ประสาใจ
มาตา ฮารี
มรณะกาล 100 ปี สุดยอดสายลับสาวชาวเนเธอร์แลนด์ยิ่งใหญ่ของโลก ในนาม “มาตา ฮารี” โลกแห่งมายาสะเทือนด้วยสายลับชาวอังกฤษ รหัส 007 ในนาม “เจมส์ บอนด์” แต่ มาตา ฮารี แม้เป็นผู้หญิงก็เหนือกว่าเหตุที่เหนือกว่านักสืบในราชการลับคนดังแห่งสหราชอาณาจักร ก็เพราะ “เจมส์ บอนด์” เป็นพระเอกสายลับตามตัวหนังสือที่ออกแบบโดย เอียน ฟเลมิง ขณะที่ มาตา ฮารี เป็นนางเอกสายลับที่เขียนจากชีวิตจริง กาลครั้งนั้น แอนทัน ฟิเชอร์แมน และเฮนรี เวลส์ เหยี่ยวข่าว “อินเตอร์เนชันแนล นิวส์เซอร์วิศ” รายงานข่าวจากกรุงปารีส เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม ปี 1917 ดังต่อไปนี้ ก่อนเวลาตีห้าไม่กี่นาที นายทหารจากกองทัพฝรั่งเศส 18 นายตบเท้าขึ้นไปบนชั้น 2 ของทัณฑสถานหญิงแซงต์-ลาซาร์ในนครปารีส คนที่เดินนำหน้าพวกเขาเป็นผู้คุมถือไต้เพื่อจุดตะเกียง ทั้งหมดหยุดอยู่หน้าห้องขังหมายเลข 12 แม่ชีเป็นผู้ได้รับมอบหมายดูแลทัณฑสถานหญิง ซิสเตอร์ที่มาไขกุญแจเปิดประตูห้องขัง คือ ซิสเตอร์เลโอนิเด เธอขอร้องทุกคนให้คอยอยู่ข้างนอกขณะก้าวเท้าเข้าไปภายใน แล้วใช้ไม้ขีดไฟจุดไฟกับผนังเพื่อจุดตะเกียงประจำห้อง จากนั้นปลุกแม่ชีคนหนึ่งให้ตื่นมาช่วยงาน ซิสเตอร์เลโอนิเด ตรงไปที่ร่างผู้หญิงต้องขังคนหนึ่งที่กำลังนอนหลับ ค่อยๆ จัดแจงเสื้อผ้าของนางให้เป็นระเบียบ เข้าที่เข้าทางอย่างละมุนละไม หญิงต้องขังผู้นั้นพยายามขัดขืนต่อการตื่นนอน มีความรู้สึกว่าไม่ได้สนใจอะไรอื่นนอกจากการนอนหลับ ตามคำบอกเล่าของซิสเตอร์ เมื่อหญิงต้องขังคนนั้นตื่นเต็มตาแล้ว นางก็มีสภาพเหมือนคนที่หลุดจากโลกแห่งความสงบ และนางดูเยือกเย็น แม้ทราบว่าคำร้องอุทธรณ์คดีต่อท่านประธานาธิบดีของนางถูกปฏิเสธ และมันก็ยากจะบอกว่านางรู้สึกอย่างไร สลดหดหู่ หรือโล่งอก เมื่อทุกอย่างกำลังจะจบบริบูรณ์ เมื่อซิสเตอร์ให้สัญญาณ คุณพ่ออาร์บูซ์ ก็สาวเท้าเข้าไปในห้องขัง พร้อมด้วย ร้อยเอกบูชาร์ดง และศาสตราจารย์คลูเนต์ทนายความของนาง นางมอบจดหมายเปิดผนึกที่เขียนขึ้นระหว่างสัปดาห์ให้กับทนายความ พร้อมกับเอกสาร 2 ปึก มัดด้วยเชือกมะนิลา นางดึงถุงน่องสีดำยาวดูขัดกับเหตุการณ์ยังไงพิกล ก่อนจะหย่อนเท้าลงไปในรองเท้าส้นสูง