ประสาใจ
รูปปั้นนักบวช
ธรรมาสน์วงการนักบวชในสยามประเทศกำลังแสดงธรรมบทเรื่องเงินทอนวัด อีกหนึ่งความบริสุทธิ์ของนักบวชห่มจีวรสีเหลือง เรื่องราวในวงการนักบวชเป็นสิ่งเล่าขานกันมานานในโลกใบนี้ มิใช่เพียงวงการพระพุทธศาสนาเจฟฟรีย์ โชเซอร์ กวีเอกชาวอังกฤษในยุคกลาง เขาเป็นกวีคนแรกที่ได้รับการบรรจุศพ ณ “มุมกวีแห่งมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์” ประเภทนิทานข้างหมอนของเขา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นร้อยกรองมากกว่าร้อยแก้ว รู้จักในนาม “FABLIAU” (ถ้าเป็นพหูพจน์เรียก “FABLIAUX”) เรื่องเล่าวันนี้เป็นหนึ่งเรื่องราวที่เก็บมาได้จาก FABLIAUX กิรดังได้ยินมา ตทากาเล....บ่ายวันนั้นของเดือนพฤศจิกายน ประมาณ 14 นาฬิกา อากาศเย็น เสียงระฆังวัดกังวานเตือนให้คริสตชนแห่งพิคาร์ดี ลงมือรับประทานอาหารกลางวัน เพื่องีบหลับตอนบ่ายตามกิจวัตร เหล่านักบวชในวัดต่างประจำที่สำหรับการสวดมนต์เย็น ยกเว้นแต่ โปล ภราดาผู้ทำหน้าที่เกี่ยวกับเงินวัด หรือคฤหัสถ์คนเดียวของวัด ที่ไปไหนมาไหนได้ไม่เลือกเวลาและสถานที่ ณ พิคาร์ดีแห่งนี้ มีบ้านหลังหนึ่งของ ปิแอร์ และจีเนทท์ โซเรล เป็นจุดรวมสายตาของคริสตชนแห่งพิคาร์ดี เพราะในบ้านมีรูปปั้นนักบวช และซาตานที่มีความวิจิตรทางศิลป์ เป็นเหตุให้ โปล มาบ้านหลังนี้ เพื่อเลือกซื้อประติมากรรมไปติดตั้งที่วัด คริสตชนแห่งพิคาร์ดี มองการมาเยือนของ โปล ด้วยความเอือมระอา เนื่องจากพวกเขามองทะลุการเดินทางของ โปล ว่า ไวยาวัจกรผู้นี้มิได้มาบ้าน ปิแอร์ เพียงเพื่อเป้าหมายคัดกรองประติมากรรมเท่านั้น โดยปกติ ปิแอร์ จะเป็นคนนำรูปปั้นไปส่งที่วัด โปล ซึ่งคอยอยู่ในวัดก็จะควักเงินวัดจ่ายค่ารูปปั้น-ศิลปหัตถกรรมของ ปิแอร์ ตามราคา แต่ โปล ไม่คร้านที่จะมาบ้าน ปิแอร์ “น่าสงสาร จีเนทท์” หญิงสูงวัยคนหนึ่งในบ้านตรงกันข้ามรำพัน “นางเป็นหญิงสวยสด กอปรด้วยคุณงามความดี นับเป็นภรรยารักจริงแท้กับ ปิแอร์ ผู้สามี” “หนูก็จะเป็นเหมือนนางให้ได้” ลูกสาวของหญิงสูงวัยกล่าว “ถ้าหนูได้ชายที่กำยำล่ำสัน และแฮนด์ซัมขนาด ปิแอร์ แต่มันช่างน่าสงสารเหมือนกันนะ ที่ ปิแอร์ เป็นคนไม่ทัน โปล เอาใจ โปล โดยใช้เมียเป็นเกราะกำบัง เพราะเขารู้ดีว่าถ้า โปล ปากเสียเรื่องราวของ ปิแอร์ กับเจ้าอาวาส เพียงเรื่องเดียว การค้าขายของเขากับวัดก็จะล่มจม” จีเนทท์ ต้อนรับขับสู้ โปล ด้วยความกดดัน นางค่อนข้างจะตามอำเภอใจไวยาวัจกรของวัด ตั้งแต่ โปล เอามือมาจับเข่าสีนมสดของนาง จนกระทั่งขอจุมพิต ทั้งหมดนี้เพื่อเห็นแก่ธุรกิจสัมพันธ์ของสามีกับวัดที่ใหญ่โต และมีอิทธิพลสูงกับวัดทั่วไปในภูมิภาค บ่าย 2 โมงของวันนั้น โปล มาบ้าน ปิแอร์ กดกริ่งหน้าประตู และเป็น จีเนทท์ ที่มาเปิดประตู นางหลบสายตาลงต่ำถึงพื้น โปล ขอให้นางนั่งใกล้ชิดกับเขา วันนี้ดูท่า โปล ค่อนข้างจะหิวความรักใคร่ เพราะรู้ดีว่า ปิแอร์ ไม่อยู่ เข้าไปในเมือง กว่าจะกลับคืนเคหะก็ค่ำมืด “ปิแอร์ ไม่อยู่ใช่ไหม ?” “ไม่อยู่ค่ะ” จีเนทท์ ตอบโดยไม่สบตาด้วย “ไปแต่เช้ามืดแล้ว” โปล ก็เริ่มบทบาท ซึ่งปากกังวานอยู่เสียงเดียว “จีเนทท์...จีเนทท์...” “ประเดี๋ยว” จีเนทท์ อุทาน “ฉันเตรียมน้ำร้อนเพื่อชำระร่างกายสำหรับเราสองคนไว้แล้วนะเจ้าคะ” โปล ชะงัก ตื่นเต้นเพราะใบหูสดับฟังเรื่องใหม่ที่ไม่คิดว่าจะได้ยิน “ตะกี้นี้ ออเจ้าพูดว่า สำหรับเราสองคน งั้นรึ ?” “ใช่เจ้าค่ะ ตอนนี้ท่านถอดเสื้อผ้าลงไปรอในถังก่อนนะเจ้าคะ ฉันขอเวลาลั่นกลอนประตูหน้าต่าง สักครู่” ความจริงถังใบนี้ ปิแอร์ ใช้สำหรับผสมปูนเพื่องานประติมากรรมของเขา จีเนทท์ เฝ้ามองดู โปล แก้ผ้าก่อนจะคลานลงถัง “อย่าช้านะ จีเนทท์” เสียงของ โปล สำแดงถึงความสุขที่ร่างกายกระทบอุณหภูมิน้ำในถัง “เร่งมือหน่อยออเจ้า เดี๋ยวน้ำจะเย็นเสียหมด” จีเนทท์ กำลังจะจัดการบานหน้าต่าง ทันทีนั้นนางก็ร้องด้วยความตกตะลึง เมื่อมองออกไปภายนอก “ตายแล้ว...มีคนมา ปิแอร์ ก็มากับเขาเหล่านั้นด้วย” โปล ทะลึ่งสุดตัวเปลือย ลืมสนิทว่ากำลังจะอาบน้ำ ปากสั่นจับความได้ว่า “นี่มันหมายความอย่างไร ?” “ฉันไม่รู้” จีเนทท์ ตอบ “นี่ก็เพิ่งจะบ่ายสองโมง” “แล้วข้าจะซ่อนตัวที่ไหนได้ล่ะ ?” โปล ร้องขณะก้าวตัวเปล่าออกมาจากถังน้ำ “เข้าไปอยู่ในถังเบียร์นั่นก่อน...” โปล พยายามจะเข้าไปซ่อนตัวในถังไม้กลม แต่ความอ้วนของร่างกายแม้ไม่มีเสื้อผ้าก็ไม่สมดุลกับขนาดของถังไม้กลม “ที่ซ่อนอื่นมีอีกไหม ?” เสียง โปล บอกความหนาวเย็น “งั้นก็ยืนข้างรูปปั้นนั่น” นางชี้ไปที่รูปปั้นหนึ่ง “ฉันต้องขออนุญาตละเลงสีลงไปบนหัว และบริเวณใบหน้าของคุณนะเจ้าคะ เพื่อเขาจะได้จำไม่ได้ว่า นี่เป็นคุณ โปล และฉันจะละเลงจนทำให้ทุกคนคิดว่า คุณเป็นรูปปั้นตัวหนึ่งในบ้านนี้” จีเนทท์ ใช้เวลาละเลงสีขาวไม่นาน เสร็จแล้วยื่นคันศรกับธนูให้ โปล บอกว่า “ถือไว้ ทำท่าให้เหมือน นักบุญเซบัสเตียง” อีกพักเดียว แขกก็เข้ามาในบ้าน ปิแอร์ ร้องบอกเมีย เปิดถังเบียร์มาฉลองกันหน่อย “เมียจ๋า ฉันขายรูปปั้นให้วัดเซนต์จอร์จ ได้แล้ว” พวกเขาฉลองกันครึกครื้น ก่อนที่แขกคนหนึ่งจะพูดกับ ปิแอร์ ว่า “ปิแอร์ เหล่าภราดาพูดกันยังไงบ้าง ที่ได้มาเห็นรูปปั้นนักบวชอ้วนลงพุงขนาดนั้น นั่นมันเหมือนคนจริงๆ เลยนะ แล้วคุณก็ไม่ใช้ใบไม้ปิดส่วนสำคัญซะด้วย” ปิแอร์ แสร้งความฉงน เออออห่อหมกกับเพื่อน ขณะเมียของเขาเอ่ยขึ้นว่า “ฉันเตือนเขาแล้ว แต่เขาบอกว่าถ้าปิดด้วยใบไม้ประดิษฐ์ มันก็จะเป็นใบไม้ที่ใหญ่โตเกินของจริง” เพื่อนๆ ที่มากับ ปิแอร์ เห็นพ้องกับคำแถลงของ จีเนทท์ แต่มีคนหนึ่งทักท้วง “ปิแอร์...เอายังงี้ดีกว่าไหม ? ผมคิดว่า คุณควรคิดใหม่ทำใหม่ เพราะถ้าเจ้าวัดมาเห็นแบบนี้มันจะไม่งาม อาจฉวยโอกาสปิดกิจการร้านคุณได้นะ” ปิแอร์ สะดุ้งเฮือก “คุณเชื่ออย่างนั้นรึ ?” “ผมเชื่ออย่างนั้น คุณควรปกปิดดีกว่าปล่อยล่อนจ้อนแบบนี้” ปิแอร์ ถอนหายใจยาวด้วยความเหนื่อยใจ “เพื่อนเอ๋ย ผมรู้ดีถึงเจตนารมณ์อันงดงามของคุณ แต่ผมทำไม่ได้จริงๆ รูปปั้นของผมตอนนี้มันแข็งด้วยปูนปลาสเตอร์ไปทั้งตัวแล้ว จะตอกจะทิ่มทะลวงมันแสนยาก” “ไม่รู้แฮะ” เพื่อน ปิแอร์ ยืนยัน “แต่คุณต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อเห็นแก่ประติมากรรมอันวิจิตรของคุณ” ปิแอร์ ถอนใจอีกครั้ง ก่อนเปล่งเสียงยอมแพ้ “โอเค...ผมคิดออกแล้ว ถ้าปิดไม่ได้เราก็ชำแหละเอามันออกไปเสียเท่านั้น...จีเนทท์ ช่วยหยิบสิ่วกับตะลุมพุกใหญ่ให้ฉันทีเถอะ” สิ้นคำ ปิแอร์ เดินตรงไปที่รูปปั้น และบัดดลนั้น รูปปั้นก็อุบัติชีวิตจริงก้าวเท้าวิ่งตรงออกไปทางประตู ทิ้งรอยเท้าสีขาวโพลนบนพื้นบ้านเป็นทางยาว คนทั้งเจ็ดที่อยู่ในบ้านนั้น พากันหัวเราะจนเนื้อตัวสั่น เสียงหัวเราะของพวกเขากังวานยาวเหมือนหาตำแหน่งสิ้นสุดไม่ได้... 1 อาทิตย์ต่อมา วัดก็ได้ไวยาวัจกรคนใหม่ และคริสตชนแห่งพิคาร์ดีทั้งมวล ต่างถอนหายใจหมดความระอา และหมดความทุกข์...KEEP SMILE...LIFE IS SO BEAUTIFUL...!!!
เรื่องโดย : ข้าวเปลือก
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน กรกฏาคม ปี 2561
คอลัมน์ Online : ประสาใจ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/228910