รู้ลึกเรื่องรถ
ทีเด็ดของ เอาดี เอ 8 ใหม่
เราได้เห็นการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ในภาพยนตร์หลายเรื่อง อาทิ เจมส์ บอนด์ 007 หรือ มิชชัน อิมพอสซิเบิล และล่าสุดผู้ผลิตรถยนต์เจ้าดังจากเยอรมนีก็แอบแย้มให้ได้เห็น แง่มุมเล็กๆ น้อยๆ ทั้งด้านรูปลักษณ์และความสามารถของรถรุ่นใหม่ “เอาดี เอ 8” ยุคที่ 4 ในภาพยนตร์ซูเพอร์ฮีโรฟอร์มยักษ์อย่าง “ไอ้แมงมุม” ตอนล่าสุด “โฮมคัมมิง”ในภาพยนตร์นั้นเราได้เห็นรูปลักษณ์ภายนอกและภายในของ เอาดี เอ 8 ใหม่ในเวลาสั้นๆ แต่ก็ทำให้รู้สึกได้ทันทีว่า มันยังคงมีบุคลิกภาพที่เป็นเอกลักษณ์อย่างที่คุณคาดหวังได้จากบแรนด์ เอาดี นั่นคือ มีความเฉียบคมของเส้นสาย และมีการออกแบบภายในที่ล้ำสมัย ด้วยการใช้จอภาพความละเอียดสูงเข้ามาแทนปุ่มกด และหน้าปัดแบบที่เราคุ้นเคย ระบบจอภาพแบบสัมผัสในรถยนต์ทั่วๆ ไปนั้น หรือแม้กระทั่งบนสมาร์ทโฟนก็ตาม การควบคุมโดยการกดไปบนจอภาพเรียบแข็ง ไม่ได้ให้ความรู้สึกถึงความมั่นใจในการสั่งงาน เหมือนปุ่มกดแบบดั้งเดิมที่เราสามารถรู้สึกถึงการ “สั่งงาน” ที่ชัดเจน และมั่นใจได้ว่า มีการกระทำอย่างที่ต้องการไปแล้ว นักออกแบบของ เอาดี ตระหนักถึงความรู้สึกนี้ดี โดยระบบสัมผัสที่ เอาดี เอ 8 (รวมถึงรุ่นอื่นๆ ในอนาคต) จะมีระบบสนองกลับ (HAPTIC FEEDBACK) ที่นอกจากจะเป็นเสียง “คลิค” เบาๆ ที่คัดสรรมาแล้วว่า เหมือนกับเสียงกลไกอันเที่ยงตรงของกล้องถ่ายรูปจากเยอรมนี และ “สั่นสะเทือน” เบาๆ ให้เราได้รับรู้ว่ามีการตอบสนองการสั่งงานเรียบร้อยแล้ว ยิ่งกว่านั้น ยังรองรับรูปแบบการเขียนตัวอักษรด้วยการลากนิ้วมือบนจออีกด้วย ช่วยแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจากระบบจอสัมผัสได้ไม่น้อย ในภาพยนตร์ยังได้แสดงให้เห็นความสามารถด้าน “การขับอัตโนมัติ” หรือ (AUTON-OMOUS DRIVING) สำหรับช่วงการจราจรคับคั่ง เอาดี เรียก “ระบบทแรฟฟิค แจม ไพลอท” (TRAFFIC JAM PILOT) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีระดับ “ไฮไลท์” ของรถรุ่นนี้ ที่คุณสามารถละมือจากพวงมาลัย และละสายตาออกจากการจราจรได้ราวกับเป็นเพียงผู้โดยสาร ปล่อยให้รถขับไปเองโดยอัตโนมัติ เป็นหนึ่งในความสามารถมากมายของรถคันนี้ และจะเป็นการวางรากฐานของรถรุ่นต่อๆ ไปในอนาคต ระบบ “ทแรฟฟิค แจม ไพลอท” เป็นเทคโนโลยี การขับอัตโนมัติในระดับ 3 (LEVEL 3 AUTONOMOUS) นั่นคือ ผู้ขับยังคงต้องนั่งหลังพวงมาลัย และสามารถปล่อยให้รถควบคุมอัตโนมัติได้ในบางเวลา (หากเป็นระดับ 4 จะกลับกัน คือ ส่วนใหญ่รถจะควบคุมแบบอัตโนมัติ และมนุษย์จะควบคุมในบางเวลา และระดับ 5 คือ มนุษย์ไม่ต้องควบคุมเลย เพียงบอกจุดหมาย รถจะเดินทางไปด้วยตนเอง) ซึ่งคุณค่าของระบบนี้ คือ การมอบคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยไม่ต้องจดจ่ออยู่กับการจราจรที่เคลื่อนตัวไปอย่างช้าๆ น่าเบื่อหน่าย ระบบนี้ช่วยให้เราสามารถละสายตาจากการจราจรได้ รวมถึงเปิดโอกาสให้ “ผู้ขับ” สามารถทำกิจกรรมหลายๆ อย่างที่ “ผู้โดยสาร” ทำได้ อาทิ เชค อี-เมล เล่นเกม อ่านหนังสือ กุมมือแฟน เล่นกับลูก ตลอดไปจนถึงการแต่งหน้าก่อนไปทำงาน ได้สะดวกปลอดภัยกว่าเดิมมาก (ระบบถูกตั้งพโรแกรมให้ทำงานเมื่อมีคนนั่งในตำแหน่งผู้ขับเท่านั้น) ระบบของ เอาดี ทำงานด้วยการใช้เทคโน- โลยีเซนเซอร์หลายแบบทำงานประสานกันทั้ง เรดาร์ กล้อง และเลเซอร์ (ติดตั้งบริเวณชายกันชนหน้าด้านล่าง) ประมวลผลด้วยซอฟท์แวร์ปัญญาประดิษฐ์ (ARTIFICIAL INTELLIGENCE) ทำงานบนคอมพิวเตอร์สมรรถนะระดับน้องๆ ที่ใช้ในเครื่องบินโดยสาร เพื่อตรวจสอบพื้นที่ด้านหน้าของรถว่ามีอุปสรรค หรือเส้นทางเป็นเช่นไร โดยสามารถอ่านสภาพพื้นถนนแบบ 3 มิติ และอ่านเส้นแบ่งการจราจรได้ รวมถึงคาดการณ์การจราจรด้านหน้าผ่านระบบแผนที่ดาวเทียม ซึ่งแน่นอนว่า หากเส้นแบ่งการจราจรไม่ชัดเจน จะไม่สามารถใช้ระบบนี้ได้ แต่ในปัจจุบันยังอนุญาตให้ทำงานได้ที่ความเร็วไม่เกิน 60 กม./ชม. เท่านั้น ระบบนี้จะทำงานได้เมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการทำงานของมัน ปัจจุบันระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติระดับ 3 ยังไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้งานในหลายประเทศ ช่วงแรกนี้มีเพียงประเทศเยอรมนีเท่านั้น ที่ยอมให้ใช้งานระบบนี้ในเขตเมือง เท่าที่เคยไปเมืองใหญ่ๆ ของเยอรมนี พบว่า คุณภาพของเส้นแบ่งจราจร และป้ายสัญญาณต่างๆ คมชัดมาก แม้แต่ประเทศพัฒนาแล้วอื่นๆ ก็ยังเทียบไม่ได้ แม้แต่ในสหรัฐอเมริกาเองก็ยังไม่อนุญาต ถ้าจะมีเทียบได้ก็แค่ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ ฉะนั้นในความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน การจะติดตั้งออพชันนี้ในรถบ้านเรา จึงยังเร็วเกินไป สิ่งที่ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ สามารถทำให้เราผ่อนคลายได้อย่างแน่นอน คือ ระบบเข้าและออกจากช่องจอดด้วยตัวเอง ซึ่งเราได้เห็นระบบนี้ทำงานไปบ้างแล้วในรถยนต์ไฮเทครุ่นก่อนหน้านี้อย่าง บีเอมดับเบิลยู ซีรีส์ 7 ระบบที่เป็นหมัดเด็ดอีกอย่างที่ติดตั้งใน เอาดี เอ 8 ใหม่ คือ ระบบกันสะเทือนแบบแอคทีฟ (ACTIVE SUSPENSION) ซึ่งเราได้เห็นแนวคิดนี้มานานหลายสิบปีแล้ว ในรถยนต์หลายต่อหลายรุ่น ที่สามารถรักษาการทรงตัวของรถในโค้งให้เอียงน้อยกว่าปกติ ไปจนถึงเร่งและเบรคแบบที่ไม่มีการหัวทิ่มหัวตำ รถจะทรงตัวได้นิ่ง ราบ ไร้อาการโคลงเคลง ซึ่ง เอาดี เอ 8 ก็จะเป็นเช่นนั้น แต่ที่เพิ่มเติมเข้ามา คือ เลเซอร์สแกนสภาพถนน 3 มิติล่วงหน้า ของระบบ “ทแรฟฟิค แจม ไพลอท” ว่า มีหลุมบ่อ ไม่เรียบด้านหน้ารถ และส่งข้อมูลมายังระบบปัญญาประดิษฐ์ เพื่อเตรียมช่วงล่างไว้รับมือกับอุปสรรคด้านหน้า โดยที่เมื่อล้อหน้าลงหลุมไปแล้ว ข้อมูลจะถูกส่งไปเพื่อปรับช่วงล่างด้านหลังอย่าง ทันท่วงที เพื่อช่วยรักษาการทรงตัวและความนุ่มนวลเอาไว้ คล้ายกับแนวคิดของ ซีตรอง เซ ซิซ (CITROEN C6) มาถึงตรงนี้ท่านผู้อ่านอาจจะรู้สึกคลับคล้ายคลับคลาว่าเหมือนเคยมีแนวคิดการสแกนพื้นผิวถนนล่วงหน้าแบบนี้…ใช่แล้ว