รอบรู้เรื่องรถ
เคล็ดลับขับเร็ว แต่ตายช้า
ผมเชื่อว่าผู้อ่านเกือบทุกคน ต้องเคยได้ยินประโยคนี้ จากคนที่กำลังมองของจริง หรือดูรูปรถที่ใช้เครื่องยนต์กำลังสูงมาก ทำความเร็วได้เกิน 250 หรืออาจจะเลย 300 กม./ชม. ด้วย “ซื้อไปทำไม ไม่มีถนนที่ไหนในประเทศนี้ให้วิ่ง” หรือไม่ก็อาจจะเป็นฝ่ายพูดเอง ซึ่งที่จริงความเห็นนี้ก็เป็นความจริงเกือบทั้งหมดนะครับ แต่รถเหล่านี้ก็ยังคงขายดิบขายดีมาทุกยุคทุกสมัย เป็นเพราะคนที่จ่ายเงินจำนวนมากเพื่อซื้อรถพวกนี้ ไม่รู้ปัญหานี้หรือครับตอบได้ทันทีเลยว่า ไม่ใช่อย่างแน่นอน เพราะไม่ต้องใช้ความฉลาดเฉลียวอะไรเลย ที่จะเข้าใจปัญหาที่ว่านี้ และคนที่หาเงินมาซื้อรถระดับนี้ได้ ไม่ใช่พวกฉลาดน้อยเป็นพิเศษอย่างแน่นอน ผมขอแยกผู้ที่ซื้อรถประเภทนี้ ออกเป็น 3 กลุ่ม อย่างไม่เป็นทางการนะครับ กลุ่มแรก ไม่ได้สนใจเรื่องความเร็ว หรือความแรง อะไรทั้งสิ้น ซื้อเพราะเงินมันเหลือ หรือเพราะมันเป็นของหายาก มีผู้ครอบครองจำนวนน้อย ช่วยให้ได้รับการยอมรับในสังคมโดยไม่ต้องใช้การบรรยายประกอบ โดยเฉพาะในสังคมไทย ที่กำลังหลับหูหลับตา ยกย่องคนรวย โดยไม่ต้องรู้วิธีการหรือที่มาของทรัพย์สิน พูดง่ายๆ ก็คือ ถึงจะโกงชาติปล้นทรัพยากรของแผ่นดินหรือโกงใครมา ก็ไม่มีใครสนใจหรือตั้งแง่สงสัยอะไรทั้งนั้น แต่ถ้าใช้เงินที่ได้มาโดยชอบธรรม สุจริต ผมไม่ขัดข้องนะครับ ที่จริงยิ่งกว่านี้ครับ คือ เห็นด้วยเต็มที่ เพราะถ้าเศรษฐีทั้งหลาย พร้อมใจกันงก ไม่ยอมใช้เงิน ก็จะไม่มีเงินสะพัด ธุรกิจหลายอย่างสะดุดกึก ติดพันฉุดรั้งกันเป็นทอดๆ เศรษฐกิจของชาติชะงักงันหมด ถ้าซื้อไหว ไม่เดือดร้อนใคร อย่ารีรอครับ แล้วจะเห็นเองว่า บางกรณีวัตถุก็ทำให้เรารู้สึกดีมีชีวิตชีวาขึ้นกว่าเดิมได้ และถ้าจะให้ดี อย่าลืมแบ่งไปเอื้อเฟื้อ เจือจานผู้ด้อยโอกาส ซึ่งมีอยู่มากมายครับ กลุ่มที่สอง เป็นพวกที่รู้คุณค่า ชอบรูปลักษณ์ สมรรถนะ เสียงเครื่องยนต์ อาจจะเป็นพวกที่ขอลองทำความเร็วสูงสุดดูสักครั้ง หรืออาจเป็นพวกที่ไม่ต้องการลองเลยก็ได้ ผู้ที่ไม่เคยลองขับรถที่ทำความเร็วสูงสุดได้สูงมาก จำนวนไม่น้อยยังไม่เข้าใจว่า หากไม่เอามาใช้งานที่ความเร็วสูง แล้วจะซื้อมาทำไมให้เปลืองเงิน ถ้าไม่ได้เป็นพวกที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มแรก มีเหตุผลที่ดีรองรับครับ รถที่ทำความเร็วได้สูง จะต้องมีเครื่องยนต์กำลังสูงขับเคลื่อน จึงจะส่งแรงที่ล้อดันตัวรถให้สู้กับแรงต้านอากาศไหว