วิถีตลาดรถยนต์
ผีซ้ำด้ำพลอย
ก็อย่างที่จั่วหัวไว้ละครับ เหมือนผีซ้ำด้ำพลอยจริงๆ COVID-19 ที่ทำเอาเงียบเหงาเศร้าซึมกันไปทุกภาคส่วนยังกำราบไม่อยู่หมัด ถึงแม้จะมีการเร่งระดมฉีดวัคซีนป้องกันที่มีสรรพคุณทางด้านการปกป้องไม่ให้ผู้ที่ติดเชื้อต้องมีอาการหนัก จนถึงหนักมากกันอย่างแข็งขัน แต่เชื้อร้ายนี้ก็ยังคงอยู่คู่กับการใช้ชีวิตประจำวันของเราๆ ท่านๆ ไปอีกนาน รวมไปถึงปัญหาทางด้านอุทกภัยในหลายพื้นที่ของประเทศ โดยเฉพาะในเขตภาคกลาง, ภาคเหนือตอนล่าง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อย่างไรก็ตาม เมื่อตั้งรับได้อย่างค่อนข้างจะรัดกุมจากความร่วมมือของทุกภาคส่วน ถึงเวลาต้องเล่นเกมรุกบ้างแล้ว การเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเข้ามายังแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นหนึ่งในดวงใจของนักท่องเที่ยวทั่วโลกอย่างจังหวัดภูเก็ต ภายใต้มาตรการการตรวจคัดกรองอย่างเคร่งครัดของกระทรวงสาธารณสุข จึงเป็นทางเลือกที่รัฐบาลนำมาใช้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งก็ทำให้หลากหลายธุรกิจในจังหวัดภูเก็ต และพื้นที่ใกล้เคียงเริ่มมีชีวิตชีวาขึ้น หลังจากที่นั่งซึมกะทือเป็นไก่ป่วยมาอย่างเนิ่นนาน แต่ปัญหาใหม่ที่ตามมาอีกระลอกหนึ่งเป็นปัจจัยลบที่ 3 คือ เรื่องของราคาน้ำมันที่ปรับเปลี่ยนขึ้นๆ ลงๆ แต่หนักไปในทางปรับขึ้นมากกว่าปรับลง เป็นอีกปัญหาหนึ่งที่ทำให้ผู้มีหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมีการบ้านอีกบทหนึ่งที่ต้องหาวิถีทางที่จะรับมือกับปัจจัยลบที่มีผลต่อเศรษฐกิจของประเทศนี้ เพราะเรื่องของราคาน้ำมันส่งผลต่อทุกภาคส่วนของอุตสาหกรรมในประเทศ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับภาคธุรกิจยานยนต์ ทั้งภาคการผลิต, การขนส่ง และการจำหน่าย ฯลฯ
และจากหลากหลายปัจจัยลบที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคเหล่านี้ ทำให้การจำหน่ายซื้อขายรถยนต์ใหม่ป้ายแดงในประเทศเดือนตุลาคม 2564 ได้รับผลกระทบไปด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยยอดจำหน่ายรถยนต์ใหม่ในประเทศปรับตัวลดลงถึง 13.0 % เมื่อเทียบกับตัวเลขยอดจำหน่ายของเดือนตุลาคม 2563 มีตัวเลขยอดจำหน่ายรวมทุกตลาดอยู่ที่ 64,462 คัน ทั้งนี้รถยนต์ยอดนิยมที่มีผู้จับจองเป็นเจ้าของมากที่สุด ยังคงเป็นรถยนต์จากค่ายยักษ์ใหญ่ที่หยั่งรากลึกอยู่ในหัวใจผู้ใช้รถใช้ถนนมาอย่างยาวนาน โดยมีรถยนต์จากประเทศจีนสอดแทรกเข้ามาอยู่อันดับที่ 5 ในเดือนตุลาคมนี้อีกครั้งหนึ่ง แถมยังมีตัวเลขยอดจำหน่ายที่ปรับตัวเพิ่มมากขึ้นจากเดือนเดียวกันนี้ของปีที่ผ่านมา ขณะที่รถยนต์ยอดนิยมยี่ห้ออื่นๆ มีตัวเลขยอดจำหน่ายที่ปรับตัวลดลงเสียด้วย อันดับ 1 TOYOTA (โตโยตา) จำหน่ายได้ 22,845 คัน ลดลง 11.1 % ส่วนแบ่งการตลาด 35.4 % อันดับ 2 ISUZU (อีซูซุ) 15,411 คัน ลดลง 10.3 % ส่วนแบ่งการตลาด 23.9 % อันดับ 3 HONDA (ฮอนดา) 7,183 คัน ลดลง 20.3 % ส่วนแบ่งการตลาด 11.1 % อันดับ 4 MITSUBISHI (มิตซูบิชิ) จำหน่ายได้ 4,100 คัน ลดลง 14.8 % ส่วนแบ่งการตลาด 6.4 % และ MG (เอมจี) จำหน่ายได้ 2,938 คัน เพิ่มขึ้น 7.0 % ส่วนแบ่งการตลาด 4.6 %
ภาพรวมของการซื้อรถยนต์ใหม่ในประเทศ ตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงเดือนตุลาคม 2564 มีการซื้อขายกันไปแล้วรวมทั้งสิ้น 596,393 คัน ลดลง 2.1 % เมื่อเทียบกับห้วงระยะเวลาเดียวกันของปี 2563 โดย TOYOTA ยังคงได้รับความนิยมสูงสุด จำหน่ายไปแล้ว 189,405 คัน เพิ่มขึ้น 3.6 % ส่วนแบ่งการตลาด 31.8 % ตามด้วย ISUZU 146,940 คัน เพิ่มขึ้น 4.4 % ส่วนแบ่งการตลาด 24.6 % HONDA จำหน่ายแล้ว 68,512 คัน ลดลง 7.5 % ส่วนแบ่งการตลาด 11.5 % MITSUBISHI 37,021 คัน ลดลง 18.3 % ส่วนแบ่งการตลาด 6.2 % และ MAZDA (มาซดา) จำหน่ายแล้ว 28,326 คัน ลดลง 5.5 % ส่วนแบ่งการตลาด 4.7 %
เมื่อแยกย่อยออกมาเป็นตลาดรถพิคอัพ 1 ตัน เดือนตุลาคมนี้เป็นอีกเดือนหนึ่งที่ HILUX REVO (ไฮลักซ์ รีโว) ของ TOYOTA ได้รับความสนใจ มีผู้จับจอง และได้รับมอบออกไปใช้งานตามเจตนารมณ์ของผู้เป็นเจ้าของมากที่สุดเป็นอันดับ 1 อย่างไรก็ตาม จากตัวเลขยอดจำหน่ายรวมตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงเดือนตุลาคมนี้ บ่งบอกว่า ISUZU ยังคงยืนหนึ่งอยู่อย่างมั่นคง และค่อนข้างจะแน่ชัดแล้วกับตำแหน่งพิคอัพยอดจำหน่ายสูงสุดประจำปี 2564 ทั้งนี้เดือนตุลาคม 2564 ตัวเลขยอดจำหน่ายของรถยนต์ประเภทนี้รวมอยู่ที่ 35,352 คัน ลดลง 13.4 % เมื่อเทียบกับเดือนตุลาคม 2563 จำหน่ายได้มากสุดอันดับ 1 เป็น TOYOTA 14,918 คัน ลดลง 10.3 % ส่วนแบ่งการตลาด 42.2 % อันดับ 2 ISUZU 14,002 คัน ลดลง 12.5 % ส่วนแบ่งการตลาด 39.6 % อันดับ 3 FORD (ฟอร์ด) จำหน่ายได้ 2,823 คัน เพิ่มขึ้น 6.5 % ส่วนแบ่งการตลาด 8.0 % อันดับ 4 MITSUBISHI จำหน่ายได้ 2,508 คัน ลดลง 16.0 % ส่วนแบ่งการตลาด 7.1 % และอันดับ 5 NISSAN (นิสสัน) จำหน่ายได้ 679 คัน ลดลง 45.8 % ส่วนแบ่งการตลาด 1.9 %
ตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงเดือนตุลาคม รถพิคอัพ 1 ตัน มีตัวเลขยอดจำหน่ายสะสมรวมกันแล้วทั้งสิ้น 312,141 คัน เปรียบเทียบกับช่วงระยะเดียวกันของปี 2563 แล้วมีการปรับตัวลดลง 1.0 % ก็ยังมีความหวังอยู่เล็กๆ ว่าอีก 2 เดือนที่เหลืออยู่ของปี 2564 โดยเฉพาะในช่วงเดือนสุดท้ายเดือนธันวาคมที่มีงานใหญ่ MOTOR EXPO จะช่วยดันตัวเลขยอดจำหน่ายรถพิคอัพปี 2564 ให้ปรับตัวมาอยู่ในแดนบวกได้ในที่สุด ตัวเลขยอดจำหน่ายสะสมสูงสุด 5 อันดับแรก อยู่ที่ ISUZU 133,316 คัน เพิ่มขึ้น 2.3 % ส่วนแบ่งการตลาด 42.7 % ตามด้วย TOYOTA 119,880 คัน เพิ่มขึ้น 6.8 % ส่วนแบ่งการตลาด 38.4 % FORD 25,353 คัน เพิ่มขึ้น 15.5 % ส่วนแบ่งการตลาด 8.1 % MITSUBISHI 22,422 คัน ลดลง 19.4 % ส่วนแบ่งการตลาด 7.2 % และ NISSAN 6,232 คัน ลดลง 51.6 % ส่วนแบ่งการตลาด 2.0 %
ประเภทของรถยนต์ที่มีตัวเลือกมากไม่แพ้รถยนต์นั่งส่วนบุคคล ไม่ว่าจะทั้งในด้านของราคา, สมรรถนะ และสถานภาพของผู้เป็นเจ้าของ นั่นคือ รถเอสยูวี ถึงแม้เดือนตุลาคมนี้ตัวเลขยอดจำหน่ายจะไม่ปังปุริเย แต่ผลงานโดยรวมตั้งแต่ต้นปีมายังพออุ่นใจได้ว่าเป็นตลาดที่การเจริญเติบโตเพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน เดือนตุลาคม 2564 ตัวเลขยอดจำหน่ายอยู่ที่ 5,599 คัน ลดลง 23.7 % จำหน่ายได้มากสุดแน่นอนเป็น TOYOTA 1,887 คัน ลดลง 3.9 % เมื่อเทียบกับเดือนตุลาคม 2563 ส่วนแบ่งการตลาด 33.7 % ตามด้วย MG 1,314 คัน ลดลง 28.0 % MAZDA 960 คัน ลดลง 24.8 % ส่วนแบ่งการตลาด 17.1 % น้องใหม่ HAVAL (ฮาวัล) ของค่าย GMW (กเรท วอลล์ มอเตอร์) 536 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 9.6 % และ HONDA 528 คัน ลดลง 70.3 % ส่วนแบ่งการตลาด 9.4 % 10 เดือนของปี 2564 ผ่านไปตลาดรถยนต์ประเภทนี้มีตัวเลขยอดจำหน่ายสะสมรวมกันแล้ว 54,268 คัน เพิ่มขึ้น 6.2 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2563 เอสยูวียอดนิยมอันดับ 1 ยังคงเป็น TOYOTA จำหน่ายแล้วรวม 16,380 คัน เพิ่มขึ้นถึง 55.2 % ส่วนแบ่งการตลาด 30.2 % อันดับ 2 MG 12,990 คัน ลดลง 2.5 % ส่วนแบ่งการตลาด 23.9 % อันดับ 3 MAZDA 10,655 คัน เพิ่มขึ้น 19.3 % ส่วนแบ่งการตลาด 19.6 % อันดับ 4 HONDA 8,451คัน ลดลง 31.8 % ส่วนแบ่งการตลาด 15.6 % และอันดับ 5 SUBARU (ซูบารุ) 2,338 คัน เพิ่มขึ้นถึง 139.5 % ส่วนแบ่งการตลาด 4.3 %
สำหรับรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ประเภทอื่นๆ เดือนตุลาคม 2564 มียอดจำหน่าย 3,561 คัน เพิ่มขึ้น 2.3 % มกราคมถึงตุลาคมอยู่ที่ 33,894 คัน เพิ่มขึ้น 8.0 %
เดือนตุลาคม 2564 มียอดจดทะเบียนรถพิคอัพ 1 ตัน และรถเอสยูวีรวมแล้วทั้งสิ้น 29,512 คัน ลดลง 27.8 % เมื่อเทียบกับเดือนตุลาคมปี 2563
เรื่องโดย : ขุนสัญจร
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน กุมภาพันธ์ ปี 2565
คอลัมน์ Online : วิถีตลาดรถยนต์
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/397589