รูดรัดด้วยสายรัดที่เป็นผ้าไหม นางลงจากเตียง หลังจากหยิบเสื้อคลุมยาวซึ่งแขนและคอเสื้อเป็นขนสัตว์ที่แขวนอยู่ มาสวมทับชุดนอนผ้าไหม สยายเรือนผมสีดำที่กระเซอะกระเซิงให้เข้ารูป มัดปลายผมสนิทกับต้นคอ แล้วสวมหมวกรัดสายคางด้วยสายไหม ป้องกันมิให้หลุดจากศีรษะหากต้องลมกลางแจ้ง จากนั้นนางค่อยๆ สวมถุงมือสีดำ เสร็จแล้วก็หันไปทางผู้มาเยือนยามเช้า กล่าวเรียบๆ ไม่ยินดียินร้าย “ฉันพร้อมแล้ว” ทุกคนออกจากเรือนจำหญิงแซงต์-ลาซาร์ ตรงไปยังรถยนต์ที่จอดรออยู่ เสียงเครื่องยนต์สตาร์ทขึ้น ทั้งหมดเดินทางไปยังลานประหาร รถยนต์วิ่งไปตามถนนของเมืองที่กำลังนอนหลับ ตรงไปยังค่ายทหารแวงซองน์ส (ครั้งหนึ่งเคยเป็นค่ายทหาร ก่อนถูกเยอรมนีถล่มในปี 1870) 20 นาทีต่อมา รถยนต์ถึงที่หมาย ทุกคนลงจากรถ มาตา ฮารี ลงมาเป็นคนสุดท้าย ทหารที่ได้รับมอบหมายตั้งแถวเรียบร้อย เป็นพลปืน 12 นาย ท้ายแถวเป็นนายทหารชักดาบประจำตัวยืนคุมปฏิบัติการ แม่ชี 2 คนขนาบข้างซ้าย/ขวานักโทษประหาร ซึ่งคุณพ่ออาร์บูซ์ คุยกับนางอยู่ตลอดเวลา นายร้อยโทคนหนึ่งเดินเข้าไปหาแม่ชี มอบผ้าสีขาวชิ้นหนึ่ง พูดว่า “ช่วยปิดตาเธอด้วยครับ” “ฉันต้องผูกตาด้วยรึ ?” มาตา ฮารี ถาม ตา มองไปที่ผ้าสีขาวชิ้นนั้น นายทหารทำท่างงๆ และเมื่อได้รับคำถามใหม่จากสายตาของทนายความนักโทษประหาร เขาก็เอ่ยว่า “ถ้าคุณผู้หญิงไม่ต้องการผูกตาก็ไม่เป็นไร ไม่ผิดบทบัญญัติ” มาตา ฮารี ไม่ต้องการปิดตา อีกทั้งไม่ต้องการให้ผูกมัด นางยืนจ้องไปที่พลปืน 12 นาย ขณะที่ทนายความ แม่ชี และคุณพ่อ แยกตัวจากลานประหาร นายทหารผู้ควบคุมการประหารชีวิต เฝ้าดูแลตรวจสอบการบรรจุกระสุนปืนเพื่อความเรียบร้อยของพลปืน ก่อนถอนใจยาว เพราะอีกไม่กี่อึดใจงานก็จะเสร็จสิ้น พลปืน 12 นาย พร้อมรับคำสั่ง “พร้อม...!” พลปืน 12 นายยืนตรง ประทับปืนกับไหล่เตรียมความพร้อม มาตา ฮารี ยืนตัวแข็ง สายตามองไปยังพลแม่นปืน และนายทหารผู้คุมหน้าที่ ทันทีนั้นเอง...