รอบรู้เรื่องรถ
จอดรถบรรทุกทิ้งไว้ข้างทาง คือ การก่ออาชญากรรม
จากแบบสอบถามที่ "ฟอร์มูลา" เคยทำการสำรวจผู้อ่านของเรา ผมได้ภาพที่จินตนาการจากข้อมูลที่ได้รับว่า ผู้อ่านนิตยสารของเราส่วนใหญ่ มีชีวิต การงาน และฐานะที่ดีพอสมควร จนถึงดีมาก ถ้าพวกเราอยู่ในประเทศที่พัฒนาแล้วพอสมควร เจ้าหน้าที่ของรัฐตั้งใจทำหน้าที่ตามที่ควรทำ ผู้คนไม่มีค่านิยมที่วิปริตผิดเพี้ยน บูชาเงิน เห็นความร่ำรวยแบบไม่รู้จักพอ เป็นสิ่งประเสริฐของชีวิต เราก็พอจะบอกได้ว่า กลุ่มคนที่ว่านี้ ย่อมมีชีวิตที่ดีเพียงพอแน่นอน ถ้าไม่นับสิ่งสุดวิสัยที่อาจเกิดขึ้น เช่น โรคภัยไข้เจ็บแต่สำหรับพวกเรา ที่ว่ากันว่า โชคดีที่ได้เกิดมาบนสยามเมืองยิ้มนี้ มิได้เป็นเช่นนี้ครับ ไม่ว่าจะสร้างฐานะกันมาขนาดไหน พยายามดำเนินชีวิตให้มีคุณภาพเพียงใด ก็ยังไม่อาจหลุดรอดไปจากภัยอันตรายถึงชีวิตได้เลย ลงทุนซื้อรถราคาสูง ที่ให้ความปลอดภัย ทั้งเชิงป้องกันและเชิงแก้ไขแล้ว ก็ยังอาจไม่รอดชีวิต ปฏิบัติตนถูกต้องทุกอย่างแล้ว ก็อาจถูกเดนมนุษย์เมายาบ้า มันขับรถบรรทุกมาบดขยี้จนแหลกคารถ หรืออาจจะถูกไอ้เดนนรก มันเมาแอลกอฮอลชนเกาะกลางถนนจากฝั่งตรงกันข้าม แล้วลอยมาเสยรถของเรา จะมีฝีมือดีหรือระวังขนาดไหน ก็ไม่มีทางรอดพ้นครับ ทั้งหลายทั้งปวงนี้ มาจากเหตุใหญ่เพียงอย่างเดียว คือ ความหย่อนยานในการปฏิบัติหน้าที่ของผู้รักษากฎหมาย แต่ก็ยังมีบางกรณี ที่สาเหตุหลักมาจากความบกพร่องของกฎหมาย หรือไม่ก็เป็นเพราะกำหนดบทลงโทษแก่ผู้ที่ฝ่าฝืนไว้เบาเกินไป ผมเชื่อว่าผู้อ่านทุกคนต้องเคยได้อ่านข่าว หรือรับรู้ทางใดทางหนึ่ง ถึงการเกิดอุบัติเหตุถึงชีวิตของผู้เคราะร้าย จากการชนท้ายรถบรรทุกที่จอดทิ้งไว้ข้างทาง คำว่า "จอดทิ้ง" ในที่นี้ก็คือ จอดโดยมิได้คำนึงถึงอันตรายถึงชีวิตที่อาจจะเกิดแก่ผู้ร่วมใช้ถนน ไม่มีการเปิดไฟฉุกเฉินไว้ หรือหากไม่มีอยู่ หรือชำรุด ก็ไม่มีการพยายามวางสิ่งใดไว้ด้านหลังในระยะที่ห่างเพียงพอ เพื่อเตือนผู้ขับรถ ให้รู้ตัว ลดความเร็ว หรือเตรียมหลบเลี่ยงได้ทัน ลองถามตัวเองดูครับ ว่าเราเคยได้ยิน ได้พบ ได้อ่าน เรื่องอุบัติเหตุแบบนี้กันมาแล้วกี่ครั้ง ผมเชื่อว่าแต่ละคนจะได้คำตอบว่า มากจนจำไม่ได้ หรือลองนึกย้อนประมาณการจำนวนครั้ง ก็ยังไม่ได้ นั่นหมายความว่ามีอุบัติเหตุจากความชุ่ย มักง่ายเช่นนี้เกิดขึ้นมากมายในประเทศนี้ ซึ่งถ้าจำกัดเวลาไว้เพียง 10 ปี ย้อนหลังไปจากวันนี้ ก็พอจะประเมินได้ว่านับพันครั้ง ที่ชีวิตของผู้บริสุทธิ์ต้องถูกทำลาย ถูกพรากจากครอบครัวด้วยการกระทำของผู้อื่น ประเด็นที่สำคัญที่ผมต้องการชี้ให้เห็นก็คือ มันไม่ได้เกิดขึ้นอย่างสุดวิสัย หลีกเลี่ยงไม่ได้ และไม่รู้ล่วงหน้า มันตรงกันข้ามครับ ผู้เคราะห์ร้ายถึงชีวิตเหล่านี้ ต้องเผชิญกับสิ่งที่คาดไม่ถึง ทั้งๆ ที่ปฏิบัติตนถูกต้องทุกอย่างแล้ว เช่น ขับอยู่ในลู่ซ้าย ไฟส่องสว่างของรถที่ขับอยู่ ทำหน้าที่ได้ปกติ สายตาผู้ขับดีเพียงพอในเวลาค่ำคืน แต่ถนนที่ใช้อาจมิใช่สายหลัก ที่มีไฟส่องสว่างเต็มที่ ไม่มีใครหลบหลีกได้ทันหรอกครับ ถ้ามีรถบรรทุกจอดล้ำเข้ามาในลู่วิ่ง โดยไม่มีสิ่งใดเป็นสัญลักษณ์เตือนให้ผู้ใช้รถอื่นรู้ล่วงหน้า บางคนอาจจะคิดว่า ก็ยังมีแสงสะท้อนจากเปลือกไฟท้ายให้เห็นอยู่ได้ อย่าหวังว่าจะเป็นเช่นนั้นนะครับ ด้านขวามืออาจจะแตกหลุดหายไปนานแล้ว หรือถูกพอกด้วยฝุ่นโคลนมาแรมเดือน ถึงจะพอมีแสงสะท้อนอยู่บ้าง ผู้ขับที่เคราะห์ร้าย ก็อาจจะเข้าใจผิดไปว่าเป็นไฟท้ายของรถใดก็ตามที่เคลื่อนที่อยู่ข้างหน้าในทิศเดียวกับตน กว่าจะรู้ตัวว่าเป็นของรถบรรทุกมรณะที่จอดซุ่มอยู่ ก็หมดโอกาสที่จะเบรค หรือหลบหลีกได้ทันแล้ว ดังที่เราจะเห็นได้ว่า การชนท้ายลักษณะนี้ มักรุนแรงมาก คือ ชนโดยที่รถยังมิได้ถูกลดความเร็วลงเลย คงไม่ได้เป็นการกล่าวอย่างเกินเลย ถ้าผมจะเปรียบเทียบว่าสิ่งที่ผู้เคราะห์ร้าย ถึงชีวิตเหล่านี้ต้องเผชิญ ไม่ต่างจากการ "ถูกวางกับดัก เพื่อฆ่าให้ตาย" แม้ในความเป็นจริง จะเกิดขึ้นจากความไร้สำนึกด้านความปลอดภัยของคนขับรถบรรทุกพวกนี้ เอกลักษณ์อย่างหนึ่งของประเทศด้อยพัฒนาทั้งหลาย ที่มีเหมือนกันหมดก็คือ รัฐบาลหรือผู้นำหรือผู้ปกครองประเทศ หรือไม่ว่าจะเรียกชื่อว่าอะไร จะเป็นคนคนเดียว หรือกลุ่มคนที่มีอำนาจในการบริหารประเทศก็ตาม ไม่ให้คุณค่าต่อความปลอดภัยและต่อชีวิตของพลเมืองครับ "อยากตายก็ตายไป จะตายกันแบบไหน ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตที่น่าสนใจ" เพื่อให้ชีวิตของพวกเราผู้ใช้รถใช้ถนนและจ่ายภาษีทำนุบำรุงประเทศกันตามหน้าที่ ได้รับการคุ้มครองตามที่ควรจะเป็น ไม่ถูกพลเมืองที่ทั้งชีวิตไม่เคยจ่ายภาษีแม้แต่บาทเดียว ใช้ความชุ่ย อาศัยความสะดวกสบายของพวกมัน มาฆ่าพวกเราทางอ้อม รถเสียเมื่อใด หรือแม้แต่ขี้เกียจขับเพราะเมายาเสพติด อยากจอดนอนตรงไหนก็ได้ตามใจมัน ถึงเวลาต้องแก้กฎหมายเกี่ยวกับเรื่องนี้กันแล้วครับ ให้มีบทลงโทษที่ผู้คิดจะฝ่าฝืนเกิดความยำเกรง เพราะมันคือวิธีเดียวที่จะปกป้องชีวิตของพวกเรา ไม่ใช่ปล่อยให้คนขับรถพวกนี้ มันทำอะไรก็ได้เสมือนชีวิตของคนอื่นไร้คุณค่า ต้องตายกันไปในแบบที่หาคนรับผิดชอบโดยตรงไม่ได้ ปรับปรุงบทลงโทษต่อคนขับรถบรรทุกพวกนี้ ให้อยู่ระดับเดียวกับการฆ่าผู้อื่นโดยประมาท หรือน่าจะมากกว่าด้วย เพราะพวกมันรู้อยู่ล่วงหน้า ว่าอาจจะก่อให้เกิดอันตรายถึงชีวิต นอกจากนี้ ต้องออกกฎให้รถบรรทุกทุกคัน ต้องมีป้ายสามเหลี่ยมสะท้อนแสงตามมาตรฐานสากล ประจำรถไว้เสมอ และอยู่ในสภาพดีพร้อมถูกใช้งานได้เสมอ เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถตรวจสอบได้ทุกโอกาส ไม่ต่างจากการตรวจสอบใบขับขี่ ใครจะมีโอกาสขายป้ายนี้ให้แก่ทางการ ก็ว่ากันไปครับ แค่อย่าให้ผิดกฎหมายพลเมืองอย่างพวกเราไม่สนใจ เมื่อใดก็ตามที่ไม่สามารถขับรถต่อไปนี้ ต่อไปได้ และไม่สามารถหาที่หลบเลี่ยงให้พ้นจากผิวจราจรได้ เนื่องจากขนาดความกว้างของรถบรรทุกเหล่านี้ ผู้ขับมีหน้าที่ตามกฎหมาย เพื่อมิให้เกิดอันตรายต่อชีวิตของผู้อื่น ต้องนำป้ายสามเหลี่ยมสะท้อนแสงนี้ ไปวางด้านหลังรถบรรทุก ให้ห่างเพียงพอในระยะที่กฎหมายกำหนดไว้ ซึ่งผู้ร่างกฎหมายสามารถศึกษาจากข้อมูลของประเทศพัฒนาแล้วทั้งหลาย แล้ว เลือกใช้ให้เหมาะกับสภาพการจราจรของประเทศเรา ผู้ขับมีหน้าที่นำไปวาง และอยู่เฝ้าระวังให้ป้ายสามเหลี่ยมนี้ ตั้งอยู่ในที่ที่มันควรอยู่เสมอ จะหลบหนีหายตัวไป แล้วมาอ้างว่าป้ายนั้นถูกโจรมันขโมยหรือสุนัขคาบไปแล้ว ไม่ได้เป็นอันขาด สำหรับผู้ที่ยังจินตนาการไม่ได้ ชีวิตพวกเราอยู่ในความเสี่ยง เพราะบทลงโทษของกฎหมายที่ใช้กันอยู่นี้ มันเบาเกินไปจนไม่สามารถคุ้มครองชีวิตผู้บริสุทธิ์ได้ ผมจะลองยกตัวอย่างง่ายๆ ให้พอเข้าใจนะครับ สมมุติว่าตัวผมเป็นไอ้โรคจิตคนหนึ่ง ที่ต้องการฆ่าคนสักคนหนึ่ง ใครก็ได้ที่ผมไม่ต้องรู้จัก โดยมีเงื่อนไขว่า 1. ให้ผมได้เห็นกับตาเพื่อความสะใจ และ 2. ให้ผมไม่ต้องรับโทษตามกฎหมาย หรือถ้าต้องรับก็ให้เบามาก อาจแค่ถูกปรับเป็นเงิน หรือจำคุกแบบรอลงอาญา วิธีที่ผมจะเลือกแน่นอนที่สุดก็คือ เช่า หรือยืมรถบรรทุกขนาดใหญ่ สภาพโทรม โดยเฉพาะด้านท้ายไม่มีสีอ่อนให้เห็นได้ชัดตอนกลางคืน ผมแค่ทุบไฟท้ายที่สะท้อนแสงได้ ให้แตกสักข้างหนึ่ง เช่น ข้างซ้าย ส่วนดวงทางฝั่งขวา เอาโคลนทาทับ แล้วผมก็นำไปจอดริมถนนนอกเมือง สายที่ไหล่ทางแคบ และเป็นสายที่รถใช้ความเร็วสูงได้ แล้วผมก็ไปหลบนั่งรอที่ไหนสักแห่ง รอผู้เคราะห์ร้ายขับรถมาเสยท้ายรถคันนี้ ในสภาพด้านหน้าแหลกยับ ผมก็จะได้ฆ่าคนโดยไม่ต้องกลัวโทษหนักใดๆ ด้วยคำให้การแค่ประโยคเดียว คือ เครื่องยนต์ขัดข้อง
เรื่องโดย : เจษฎา ตัณฑเศรษฐี
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน กุมภาพันธ์ ปี 2562
คอลัมน์ Online : รอบรู้เรื่องรถ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/261213