ประสาใจ
สุภาพบุรุษสุดสุข
เมื่อได้ยินเสียงเตือนอย่าลืมประสาใจจากสำนักงาน ก่อนอื่นข้าพเจ้ารู้สึกตัวว่าสูงวัยพอสมควร ภารกิจในการส่งต้นฉบับประจำเดือนของข้าพเจ้าจำเป็นต้องเปล่งเสียงเตือน ถัดมาข้าพเจ้าคิดว่า เมื่อเป็นเรื่องราวของหัวใจ มันคือประสาหัวใจ ช่างคาดยากเดายากโดยแท้เมื่อข้าพเจ้าลงมือเขียนเรื่องวันนี้ สังคมของเรากำลังตื่นเต้นกับข่าวนักธุรกิจผู้ยิ่งใหญ่กับพวกรวม 4 คน ถูกควบคุมตัวในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร เขตกาญจนบุรี เหตุเกิดหลังจากมีการตรวจค้นพบซากสัตว์ป่าคุ้มครอง ทั้งเสือดำ และไก่ฟ้าหลังเทา อีกทั้งตรวจพบปืนไรเฟิลติดลำกล้อง และกระสุนปืนอีกจำนวนหนึ่ง คณะของท่านถูกดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พศ. 2535 เป็นประเด็นสำคัญ ข้าพเจ้ารู้สึกว่า เรื่องราวนี้เป็นเรื่องประสาใจ ความเร้นลับอย่างหนึ่งที่คนเราจะเข้าใจได้หนีไม่พ้น ความปรารถนาแห่งห้วงหัวใจ อิทธิพลของมันอยู่เหนือความเข้าใจ เหนือความนึกคิด และเหนือกว่าภูมิปัญญา หรือเหนือกว่าวิชาการใดๆ ในโลก หลายชีวิตที่มีหัวใจ เรียกร้องหาใครสักคนช่วยออกคำสั่งให้กับชีวิตของเขา มันคืออันตรายที่คนหนึ่งคนใดจะบงการชีวิตของผู้อื่น ราวกับพรหมประกาศิต หนึ่งในคนใดคนหนึ่งที่กล่าวมานั้น คือ ข้าพเจ้าเอง ทุกครั้งที่มีใครมาขอคำแนะนำในการดำเนินชีวิต ข้าพเจ้าจะเกิดความลังเลใจต่อการชี้นำอย่างอาจเอื้อม ข้าพเจ้าเห็นว่า ก่อนจะแนะนำใครคนใด ใครคนนั้นจักต้องรู้จักข้าพเจ้าดีพอ เท่าๆ กับที่เขารู้จักตัวเขาเอง แล้วมันช่างน่าขัน ขณะที่ข้าพเจ้ารู้ทุกอย่างในตัวข้าพเจ้าโดยไม่ครบถ้วน กลับต้องอาศัยความคาดคะเน ความนึกคิด และอารมณ์ของคนอื่นซึ่งข้าพเจ้าไม่รู้อะไรในตัวของเขาเลย มันมีประโยชน์จริงหรือ สำหรับคนเราจะสื่อสารกันและกันด้วยสัญญาณอันหาความหมายมิได้ กี่ครั้ง ที่ข้าพเจ้าเจอคนที่ตัดสินใจนำชีวิตเข้ารกเข้าพง ทุกครั้ง ก่อให้ข้าพเจ้าเกิดความรู้สึกสะอิดสะเอียนที่จะต้องเป็นผู้ให้คำแนะนำแก่ผู้อื่น ว่าไปแล้ว ชีวิตคนเราก็เป็นธุรกิจอย่างหนึ่งที่ยากลำบากต่อการค้าขาย ไม่ว่าขายตรง หรือ อี-คอมเมิร์ศ ข้าพเจ้ายอมรับว่าเป็นคนไม่มีภูมิปัญญาพอที่จะตัดสินชะตากรรมแก่คนอื่น แต่จะทำอย่างไร ในเมื่อเขาเหล่านั้นพบชีวิตเป็นเรื่องสับสน มืดมัวและพร่างพราย จำเป็นต้องมีใครสักคนชี้ทางเดิน นับถอยหลังไปถึงสมัยที่ข้าพเจ้าเป็นอาจารย์หนุ่มแน่น สัมผัสกับชีวิตรอบตัวด้วยความรู้สึกแปลกใหม่ที่ต่างกับปัจจุบันซึ่งเห็นเป็นธรรมดา