ประสาใจ
ทั้งอบอุ่นใจ และน่าจะ...
โจเซฟ แอดดิสัน นักเขียนชาวอังกฤษ เขียนนานาสาระ เขียนบทกวี และเขียนบทละคร นอกจากเป็นนักเขียน แอดดิสัน ยังเป็นนักการเมืองอีกต่างหาก เขาเกิดปี 1672 และถึงแก่อนิจกรรมในปี 1719 รวมอายุได้ 47 ปีโศกนาฏกรรมเรื่อง “CATO” ของเขา ได้รับความนิยมอย่างมากในปี 1712 เป็นบทละครว่าด้วย เสรีภาพส่วนบุคคล กับการปกครองระบอบทรราช เป็นการสู้รบระหว่าง ตรรกะ กับอารมณ์ ขณะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ ถูกบีบให้ลาออกเพราะสุขภาพไม่ดี แต่เขาก็อยู่ในตำแหน่งหน้าที่จนกระทั่งถึงแก่อนิจกรรม ศพของเขาได้รับการฝังที่มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ และเรื่องต่อไปนี้ เป็นเรื่องหนึ่งของเขา ในบรรดาเครื่องประดับของผู้หญิง ที่ขาดเสียมิได้ คือ สิ่งที่บางคนเรียกว่า ผ้าคลุมไหล่ บางคนเรียก สร้อยคอ ทว่า ถึงจะเรียกเช่นไร แม้เป็นผ้าลินิน หรือผ้าฝ้าย มันคือ เครื่องประดับที่มีอำนาจ ทำให้ส่วนที่ยิ่งใหญ่ของร่างกาย คือ ไหล่ และทรวงอกกระเพื่อม ข้อสังเกตของข้าพเจ้าจากกลุ่มผู้หญิงของเรา หล่อนไม่ยี่หระเรื่องเครื่องประดับ แต่เน้นไปที่ความพองโตของหน้าอก ซึ่งผู้หญิงอื่นชอบปกปิดมิดชิดสายตา ข้าพเจ้าสังเกตเรื่องนี้ ขณะที่วันนั้นนั่งทอดสายตาดูผู้หญิงที่เข้ามาในบาร์ เลดี ลิซาร์ด เห็นใบหน้าหล่อนแล้วก็ปล่อยให้ดวงตาลามปามลงไปถึงหน้าอก ซึ่งข้าพเจ้าอดพิศวงมิได้ว่า ทำไมหน้าอกนางจึงงดงามชนิดผู้ชายเฉกเช่นข้าพเจ้าไม่เคยพบพาน นี่คือสิ่งที่ห้ามสายตาข้าพเจ้าไปยังที่อื่น นอกเสียจากอยู่กับที่เพื่อดูให้ประจักษ์ หล่อนรู้การเพ่งมองของข้าพเจ้า เพราะอาการสีแดงเรื่อปรากฏที่ใบหน้า จนข้าพเจ้าเขินอายต้องยกมือขึ้นปิดบัง ผู้หญิงรุ่นโบราณ ชอบที่จะปกปิดร่างกายอย่างกระมิดกระเมี้ยนตั้งแต่ลำคอถึงคาง หากต้องการดูความงามของนาง ก็ดูได้จากมือและใบหน้าของนางเท่านั้น ผิดกับผู้หญิงวันนี้ นางทำให้ความสมดุลบางอวัยวะเปลี่ยนแปลง ผู้หญิงวันนี้ เอาเครื่องประดับมาบังหน้า บางทีเลยเถิดไปจนถึงหัวคิ้ว แต่นางก็ละเลยลำคอไม่ได้ อะไรก็ตามที่ทำให้ผู้ชายมองลำคอนางได้ ถือว่าสมความอยาก ที่เป็นอย่างนี้ เพราะดวงตาผู้ชายจากดูลำคอนางแล้วชอบไถลลื่นลงล่าง ที่ไม่ห่างกันเท่าไร