และแรงต้านอากาศนี้ ก็ไม่ได้เพิ่มตามส่วนแบบตรงไปตรงมากับความเร็วนะครับ แต่ตามความเร็วยกกำลังสอง การจะเพิ่มความเร็วของรถขึ้นไปเป็นสองเท่า ไม่ได้ใช้กำลังของเครื่องยนต์ 2 เท่า แต่เป็น 4 เท่า คือ 2 ยกกำลังสอง ยกตัวอย่างหยาบๆ เช่น ถ้ารถคันหนึ่งมีเครื่องยนต์ให้กำลังสูงสุด 80 แรงม้า และทำความเร็วสูงสุดได้ 150 กม./ชม. ถ้าจะให้รถคันนี้ทำความเร็วได้ 300 กม./ชม. จะต้องใช้เครื่องยนต์ 320 แรงม้า หรือ 80 คูณ 4 นั่นเอง เป็นค่าประมาณนะครับ ของจริงมีเรื่องแรงเสียดทานของยาง และฟันเฟืองของระบบขับเคลื่อนเข้ามาเกี่ยว ข้องด้วย แต่ก็ต่างไปจากนี้ไม่มาก แล้วเราจะได้อะไรจากการใช้เครื่องยนต์กำลังสูงเหลือเฟือ ในการขับที่ความเร็วต่ำกว่าที่รถทำได้มากมาย มีหลายข้อด้วยกันครับ อย่างแรกก็คือ “ความมัน” กำลังของเครื่อง ยนต์จะช่วยให้รถมีอัตราเร่งสูงมาก ตั้งแต่เกียร์ 1 ซึ่งมีค่าสูงสุด และค่อยๆ ลดลงไป ตามความเร็วที่เพิ่มขึ้น แล้วยังมีเสียงจากปลายท่อไอเสีย (ถ้าเป็นรถสปอร์ท) มาเสริมให้รู้สึกดีขึ้นไปอีก ในส่วนนี้ผมขอเตือนเลยว่า ถ้าอยากจะฟังขณะขับรถ ให้เร่งเต็มที่เฉพาะบนทางด่วน ทางโล่งปราศจากผู้คนในระยะใกล้เคียงครับ ส่วนใหญ่ฟังจากที่นั่งคนขับ หรือผู้โดยสาร ไม่เคยรู้ว่าความดันของคลื่นเสียงระดับนี้ มันทำร้ายผู้คนบริสุทธิ์ที่เดินข้างทาง ไม่มีใครออกมาด่า หรือส่งสัญญาณต่อว่าเราได้ทันหรอกครับ เราต้องรู้เองและระวังให้มาก ไม่ใช่ถือว่าไม่ได้ยินเสียอย่าง ว่าใครจะก่นด่าบรรพบุรุษของตระกูล หรือสาปแช่งให้เราตายเร็วที่สุด ข้อดีที่แท้จริงก็มีนะครับ ซึ่งก็คือความปลอดภัยขณะแซง แม้ว่าในยุคนี้ถนนสายหลักของประเทศเรา จะแบ่งทิศทางแยกกันชัดเจนก็ตาม รถที่มีกำลัง (ต่อน้ำหนัก) สูง และมีอัตราเร่งสูง จะใช้ระยะทางและเวลาในการแซงน้อย โอกาสที่จะประเมินระยะผิดพลาดและแซงไม่พ้น จึงลดน้อยลงตามไปด้วย
- เราจะรู้สึกได้เลยว่ามันมีเสถียรภาพเหลือเฟือ ให้ความมั่นใจ การเปลี่ยนทิศทางเป็นไปอย่างแม่นยำ การเบรคที่ให้ความรู้สึกทันที ว่ายังมี “พลังสำรอง” อีกเหลือเฟือ
- ถ้าจะพิสูจน์ฝีมือ หรือแสดง “ความเก่ง” ต้องไปเช่าสนามแข่งรถ ยามที่ไม่มีการแข่งขัน แล้วจับเวลาต่อรอบ หรือวัดความเร็วเทียบกันเท่านั้น
เรื่องโดย : เจษฎา ตัณฑเศรษฐี
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน มิถุนายน ปี 2561
คอลัมน์ Online : รอบรู้เรื่องรถ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/225960