มุมมองนักออกแบบ
ฮันเด โคนา อีเลคทริค OPPA หน้าหวาน
ฮันเด ค่ายยักษ์จากแดนกิมจิ นำรถไฟฟ้าเข้ามาทำตลาดในบ้านเราอย่างต่อเนื่องเป็นรุ่นที่ 2 ตามหลัง ไอโอนิก ซีดาน ที่เปิดตัวก่อนหน้านี้ โดย โคนา จัดเป็นครอสส์โอเวอร์ เอสยูวี ขนาดเล็ก เพื่อช่วงชิงความได้เปรียบด้วยตัวเลือกที่มากกว่า ความคิดเห็นของทีมนักออกแบบของเราต่อรถรุ่นนี้จะเป็นอย่างไร เชิญติดตามภัทรกิติ์ : ฮันเด โคนา มีรุ่นใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในทั้ง ดีเซล เบนซิน และเพิ่งเปิดตัวรุ่น ไฮบริด เมื่อเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา ซึ่งแต่ละรุ่นจะมีหน้าตาไม่เหมือนกัน แม้จะใช้พื้นฐานเดียวกันก็ตาม สำหรับ โคนา อีเลคทริค หน้าตาจะหวานๆ คือ ไม่มีกระจังหน้า แต่ ฮันเด ก็มีลูกเล่นในการออกแบบชิ้นส่วนอื่นๆ มาทดแทน อภิชาติ : กลุ่มคนที่เล่นรถไฟฟ้า ผมเรียกว่า ดอคเตอร์ คือ อยากเล่น อยากลอง มีรายได้ ทำงานมาแล้วระดับหนึ่ง รถไฟฟ้ายังเป็นกลุ่มทางเลือก ซึ่งมีคำถามที่ต้องตอบในอนาคตอีกหลายประเด็น ภัทรกิติ์ : รถไฟฟ้า ฮันเด ที่เข้ามาทำตลาดในบ้านเราก่อนหน้านี้ คือ ไอโอนิก ซึ่งเป็นแบบซีดาน ดังนั้นการมาของ โคนา อีเลคทริค จึงเป็น การมาเติมเต็มตลาดรถครอสส์โอเวอร์ เอสยูวี อภิชาติ : การใช้พแลทฟอร์มของรถเครื่อง- ยนต์สันดาปภายใน มาทำเป็นรถไฟฟ้า ปัญหา คือ การวางมอเตอร์ไฟฟ้า และแบทเตอรี โดย โคนา เป็นแบบขับเคลื่อนล้อหน้า ไม่มีอุโมงค์และเพลา จึงมีพื้นที่สำหรับติดตั้งแบทเตอรีอย่างเหลือเฟือ คราวนี้มาดูการออกแบบ บุคลิกของ ฮันเด โคนา พื้นที่ตัวถังมีความสูง เพราะฉะนั้นต้องหาวิธีสร้างสมดุลในแนวจิตวิทยาให้ดูว่ามันไม่หนัก จึงใส่ตัวทริมสีดำเข้าไปบริเวณส่วนล่าง ทำให้ตัวถังดูเล็กลง แต่ด้วยรูปแบบของครอสส์โอเวอร์ เอสยูวี ที่ตัวรถมีความสูงกว่าปกติ การออกแบบกระจังหน้า ก็มีส่วนสำคัญ จะออกแบบอย่างไร ? ให้มันดูดี และมีดีไซจ์นที่แตกต่าง ฮันเด โคนา ไม่มีตะแกรงสีดำเข้ามาช่วย เลยทำให้หน้ารถดูใหญ่มาก ภัทรกิติ์ : จริงๆ แล้ว เรื่องกระจังหน้าที่เป็นตะแกรงสีดำ เป็นการยึดติดกับอดีตของ เทสลา โมเดล เอส โฉมแรก แต่พอปรับโฉมก็ไม่มีแล้ว แต่ถ้าลองไปดูที่ นิสสัน ลีฟ เจเนอเรชัน 2 ยิ่งไปกันใหญ่ จากรุ่นแรกที่พัฒนาในแนวทางของรถไฟฟ้า คือ ไม่มีกระจังหน้า แต่รุ่นล่าสุดกลับมีการออกแบบให้ดูใกล้เคียงกับรถเครื่องยนต์สันดาปภายใน อภิชาติ : ตรงนี้ผมเข้าใจนะ การทำหน้ามนๆ อาจดูง่ายเกินไป ภัทรกิติ์ : พื้นผิวของส่วนที่ถูกแทนที่ตะแกรง น่าจะช่วยลดมวลอากาศหมุนวน อภิชาติ : เหมือนผิวลูกกอล์ฟที่ช่วยให้แหวกอากาศได้ดีกว่าผิวเรียบแบบลูกปิงปอง ภัทรกิติ์ : เป็นแนวคิดที่ดี แล้วมองว่าใกล้เคียงกับ เทสลา แต่มีจุดแตกต่าง คือ ไฟหน้าข้างบนไม่ใช่ไฟส่องสว่างหลัก โดยไฟหลักจะอยู่ด้านล่าง ซึ่งเป็นทิศทางการออกแบบของรถแบบใหม่ ที่มีจุดประสงค์ คือ ไม่ให้ไฟแยงตาเพื่อนร่วมทาง ฟอร์มูลา : แนวคิดของไฟหน้าเหมือนกับ นิสสัน จูค และมิตซูบิชิ เอกซ์แพนเดอร์ ? ภัทรกิติ์ : ใช่ครับ คือ ไฟในที่ที่มันควรจะมี ก็ยังคงไว้ดังเดิม แต่ย้ายไฟดวงหลักมาอยู่ด้านล่าง เป็นฟอร์มของรถ เอสยูวี อภิชาติ : ฮันเด โคนา ใช้รูปทรงแนวโค้งที่เด่นเรื่องอากาศพลศาสตร์ มีช่องรับอากาศอยู่ข้างๆ ด้านหน้า ส่วนจะจริง หรือหลอกผมไม่แน่ใจ แต่เท่าที่สังเกตในตลาด คนที่ทำรถไฟฟ้า พยายามจะดันฟอร์มที่เป็นรถครอสส์โอเวอร์ เอสยูวี มากกว่าซีดาน เพราะเขาอาจวิจัยมาแล้วว่า รถไฟฟ้า หรือรถอนาคต ที่มาในลักษณะครอสส์โอเวอร์ เอสยูวี ขนาดเล็ก จะให้ความรู้สึกเป็นรถไฟฟ้ามากกว่าซีดาน ทำให้สามารถดึงดูดลูกค้าเข้ามาง่ายกว่า ภัทรกิติ์ : สัดส่วนของรถก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจ โดยทั่วไป รถไฟฟ้าจะใช้พื้นรถเป็นที่เก็บแบทเตอรี ซึ่ง ฮันเด โคนา ใช้พแลทฟอร์มร่วมกันกับรุ่นที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน ไม่เหมือนกับ นิสสัน ลีฟ เทสลา และบีเอมดับเบิลยู ไอ 3 ที่ถูกพัฒนามาเพื่อเป็นรถไฟฟ้าตั้งแต่เริ่มต้น อภิชาติ : การผสมผสานกันของพแลทฟอร์มที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในกับรถไฟฟ้า โดยหาจุดที่คิดว่าเหมาะสมที่สุด อาทิ อยากทำรถไฟฟ้าก็ยกเครื่องยนต์ออก แล้วเอามอเตอร์กับชุดอินเวอร์เตอร์มาใส่แทน แล้วเอาชุดแบทเตอรีวางลงไปบนพื้นรถ การกระจายน้ำหนักก็จะสมดุลตามปกติ เป็นการออกแบบพแลทฟอร์มที่คิดมาแล้วว่าเหมาะสม ภัทรกิติ์ : ผมชอบไฟท้ายสวยดี อภิชาติ : รถคันนี้ด้านหลังดูดีกว่าด้านหน้า ภัทรกิติ์ : มันมีทั้งสีด้านกับสีเงาผสมผสานกันได้อย่างลงตัว ถือเป็นความพยายาม และความตั้งใจ อภิชาติ : ครีบด้านข้างตรงประตูจะส่งผลเรื่องแอโรไดนามิค ถ้าไม่มี กระแสลมจะมาหมุนวนอยู่บริเวณนั้น เขาทำการบ้านมาดี ฟอร์มูลา : ห้องโดยสารเป็นอย่างไร ? ภัทรกิติ์ : มองครั้งแรก ผมรู้สึกว่ามันดูจืด ไปหน่อย แต่ในความจืดนั้นกลับมีสิ่งที่น่าสนใจซ่อนอยู่ นั่นคือ การแบ่งสี และแบ่งพื้นผิว เมื่อเทียบกับรุ่น ไฮบริด มันคนละแบบกันนะ อภิชาติ : แดชบอร์ดกับแผงข้างประตูทำได้ต่อเนื่องเข้ากันดี ภัทรกิติ์ : ภายในดูสะอาดตา เน้นความโค้งมน มีความเป็นธรรมชาติเข้ามาผสม จุดเด่นอยู่ตรงแถวที่วางแก้ว ที่ทำเป็นสะพานด้านล่างโล่ง วางกระเป๋าได้เลย แต่ไม่ใช่แค่นั้น เพราะมันไม่มีคันเกียร์ การกดปุ่มให้ความรู้สึกไฮเทคสมกับ เป็นรถไฟฟ้า แม้จะดูไม่หวือหวา แต่เห็นแล้วรู้ได้เลยว่าเป็นรถไฟฟ้า อภิชาติ : ผมชอบแนวทางการออกแบบ ที่พยายามทำให้แดชบอร์ดเข้ากันกับแผงข้างประตู จุดนี้ถือว่าเป็นงานยาก เนื่องจากความสูงของแดชบอร์ด ภัทรกิติ์ : เส้นที่ลากต่อเนื่องกันมา ผมกลับมองว่าน่าจะทำได้จี๊ดจ๊าดกว่านี้ เขาคงตั้งใจให้รถคันนี้ตอบรับกับลูกค้าทุกช่วงอายุ จึงต้องปรับให้มันกลางๆ ไว้ก่อน อภิชาติ : ชอบตรงที่เขาพยายามรักษาทิศทางการออกแบบเน้นเป็น อีเลคทริค คือ สีวาวๆ ไม่โฉ่งฉ่าง ไม่ร้อนแรง ไม่แข็งกระด้าง แต่ไม่บางเบาตามแนวรถตลาดทั่วไป เพราะถ้าเป็นแบบนั้น จะกลายเป็นรถราคาถูก ซึ่งต้นทุนแบทเตอรีมันแพง จึงต้องทำให้เป็นพรีเมียม แต่พรีเมียมแบบไม่ใช้ชิ้นส่วนโครเมียมเยอะแยะ แค่มีตะเข็บสวยๆ ก็พอแล้ว ภัทรกิติ์ : โดยรวมน่าสนใจสำหรับคนที่อยากลิ้มลอง “รถไฟฟ้า”
เรื่องโดย : กองบรรณาธิการบทความและสารคดี formula
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน สิงหาคม ปี 2562
คอลัมน์ Online : มุมมองนักออกแบบ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/286088