สัมภาษณ์พิเศษ(formula)
สมปราชญ์ โบสุวรรณ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท มิลเลนเนียม ออโต้ กรุ๊ป จำกัด
“ฟอร์มูลา” สัมภาษณ์พิเศษ สมปราชญ์ โบสุวรรณ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท มิลเลนเนียม ออโต้ กรุ๊ป จำกัด ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ บีเอมดับเบิลยู และมีนี อย่างเป็นทางการในเครือ มาสเตอร์ กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย)ฟอร์มูลา : ขอทราบขอบเขตความรับผิดชอบของคุณ ? สมปราชญ์ : ก่อนที่จะมาดูแลงานที่ มิลเลนเนียม ออโต้ฯ มีหน้าที่รับผิดชอบงานที่ มีนี เพียงบแรนด์เดียว แต่หลังจากย้ายมารับผิดชอบงานที่ มิลเลนเนียม ออโต้ฯ ต้องดูแลการขาย และการตลาด 2 บแรนด์ คือ บีเอมดับเบิลยู และมีนี ซึ่งเป็นงานที่ท้าทายมาก เพราะคาแรคเตอร์ของรถ 2 บแรนด์ มีความแตกต่างกัน โดย มีนี จะเป็นรถนิชมาร์เกท ส่วน บีเอมดับเบิลยู จะสามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้หลากหลาย และเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้มากกว่า ฟอร์มูลา : งานที่รับผิดชอบประสบความสำเร็จมากน้อยเพียงใด ? สมปราชญ์ : ผมเริ่มงานกับ มิลเลนเนียม ออโต้ฯ ตั้งแต่ปี 2543 ดูแลตลาดรถยนต์ บีเอมดับเบิลยู จนกระทั่งปี 2545 มิลเลนเนียม ออโต้ฯ ได้รับแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ มีนี ผมได้ย้ายมาดูแล มีนี ทั้งด้านการตลาด และการขาย จากจุดเริ่มต้นมียอดขายที่หลักหน่วย และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งมียอดขายเฉลี่ยเดือนละ 80 กว่าคัน หรือประมาณ 900 กว่าคัน/ปี เมื่อกลางปี 2559 จนถึงปัจจุบัน ผมได้รับแต่งตั้งให้เป็นรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท มิลเลนเนียม ออโต้ กรุ๊ป จำกัด ดูแลด้านการตลาดและการขาย รถยนต์ มีนี และบีเอมดับเบิลยู ซึ่งทั้ง 2 บแรนด์ ประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย เริ่มจาก บีเอมดับเบิลยู สามารถทำยอดขายตามที่บริษัทแม่ตั้งเป้าได้ทุกปี โดยเฉพาะปีที่แล้ว ที่มียอดขายเติบโตอย่างมาก โดย มิลเลนเนียม ออโต้ฯ มียอดขายถึง 2,600 คัน ซึ่งถ้ารวมรถ เดโม จะมียอดขายโดยรวมทั้งสิ้นถึง 3,000 คัน ช่วยให้ บีเอมดับเบิลยู ประเทศไทย มียอดขายโดยรวมถึงกว่า 10,000 คัน สำหรับ บีเอมดับเบิลยู ในช่วงปี 2543 มีสินค้าที่จำหน่ายอยู่แค่ ซีรีส์ 3, 5 และ 7 ซึ่งจะเป็นแค่รถซีดาน และเอกซ์คลูซีฟ ลักชัวรี แต่เมื่อผมมาดูแล บีเอมดับเบิลยู ปัจจุบันนี้ มีโมเดลใหม่เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็น เอกซ์ ซีรีส์ ที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าไลฟ์สไตล์ หรือแม้แต่ ซีรีส์ 3 ก็ยังมีรุ่นย่อยแยกออกมาไม่ว่าจะเป็น สปอร์ท เอม ทำให้มีความหลากหลายในสินค้า และกลุ่มลูกค้า ซึ่งนอกจากโมเดล และเครื่องยนต์ ที่บีเอมดับเบิลยู นำมาสร้างความหลากหลายให้สินค้า ในอนาคต บีเอมดับเบิลยู ยังมีโมเดลใหม่ ตอบสนองความต้องการต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น พลัก-อิน ไฮบริด รถไฟฟ้า เอม เพาเวอร์ ในวันนี้ คนไทยมีโอกาสได้สัมผัส สินค้าไฮไลท์ ของ บีเอมดับเบิลยู โดยมี บีเอมดับเบิลยู ลีซิง ทำให้คนไทยเป็นเจ้าของ บีเอมดับเบิลยู ได้ง่ายขึ้น ส่วน มีนี ก็จะมีรุ่นใหม่เข้ามาเสริม จากอดีตจะมีแค่ วัน คูเพอร์ คูเพอร์ เอส แต่ปัจจุบันมีรุ่นใหม่ เช่น คลับแมน คันทรีแมน และ จอห์น คูเพอร์ เวิร์ค ในราคาแค่ 3 ล้านกว่าบาทเท่านั้น ฟอร์มูลา : มิลเลนเนียม ออโต้ฯ มีแผนที่จะขยายโชว์รูมเพิ่มอีกหรือไม่ ? สมปราชญ์ : ปัจจุบัน มิลเลนเนียม ออโต้ฯ มีโชว์รูมพร้อมศูนย์บริการรถยนต์ บีเอมดับเบิลยู และมีนี รวมทั้งสิ้น 8 แห่ง โดยแบ่งเป็นสาขาใน กรุงเทพฯ 4 แห่ง คือ ลาดพร้าว, พระราม 4, พระราม 3, และสยามพารากอน ในต่างจังหวัดจะมีที่ อุบลราชธานี, หาดใหญ่, ภูเก็ต และสุราษฎร์ธานี ซึ่งสาขาทั้ง 8 แห่ง สามารถสร้างยอดขายให้กับ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ปฯ ได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ซึ่งเป็นผลจากการทำงานของ มิลเลนเนียม ออโต้ฯ ที่มีฐานลูกค้าที่ชัดเจน เนื่องจากเรา ให้ความสำคัญกับการให้บริการหลังการขาย การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง ทำให้ลูกค้าเกิดรอยัลที เพราะสิ่งที่ มิลเลนเนียม ออโต้ฯ มอบให้ลูกค้าไม่ใช่แค่รถ แต่เป็นพันธะทางใจที่เราจะดูแลลูกค้าตลอดอายุการใช้งาน ปัจจุบัน พนักงานขายยังสามารถทำยอดขายได้เท่ากับยอดขายที่บริษัทแม่กำหนด แต่ในอนาคต หากบริษัทแม่กำหนดยอดขายเพิ่มขึ้น และพนักงานขายของเราไม่สามารถทำได้ นั่นคือผมอาจจะต้องเพิ่มสาขา แต่การขยายสาขาของ มิลเลนเนียม ออโต้ฯ เป็นการตัดสินใจของผู้ใหญ่ 8 สาขา วิธีการมอง มองเหมือนกับยอดขาย ถ้ามียอดขายเท่ากับยอดขายที่ได้ในปัจจุบัน ถ้าเพิ่มยอดขายให้กับเซลล์ พนักงานได้เดือนละ 4 คัน แต่ถ้าวันหนึ่งเราเพิ่มยอดขายให้พนักงานเป็น 6 คัน 10 คน พนักงานไม่ไหว นั่นแหละถึงมองที่การเพิ่มสาขา แต่การขยายสาขานั้นต้องพิจารณาถึงความต้องการด้วย ว่ามีมากน้อยเพียงใด ซึ่งอันดับแรกการเพิ่มยอดขายต้องเพิ่มพนักงานขายเพื่อให้เกิดสมดุล ไม่ใช่เป็นการลงทุน แต่ถ้ายอดขายที่เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนที่เกินกว่าพนักงานขายรับได้ หรือแม้แต่ความจำเป็นต้องขยายสาขาจริงๆ การตัดสินใจต้องดูที่ผู้บริหารว่าพร้อม และมีความต้องการหรือไม่ ฟอร์มูลา : ปัจจุบัน มิลเลนเนียม ออโต้ฯ มีฐานลูกค้าประมาณเท่าไร ? สมปราชญ์ : ฐานลูกค้าของ บริษัทฯ แยกออกเป็น 3 ส่วน ส่วนแรก คือ ลูกค้าที่ออกรถกับบริษัทฯ 15 ปี ที่ผ่านมา รวมแล้วประมาณ 15,000 คัน ส่วนที่ 2 ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการเป็นลูกค้าที่ซื้อจากเราประมาณ 15,000 คัน รวมกับที่ซื้อจากที่อื่น แต่เลือกมาใช้บริการของ มิลเลนเนียม ออโต้ฯ และส่วนที่ 3 ลูกค้าที่ต้องการซื้อรถ โดยเข้ามาในโชว์รูม หรือในงานต่างๆ มีอยู่ประมาณ 30,000-40,000 ราย ซึ่งต้องคัดกรองอีกทีว่ามีความพร้อมมากน้อยเพียงใด ฟอร์มูลา : บีเอมดับเบิลยู จะเป็นผู้นำในตลาดรถหรูได้ไหม ? สมปราชญ์ : ทุกค่าย ทุกสินค้า มีจุดเด่น มีข้อดี การแข่งขันจะเน้นที่การบริการหลังการขาย ทำให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจ กลับมาซื้อใหม่ นอกจากนี้ รถ บีเอมดับเบิลยู ยังผลิตในประเทศ ราคาลดลงจากเดิมที่เป็นรถนำเข้า เหลือแค่ 2 ล้านกว่าบาท วันนี้กลุ่มลูกค้ารถญี่ปุ่น มีโอกาสจับต้องรถหรูมากขึ้น ทำให้ทุกสิ่งเกิดขึ้นได้ และทุกค่ายก็มีความต้องการ ฟอร์มูลา : ตลาดรถมือสองของ บีเอมดับเบิลยู และมีนี เป็นอย่างไร ? สมปราชญ์ : ตลาดรถมือสองของ บีเอมดับเบิลยู และมีนี เติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปีละกว่า 10 % อีกทั้งหลังจากที่ บีเอมดับเบิลยู รุกตลาดด้วยการนำรถยนต์ในกลุ่มใหม่เข้ามาทำตลาด โดยเฉพาะรถอเนกประสงค์ ในตระกูล เอกซ์ ทำให้ลูกค้ามีทางเลือกหลากหลาย ส่งผลให้รถ บีเอมดับเบิลยู เติบโตอย่างมาก ทั้งรถใหม่ และรถมือสอง รวมถึงยังมีรถใหม่ออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้น โดยปกติรอบการเปลี่ยนรถผลักดันให้มีรถมือสองเพิ่มขึ้น ลูกค้าต้องการรถมือสองเพิ่มขึ้น ดังนั้นในปีนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าเติบโตเพิ่มขึ้น 15-20 % เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ทั้งในส่วนของบีเอมดับเบิลยู และมีนี รถใหม่ และรถมือสอง โดยสาเหตุที่เติบโตเพิ่มขึ้นเป็นผลจากราคาไม่แตกต่างกับรถใหม่ป้ายแดงของญี่ปุ่น นอกจากนี้ ที่ผ่านมา บีเอมดับเบิลยู ได้มี พโรแกรมผ่อนชำระให้เป็นเจ้าของรถ บีเอม ดับเบิลยู ได้ง่ายขึ้น จึงทำให้มีรถทเรดอินเข้ามาในตลาดมากขึ้น ฟอร์มูลา : นโยบายการเปลี่ยนป้ายแดงภายใน 1 เดือน ของกรมการขนส่งทางบก ส่งผลกระทบอย่างไรกับตลาดรถมือสอง ? สมปราชญ์ : บริษัทฯ มีความกังวลว่าจะส่งผลกระทบด้านโครงสร้างราคารถมือสอง โดยเฉพาะในกลุ่มรถยนต์ผู้บริหาร รถยนต์ที่ใช้แสดง และรถเดโม ที่มาจำหน่ายเป็นยูสด์คาร์ ฟอร์มูลา : คุณมองว่าการแข่งขันในตลาดรถพรีเมียมจะเป็นอย่างไร ? สมปราชญ์ : ในมุมมองของผม ปัจจุบันรถยนต์ระดับพรีเมียมทุกค่ายมีเทคโนโลยี ดึงดูดตามความต้องการของลูกค้า ขึ้นอยู่กันว่าแต่ละค่าย จะรักษาฐานลูกค้า การแข่งขันทุกค่ายมีเหมือนกันหมด ลูกค้าจะเป็นคนเลือก คนที่รู้ใจ ใช้ความมั่นใจ โดยทุกบริษัทจำเป็นที่จะต้องเก็บลูกค้าเก่าไว้ มองหาลูกค้าใหม่ การเก็บลูกค้าเก่า ต้องดูแลหลายส่วนให้ลูกค้าพึงพอใจมากที่สุด สำหรับ บีเอมดับเบิลยู มุ่งเน้นวัดผลอย่างจริงจัง โดยใช้ CUSTOMER SELECTION โดยใช้การวัดผลการให้บริการของพนักงานขาย ก่อนขาย ช่วงขาย และหลังการขาย วัดผลอย่างไร ดีอย่างไร มีแนวทางแก้ไขอย่างไร จนถึงปัจจุบัน เปลี่ยนจาก CUSTOMER SELECTION มาเป็น VOICE OF CUSTOMER การนำความคิดเห็นของลูกค้า มาร่วมวิเคราะห์ร่วมกันระหว่าง บีเอมดับเบิลยู กับดีเลอร์ หาแนวคิด แก้ไขปัญหา ซึ่งถือเป็นการปลูกฝังให้ดีเลอร์คิดในทิศทางเดียวกัน เพื่อดึงดูดลูกค้าในเรื่องการบริการหลังการขาย ฟอร์มูลา : คุณวางเป้าหมายไว้อย่างไร ? สมปราชญ์ : ผมมีคติ ยิ่งกลัว ยิ่งอยากทำ ถือเป็นความท้าทาย เพราะฉะนั้น รู้สึกว่า ถ้าเราถอย ไม่ลงมือทำ เราก็รู้สึกว่าไม่ได้เริ่มต้น ทำแล้ว ก็ต้องทำให้ดีที่สุด ให้ความไว้วางใจ ให้เราดูแล ถ้าพูดถึง มิลเลนเนียม ออโต้ฯ มีเป้าหมาย นโยบายที่ชัดเจน ผมก็ยังรักษาเป็นที่ 1 ของ ตัวแทน บีเอมดับเบิลยู ทั้งยอดขาย การให้บริการ ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง นั่นคือ ความตั้งใจสูงสุด และถือเป็นเป้าหมาย ฟอร์มูลา : คุณมองรถยนต์ในอนาคตอย่างไร ? สมปราชญ์ : ย้อนกลับไปในยุครถโบราณ รถในอดีต จะมีล้อใหญ่ เหมือนล้อเกวียน มีดุมล้อ ยาง ซึ่งในยุคนั้น คนก็ไม่เคยคิดว่ารถจะมีเครื่องยนต์ รถวิ่งได้โดยใช้น้ำมัน มีล้อกระทะ ล้อแมก และวันนี้ในอีกยุคหนึ่ง อาจเปลี่ยนจากเครื่องยนต์ เป็นไฟฟ้า แต่เราก็ตอบไม่ได้ว่า ยุคนี้ เป็นยุคปลายของเครื่องยนต์ รถเทคโนโลยีแบบนี้เป็นปลายหรือยัง ขยับก้าวผ่านเป็นไฟฟ้า อีกเทคโนโลยีหนึ่ง ไม่มีใครคาดเดาได้ แต่จะมาแน่ๆ แต่อนาคตนั้นจะอยู่อีกกี่ปี ปีนี้ อีก 3 หรือ 4 ปี
เรื่องโดย : นุสรา เงินเจริญ
ภาพโดย : สายชล อรรถาเวช
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน มิถุนายน ปี 2561
คอลัมน์ Online : สัมภาษณ์พิเศษ(formula)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/225990