มันคือแนวคิดเดียวกับที่ติดตั้งอยู่ใน นิสสัน เซฟีโร เอ 31 ที่ขายในบ้านเราเมื่อกว่า 25 ปีที่แล้ว ในยุคนั้นใช้หลักการ คลื่นเสียงค่าความถี่สูง หรือโซนาร์ (SONAR) สแกนผิวถนนแล้วนำข้อมูลมาปรับระบบกันสะเทือน ที่เอาเข้าจริงๆ ก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันนุ่มนวลเป็นพิเศษนัก นั่นเพราะระบบประมวลผล และระบบสแกนของรถยุคต้นทศวรรษที่ 90 รวมถึงระบบชอคอับปรับไฟฟ้ายุคนั้นยังเชื่องช้าและทำงานหยาบมาก แต่เทคโนโลยีในอีก 25 ปีถัดมาที่บรรจุอยู่ใน เอาดี เอ 8 จะดีสมราคาคุยหรือไม่นั้น ต้องรอสัมผัสของจริงถึงจะกล้าพูดได้เต็มปาก อีกหนึ่งแนวคิดที่ผสมผสานระบบ “ทแรฟฟิค แจม ไพลอท” และกันสะเทือนแบบแอคทีฟ เข้าด้วยกันเพื่อลดความรุนแรงจากอุบัติเหตุ คือ ระบบ “พรี เซนส์ ไซด์” (PRE SENSE SIDE) ซึ่งอาศัยการใช้ระบบสแกนรอบทิศทาง หากมีการตรวจพบว่ามีแนวโน้มจะเกิดการกระแทกจากด้านข้าง อาทิ กรณีมีรถยนต์พุ่งเข้าหาจากด้านข้าง ระบบจะสั่งการให้กันสะเทือนแบบแอคทีฟ ยกตัวถังด้านที่มีแนวโน้มจะโดนชนให้สูงขึ้น 80 มม. เพื่อเตรียมพร้อมรับการกระแทก ซึ่งเป็นแนวคิดที่ไม่เคยพบในรถยนต์ยี่ห้อใดมาก่อน อย่างไรก็ตามมันจะไม่สามารถเป็นรถระดับหรูได้เลย หากไม่ให้ความสำคัญเป็นพิเศษแก่ผู้โดยสารตอนหลัง นอกจากจะมีระบบความบันเทิงเต็มรูปแบบ และระบบอำนวยความสะดวกนานัปการทัดเทียมกับรถหรูทุกบแรนด์ในโลก เอาดี ยังได้นำเสนอรูปแบบของความผ่อนคลายแบบพิเศษสุดในแพคเกจ “ผ่อนคลาย” (RELAXATION PACKAGE) ที่ติดตั้งแผงรองรับช่วงน่องและเท้าสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง เข้ากันกับด้านหลังของพนักพิงหลังของเบาะผู้โดยสารด้านหน้า โดยเมื่อกางลงมา ผู้โดยสารด้านหลังจะมีพื้นที่วางเท้าและเอนนอนได้อย่างสบาย ราวกับที่นั่งโดยสารชั้นธุรกิจของสายการบินชั้นนำ ความสบายยังไม่จบแต่เพียงเท่านั้น เพราะในแพคเกจนี้ยังติดตั้งระบบเบาะนวดเอาไว้อีกด้วย มาถึงตรงจุดนี้หลายท่านอาจสงสัยว่าแปลกตรงไหน ที่ว่าแปลกก็เพราะ เอาดี เลือกติดตั้งระบบนวดเข้าไปที่ตำแหน่งวางเท้า (บนพนักพิงหลังของเบาะหน้า) เพื่อใช้นวดเท้าให้แก่ผู้โดยสารด้านหลัง แล้วเมื่อรวมเข้ากับระบบปรับกลิ่นภายในห้องโดยสาร หากเลือกซื้อระบบที่มีชื่อว่า “แอร์ ควอลิที แพคเกจ” (AIR QUALITY PACKAGE) ที่ติดตั้งตัวปล่อยกลิ่นที่มี 2 แบบ คือ กลิ่นฤดูร้อน และกลิ่นฤดูหนาว ก็แทบจะลืมการไปสปาได้เลยทีเดียว สรุปว่า เอาดี เอ 8 เป็นรถที่อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยี เพื่อความปลอดภัย และความสะดวกสบายในการเดินทางใกล้และไกล ทั้งสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารไว้อย่างสมบูรณ์แบบ และเป็นรถที่แสดงให้เห็นถึงเค้าลางแห่งอนาคตได้ชัดเจนที่สุดคันหนึ่งในปัจจุบัน
เรื่องโดย : ภัทรกิติ์ โกมลกิติ
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน ตุลาคม ปี 2560
คอลัมน์ Online : รู้ลึกเรื่องรถ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/193140