปรียบในฐานะแหล่งผลิตต้นทุนต่ำหายไป การที่มีประเทศใดประเทศหนึ่งฟุบลงไป ก็ย่อมมีอีกประเทศหนึ่งเฟื่องฟูขึ้น และประเทศที่เติบโตจากการพังพาบของไต้หวันก็ไม่ใช่ใครที่ไหน คือ พี่ไทยของเรานี่เอง ในฐานะเสือเศรษฐกิจตัวที่ 5 ของเอเชีย วันนี้ไทยเรามีสภาพไม่ต่างไปจากไต้หวันเมื่อ 30 ปีที่แล้ว เราอยู่ในสภาพ “เงินหายไปจากระบบ” แม้ปัจจัยที่ทำให้เม็ดเงินของไทยหายไปจากระบบนั้นเกิดจากโรคระบาด แต่ลึกๆ แล้วเศรษฐกิจ และผู้ประกอบการ ปิดตัวเลิกกิจการ และมีภาระหนี้ล้นตัว เราไม่แตกต่างจากไต้หวันในอดีต เพราะหลายปีก่อนอุตสาหกรรมสำคัญรวมถึงชิ้นส่วนยานยนต์ที่อาศัยค่าแรง 95 บาท/วัน ได้ย้ายก้นหนีค่าแรง 300 บาท ไปอยู่อินโดนีเซีย กัมพูชา และเวียดนาม กันเรียบร้อยแล้ว รายงานข่าวจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) ถึงทิศทางของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในระยะสั้นๆ คือ ช่วงปี 2565 โดยไทยตั้งเป้าผลิตรถยนต์จำนวน 1.8 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 6.78 % และมีเป้าผลิตรถจักรยานยนต์จำนวน 2 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 12.32 % ตัวเลขแม้จะเป็นการประมาณการแต่ยังพออุ่นใจได้บ้าง ในจำนวนนี้ แบ่งเป็นการผลิตเพื่อการส่งออกประมาณ 1 ล้านคัน หรือคิดเป็นสัดส่วน 55.56 % ของยอดการผลิตทั้งหมด ทั้งนี้ ปี 2564 มีการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศประมาณ 8 แสนคัน เท่ากับ 44.45 % ของยอดการผลิตทั้งหมด ในการผลิตเพื่อการส่งออก จำนวน 1 ล้านคัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่ผลิตได้ 956,530 คัน หรือเพิ่มขึ้นจำนวน 43,470 คัน หรือเพิ่มขึ้น 4.54 % ส่วนการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ ทำได้ 8 แสนคัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว เป็นจำนวน 70,825 คัน หรือคิดเป็นการเพิ่มขึ้น 9.71 %
สอท. มองว่า ภาคการผลิตยังกังวลเรื่องการระบาดของ COVID-19 ทั้งใน และต่างประเทศ ทำให้เศรษฐกิจของไทย และของประเทศคู่ค้ายังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ประกอบกับการผลิตรถยนต์ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ขาดชิ้นส่วน และเซมิคอนดัคเตอร์บางชิ้น ทำให้ต้องชะลอการผลิตบางรุ่นลงชั่วคราว ซึ่งผลกระทบเช่นนี้ เรายังคงเห็นรถบางรุ่นต้อง “ยืดอายุ” การเปลี่ยนโมเดลออกไป รวมถึงเลื่อนการแนะนำรถรุ่นใหม่ จนกว่าสถานการณ์โดยรวมจะดีขึ้น ดูเหมือนปี 2565 นี้ ภาคการผลิตยังมีแสงแห่งความหวังให้เห็น อย่างน้อยยอดประมาณการก็ยังเป็นไปในแดนบวก มาดูภาคการตลาด ที่เก็บข้อมูลจากปริมาณความต้องการในประเทศ โดย โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทยฯ (TMT) ระบุว่าตลาดรถยนต์รวมทุกชนิดในปี 2564 มียอดขายรวม 759,119 คัน ลดลง 4.2 % เมื่อเทียบกับปี 2563 โดยตลาดรถยนต์นั่ง มีการชะลอตัวมากสุด คือ มียอดจำหน่าย 251,800 คัน ลดลง 8.4 % รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) มียอดขาย 341,452 คัน ลดลงเป็นอันดับ 2 คิดเป็น 6.4 % ส่วนตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ที่สะท้อนความเป็นไปของเศรษฐกิจ มียอดขาย 507,319 คัน ลดลงเพียงเล็กน้อย คือ 1.9 % ซึ่งก็ยังถือว่าเป็นสัญญาณที่พอรับได้ การคาดการณ์ของ TOYOTA (โตโยตา) นั้นจากการที่ COVID-19 ยังไม่หายไปไหน และยังคงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย TOYOTA คาดการณ์ว่าปริมาณความต้องการของตลาดในประเทศ ปี 2565 จะอยู่ที่ 860,000 คัน หรือเพิ่มขึ้น 13.3 % เมื่อเทียบกับปี 2564 ที่ผ่านมา TOYOTA นั้นมองแดนบวก เพราะเชื่อว่า สภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปที่สำคัญๆ คือ คนไทยเริ่มเรียนรู้วิธีการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับสถานการณ์โรค COVID-19 ได้อย่างปลอดภัย และปัญหาชิ้นส่วนการผลิตขาดตลาดก็จะค่อยๆ คลี่คลายลง ซึ่งจะทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยค่อยๆ กลับคืนสู่สภาวะปกติ ต้องลุ้นกันว่าสิ้นปี 2565 สัดส่วนการขายในประเทศกับสัดส่วนการส่งออก อย่างไหนจะเติบโตเพิ่มขึ้น ถ้าตัวเลข “50:50” คือ สัดส่วนการผลิตเพื่อส่งออกกับขายในบ้านเท่ากัน สิ้นปีนี้ก็คือ การเติบโตเพิ่มขึ้นของปริมาณการขาย แต่หากสิ้นปีนี้เศรษฐกิจเราปลุกไม่ตื่น ฟื้นไม่มี 50:50 คงหมายถึง “ตายครึ่งหนึ่ง รอดครึ่งหนึ่ง” สู้กันต่อไปนะพี่เสือ
อ่านต่อ
เรื่องโดย : จอมยุทธ
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน มีนาคม ปี 2565
คอลัมน์ Online : มาตรวัดตลาดรถ
ลิงค์สำหรับแชร์ :
https://autoinfo.co.th/article/401943
แชร์บทความ
Follow autoinfo.co.th
บทความแนะนำ คอลัมน์
มาตรวัดตลาดรถ
มาตรวัดตลาดรถ
28 Mar 2024
เมื่อ ไฟฟ้าถูกกว่าน้ำมัน
มาตรวัดตลาดรถ
28 Feb 2024
การผลิตในประเทศลดลง รถนำเข้าเติบโต และดีเลอร์เปลี่ยนไป
มาตรวัดตลาดรถ
31 Jan 2024
BEV เกมเชนจ์ ดีเซลจะไปต่ออย่างไร ?
มาตรวัดตลาดรถ
31 Dec 2023
ปีใหม่-ยุคทองเก่าเก็บ
มาตรวัดตลาดรถ
30 Nov 2023
ปีที่คึกคักด้วยของใหม่
มาตรวัดตลาดรถ
31 Oct 2023
ญี่ปุ่น จีน ไทย ใครเข้าวิน
มาตรวัดตลาดรถ
30 Sep 2023
รถไทยในระยะถัดไป
ดูต่อในคอลัมน์ มาตรวัดตลาดรถ