เป็นเรื่องที่เกิดแล้วเกิดเล่าอย่างน่าเบื่อหน่าย บ่ายวันนั้น ข้าพเจ้าว่างพอสำหรับการพักผ่อนอย่างเงียบๆ มีคนแปลกหน้าคนหนึ่งขอพบ ระบุว่า การขอพบข้าพเจ้าเป็นการถูกต้องไม่ผิดฝาผิดตัว "ผมขออภัยที่มารบกวนอาจารย์" เขากล่าว "ผมชื่อ พิทักษ์ เป็นหมอเหมือนกับอาจารย์ครับ" ข้าพเจ้ายอมรับ และอยากรู้ความประสงค์ในการมารบกวนชั่วโมงพักผ่อนของเรา "ผมได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับเมืองฟ้าหลวงเชียงราย ที่อาจารย์เป็นผู้เขียนครับ" "นั่นเป็นหนังสือที่ไม่ดีอีกเล่มหนึ่งของผม" ข้าพเจ้ากล่าวอย่างจริงใจ "ดีหรือไม่ดี แต่สิ่งที่ผมเห็น คือ อาจารย์มีรายละเอียดอีกมากเกี่ยวกับเชียงราย" "โอเค" ข้าพเจ้ายิ้มๆ "ถ้ามีอะไรที่ผมพอจะตอบหมอได้ ผมก็ยินดี" พิทักษ์ เงียบไปสักประเดี๋ยว ก่อนกล่าวว่า "ผมต้องขออภัยอาจารย์จริงๆ นะครับ ขอเล่าเรื่องส่วนตัวของผมให้อาจารย์ฟังก่อนเป็นเบื้องต้น" "โอเค" "ผมกำพร้าพ่อแม่ตั้งแต่เล็ก ไม่เคยเดินทางไปที่ใด แต่งงานมา 4 ปี ยังไม่มีบุตรแม้แต่คนเดียว" ผมสังเกต พิทักษ์ ระหว่างเขาเปิดเผยเรื่องส่วนตัว พิทักษ์ เป็นคนร่างเล็กค่อนข้างจะอ้วนเตี้ย ความสูงปกติ ใบหน้าของเขาดูจะกำพร้าไปหลายสิ่ง มีเรือนผมสีดำเท่านั้น เป็นสิ่งมีชีวิต เป็นประกายยามเคลื่อนไหว "ชีวิตความเป็นหมอ สำหรับผมมันคือ ความจำเจซ้ำซากทุกวี่วัน วันนี้ก็เหมือนวานนี้ และเมื่อวานมันก็มารอพบผมอีกในวันพรุ่งนี้ หลายครั้งที่ผมเฝ้าคิดว่า ชีวิตผมคงจะซ้ำซากเช่นนี้ตลอดไปจนสิ้นลมหายใจ ผมถามอาจารย์ว่า ชีวิตแบบนี้คุ้มค่าหรือครับ ?" "แต่มันเป็นเรื่องของความเป็นอยู่" ข้าพเจ้าติง "ข้อนั้นผมทราบครับอาจารย์ รายได้ผมไม่น่าเกลียด แต่มันไม่ช่วยให้ผมมีความสุข" "เดี๋ยวก่อนหมอ" ข้าพเจ้าท้วง "นี่คุณมาหาผมด้วยเรื่องอะไร ?" "ผมอยากถามอาจารย์ครับว่า ชีวิตความเป็นหมอของผมพอเป็นไปได้หรือไม่ ถ้าผมจะไปอยู่เมืองฟ้าหลวง นี่ผมยังหาเหตุผลไม่ได้นะครับอาจารย์ แค่นึกแค่ฝันเท่านั้น" ถึงตอนนี้ ข้าพเจ้ามั่นใจว่า หมอพิทักษ์ อ่านหนังสือข้าพเจ้าจริง มโนเกี่ยวกับการดำรงชีวิตในเชียงรายจึงเกิดขึ้น สายลม-แสงแดด และความศักดิ์สิทธิ์แห่งปูชนียสถาน ดูจะเป็นหมอชั้นเอกในการบำบัดความจำเจซ้ำซากให้ชีวิตของเขา "ภรรยาหมอยินดีเรื่องอย่างนี้ด้วยหรือเปล่า ?" "เธอเต็มใจครับ อาจารย์" "ถึงอย่างไร ผมขอเตือน เรื่องนี้เสี่ยงสำหรับการชี้นำ อนาคตเป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับตัวของเราเอง หมอต้องตัดสินใจเอง ไม่ใช่เอาอนาคตทั้งชีวิตมามอบให้ผมชี้นำ" พิทักษ์ สีหน้าไม่ดีเลย ข้าพเจ้ากล่าวต่อไปว่า "สิ่งที่ผมบอกหมอได้วันนี้ คือ ถ้าหมอไม่ปรารถนารายได้งาม ต้องการมีรายได้ที่พอเพียงแก่การทำให้ร่างกาย และวิญญาณของหมอมีชีวิตดำเนินต่อไปแล้ว ผมก็คิดว่า หมอน่าจะไปได้ ผมคิดว่าเชียงรายจะเป็นชีวิตใหม่ของหมอได้" คำบอกของข้าพเจ้าช่วยให้เขาลากลับ เรื่องของเขาอยู่ในหัวข้าพเจ้าไม่กี่วัน หลายปีต่อมาข้าพเจ้ามีโอกาสไปเชียงราย พบว่าเมืองฟ้าหลวงวันนี้เปลี่ยนแปลงไปมาก เปลี่ยนจากวันที่ข้าพเจ้าบอกสุภาพบุรุษคนหนึ่งให้มาเปลี่ยนชีวิตที่นี่ ไม่ยากมากเท่าไรที่ข้าพเจ้าจะควานหาที่อยู่ของ หมอพิทักษ์ จากโรงแรมที่พัก เมื่อทราบแล้วข้าพเจ้านั่งสามล้อตรงไปบ้านของเขาทันที ข้าพเจ้าได้รับการต้อนรับอย่างคาดไม่ถึง เป็นความตื่นเต้นสุดขีดของเขาที่ได้พบข้าพเจ้า ขณะเดียวกัน บ้านของ พิทักษ์ เป็นความราบเรียบ ไม่มีอะไรโลดโผน ทุกอย่างในบ้านนั้นยืนยันความเป็นอยู่อย่างเรียบๆ ของเจ้าของบ้าน "ผมไม่เคยลืมพระคุณอาจารย์ ขอบพระคุณจริงๆ ครับ" พิทักษ์ เป็น หมอพิทักษ์ คนใหม่ สีหน้าและร่างกายของเขาเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่มีความสุข เขาเตี้ยลงไปกว่าเดิมเพราะความอ้วน ข้าพเจ้าชื่นชมสุภาพบุรุษผู้มีความสุข หมอพิทักษ์ สังเกตข้าพเจ้าเหลียวหน้าเหลียวหลังจึงส่งสายตาไปยังประตูหน้าบ้าน ข้าพเจ้ามองเห็นผู้หญิงคนหนึ่งกับเด็กแต่งชุดนักเรียนกำลังเข้ามา หมอพิทักษ์ แนะนำข้าพเจ้าว่าเธอเป็นภรรยาคนใหม่ ครองเรือนด้วยกันมาสิบกว่าปี เด็กวัย 8 ขวบคนนั้น คือ บุตรของเขา-เป็นสิ่งที่หายไปในอดีต เมื่อสองคนแม่ลูกแยกตัว หมอพิทักษ์ จึงเล่าให้ข้าพเจ้าฟังว่า ภรรยาคนเดิมของเขาขอแยกทางกลับไปสู่แสงสีของกรุงเทพฯ "อาจารย์ครับ" หมอพิทักษ์ กล่าว "ชีวิตคนเราเต็มไปด้วยสิ่งชดเชย อาจารย์กรุณาบอกความสำคัญอย่างยิ่งให้กับผม ขอพูดตรงๆ ครับอาจารย์ ชีวิตของผมที่นี่มีความจน แต่สาบานได้เลยว่า ผมมีความสุขอย่างล้นเหลือ ชีวิตของผมขณะนี้ ผมไม่ขอแลกกับชีวิตมหาเศรษฐีคนหนึ่งคนใดในโลกนี้ดอกครับ อาจารย์" หมอพิทักษ์ ไม่เหลืออะไรในอดีตที่เขาขอพบข้าพเจ้าเมื่อหลายปีก่อน เขาเป็น หมอพิทักษ์ คนใหม่ น่าอัศจรรย์ราวพรหมประกาศิต หมอพิทักษ์ ตรงหน้าข้าพเจ้าวันนี้ เป็นสุภาพบุรุษสุดสุขคนหนึ่งอย่างไม่น่าเชื่อ...!!!
เรื่องโดย : ข้าวเปลือก
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน เมษายน ปี 2561
คอลัมน์ Online : ประสาใจ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/217096