น่าพิศวงจริงหนอ ทำไมทรวงอกของนางจึงสามารถเป็นเครื่องชี้วัดความงดงามในทุกส่วนของนางได้ ? เพียงลำคอต้องตาอย่างเดียว ถือว่านางมีความงามไปครึ่งร่างแล้วนะ... นี่เป็นโจทย์ใหญ่ให้ข้าพเจ้าครุ่นคิด ประมาณความอึดว่านางจะเดินหน้าไปได้ถึงไหน ไกลหรือใกล้ เพื่อสร้างอำนาจให้ข้าพเจ้าหยุดมอง อันที่จริง ข้าพเจ้ามองลำคอนาง ก็ไม่ผิดอะไรกับมองหินปูนที่ขาวสะอาด มันคือหินอ่อนที่แข็ง เย็น ลื่น และขาวสะอาดตั้งวางอยู่บนหน้าอกที่เปรียบได้ประหนึ่งเป็นหิมะ 2 ก้อนใหญ่ วูบหนึ่งในความคิด ข้าพเจ้าคงไม่เสียสติกับเรื่องนี้ตามทรรศนะของชายอื่นวัยเดียวกับข้าพเจ้า แต่กับวัยรุ่นข้าพเจ้าพอเข้าใจ หนุ่มนมแตกพานย่อมอยากรู้อยากเห็นและมองทะลุความฝัน แต่ถ้านางทอดร่างให้แก่ชายผู้โอหัง เปิดเผยบางสิ่งที่ปกปิดกับผู้ชายที่ยโส บอกตามตรงว่า ข้าพเจ้าเจ็บปวดแทนนางไม่น้อย นางจะปกป้องได้อย่างไร หลังการยั่วยุ จะอาศัยลำพังเพียงความอ่อนโยนเท่านั้นหรือเป็นกำแพงป้องกันอารมณ์ ข้าพเจ้ามีความเห็นเป็นการส่วนตัวว่า เพียงลำคอไม่ได้แสดงสิ่งหนึ่งสิ่งใดออกมาให้เห็นถึงเตียงนอน เว้นแต่จะมองหน้าสบตากันเท่านั้น ข้าพเจ้าก็เห็นว่า ผ้าคลุมไหล่ของนาง บอกให้รู้ว่า นางอยู่ใกล้เตียงนอนมากน้อยเท่าไร ซ้ำยังบอกไปไกลถึงระดับการล้มตัวลงนอนของนาง สิ่งที่ให้ข้าพเจ้าอดพิศวงไม่ได้ คือ สิ่งผลิตเหล่านี้เกิดจากฝีมือและความคิดของผู้นำแฟชัน ซึ่งส่วนมากล้วนเป็นหญิงขึ้นคานแล้วทั้งสิ้น ผลจากสิ่งประดิษฐ์ตามความคิดของแม่เจ้าประคุณเธอเหล่านั้น เป็นเรื่องที่ผู้ชายเช่นข้าพเจ้าคิดไม่ออก และไม่ต้องการเสียเวลาคิด โลกนี้ยังจะมีมนุษย์คนใดหรือ เอาสิ่งที่ตนไม่ตั้งใจออกมาแสดงต่อสาธารณะ ธรรมดาเมื่อนกถูกจับแล้ว กับดักหรือแร้วก็สมควรถูกย้ายสถานที่ นี่คือตรรกศาสตร์แห่งธรรมนูญของนักกฎหมาย เช่น ไลเซอร์กัสแห่งสปาร์ตา ผู้เชี่ยวชาญในการดำรงไว้ซึ่งความยุติธรรม ย่อมเป็นผู้รู้ดีว่า เป็นธรรมดาที่มหาเศรษฐีและผู้มีอำนาจ ต่างสามารถอยู่ร่วมกันได้กับกลุ่มผู้คนที่เต็มไปด้วยความหลากหลายของระดับชั้น กำไรอันผู้เชี่ยวชาญพึงจะได้จากเหตุนี้ คือ ช่วยให้การแต่งงานสำเร็จมรรคผล บทบัญญัติหนึ่ง ที่มือกฎหมายแห่งสปาร์ตาคิดค้นบัญญัติขึ้นก็คือ ชุดแต่งกายของหญิงสาวทั่วไป เน้นไปที่รูฉีก รูขาด วับๆ แวมๆ เพื่อล่อเป้าสายตา เหล่านั้นมิใช่อะไรอื่น นอกจากเป็นสารกระตุ้นอารมณ์ โดยผู้ชำนาญตีบทบัญญัติของกฎหมายพึงประสงค์ประการเดียว ขอให้หนุ่มๆ ทั้งหลายของสปาร์ตา มาแต่งภรรยากันเถอะ แต่แต่งภรรยาเสร็จ ฝ่ายผู้ชนะ คือ ภรรยา สิ้นสุดกันทีระบบยั่วเย้าประชารัฐทั้งหลาย มีสามีเสร็จ สิ่งที่ทำได้ในทันที คือ แต่งกายรัดกุม เว้าแหว่งไม่มีให้เห็น นอกจากสามีจะไม่ได้เห็นแล้ว สาธารณชนก็ไม่มีวันได้เห็นเหมือนกัน ก่อนจบสุนทรพจน์ของข้าพเจ้า ใคร่ขอยกธรรมจริยาข้อหนึ่ง อันเป็นข้อที่ข้าพเจ้าเคยพร่ำสอนนางทั้งหลาย นี่เป็นคติพจน์แท้ของ ออวิด-นักกวีเอกชาวอิตาเลียน ปูบลิอุส ออดิวิอุส นาโซ หรือ ออวิด เป็นกวีเอก และได้รับความนิยมในฐานะเป็นนักกวีเรื่องความรักใคร่ยอดเยี่ยม เห็นความรักใคร่เป็นศิลปะอย่างหนึ่งที่ประกอบการขึ้นมาด้วยน้ำมือมนุษย์ ไม่ต้องบอกล่วงหน้า ท่านผู้อ่านก็อาจทราบ เทพธิดาฝ่ายหญิงคือใคร ? แน่นอน ไม่พ้น เทพธิดาโรมันนามกระฉ่อน “วีนัส” ครองอิทธิพลในเรื่องของความรักใคร่, ความงาม, ตัณหาและเซกซ์ (ตามความเป็นจริง “เซกซ์” น่าจะเป็นคำคุณศัพท์ของคำว่า วีนัส) สำหรับศิลปะโรมันและวรรณคดีละติน ในประเพณีคลาสสิคยุคหลังของตะวันตก วีนัส เป็นพระเจ้าพระองค์หนึ่ง ในเทพปกรณัมกรีกของโรมัน ซึ่งมีการอ้างอิงมากที่สุดถ้าเอ่ยถึงความรักใคร่และเซกซ์ แนวความคิดของ ออวิด เป็นประการใด ลองเข้าไปดูหินอ่อนรูปปั้น วีนัส ดูละกัน ดูให้เต็มตา ไม่ต้องรีบร้อน แล้วบอกตัวเองให้ได้ว่า เกิดความรู้สึกอย่างไรบ้างกับเลือดลมของเรา โดยเฉพาะผู้ชมที่เป็นเพศชาย มือขวานางยกขึ้นมาปิดทรวงอกข้างหนึ่ง ยั่วเย้าหรือไม่เพียงใด ขณะดวงตาแห่งศิลปะบ่งบอกถึงความงดงามด้านประติมากรรม แสดงออกถึงความเขินอายเช่นหญิงสาว ความอ่อนน้อม หรือความถ่อมตน นำพามาซึ่งความเจริญตาเจริญใจ ขณะเดียวกัน ธรรมจริยาบอกเราว่า ภรรยา เป็นความสง่างามของหญิงผู้มีสามี โดยคืนกลับความเป็นม่ายให้แก่ความไม่มีราคีของตน...!!!
เรื่องโดย : ข้าวเปลือก
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน พฤษภาคม ปี 2562
คอลัมน์ Online : ประสาใจ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/272392