โดยไม่มีใครคาดคิด มาตา ฮารี ส่งจูบอย่างอ่อนหวานให้กับพลปืนและนายทหาร นายทหารผู้คุมหน้าที่ประหาร แทบจะหมดแรงชักดาบออกจากฝักก่อนลั่นคำสั่ง “เล็งเป้า...!” เป้าหมายซึ่งเป็นผู้หญิง ยืนสงบนิ่งดังรูปปั้น ปราศจากริ้วรอยความหวาดกลัวแม้เท่าขี้เล็บ... ดาบนายทหารถูกวาดลงมาเบื้องล่างในลักษณะครึ่งวงกลมอย่างรวดเร็ว ตามด้วยเสียงประกาศิต... “ยิง...!” พลันเสียงปืนดังขึ้น 1 ชุด ประกายกระสุนปืนพร้อมกลุ่มควันพวยพุ่งจากปากกระบอกปืน ตัดกับแสงอาทิตย์แห่งอรุณสมัย เมื่อสิ้นเสียงปืน พลแม่นปืนก็ทิ้งปืนประหารลง อยู่ในท่ายืน ในเสี้ยวนาทีนั้นเอง ทุกคนเห็น มาตา ฮารี ยืนนิ่งไม่ได้ล้มลงกับพื้นตามธรรมชาติของผู้ถูกกระสุน นางไม่ได้หงายหลัง หรือเซล้มไปข้างหน้า และไม่ได้กระชับวงแขนด้วยความเจ็บปวด นางทรุดตัวขณะศีรษะตั้งตรง ม่านตา 2 ข้างเปิดกว้าง...ถึงตอนนี้...พลแม่นปืนคนหนึ่งก็เป็นลมหน้ามืด... เข่าของ มาตา ฮารี เริ่มงอโค้งก่อนร่างไร้วิญญาณจะล้มไปทางด้านขวา ขา 2 ข้างพับอยู่ใต้เสื้อคลุมขนสัตว์ (สุนัขจิ้งจอก) ร่างของสุดยอดสายลับที่น่ากลัวที่สุดของโลกล้มกับพื้นประหาร จบสิ้นการไหวติง สายตาของนางอยู่ในทิศทางลอยขึ้นสู่เบื้องบน นายทหารชาวฝรั่งเศสคนที่ 3 ในลานประหาร ชักปืนพกออกจากซองที่หน้าอกเสื้อ เสร็จแล้วเดินตรงไปที่ร่างของ มาตา ฮารี โดยมีนายทหารยศร้อยโทตามไปด้วย นายทหารผู้ถือปืนพก ก้มลงไปที่ร่างนักโทษประหาร จ่อปากกระบอกปืนไปที่ศีรษะของนาง ก่อนเหนี่ยวไก ลั่นกระสุนตัดตรงหัวสมอง จากนั้น เขาก็ยืนขึ้นหันกลับมาทางผู้คนในลานประหาร กล่าวเสียงเข้ม... “มาตา ฮารี ตายแล้ว” จดหมายที่ มาตา ฮารี มอบให้ทนายความ ขึ้นต้นด้วยคำว่า “คุณคลูเนต์ ที่รัก, ฉันไม่รู้หรอกว่าอะไรมันจะเกิดขึ้นในปลายอาทิตย์นี้ ปกติฉันเป็นคนที่มองโลกในแง่ดี แต่เวลาที่หมดไปทำให้ฉันขมขื่น รู้สึกเดียวดายและสุดเศร้า... ฉันเป็นผู้หญิงที่เกิดผิดยุค ไม่มีสิ่งใดช่วยฉันได้ ฉันไม่รู้นะว่าอนาคตจะมีคนระลึกถึงฉันไหม แต่ถ้ามี ก็ขอให้อย่าคิดถึงฉันในฐานะเหยื่อคดีความ ขอให้คิดถึงความกล้าและความไม่กลัวต่อการชำระในสิ่งที่ฉันต้องชำระ” มาตา ฮารี เป็นชื่อใหม่ เปลี่ยนจากชื่อจริง “มาร์กาเรธา กีร์ทรูดา เซลเล” ถูกตั้งขึ้นเมื่อเธอสยบทุกคนในปารีส ด้วยลีลาการเต้นระบำที่เต็มไปด้วยความเร่าร้อนและความสุขของทุกคน เธอถูกจับกุมข้อหาจารกรรมข้ามชาติปี 1917 ขณะอยู่ในห้องพักโรงแรมในกรุงปารีส...!
เรื่องโดย : ข้าวเปลือก
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน ตุลาคม ปี 2560
คอลัมน์ Online : ประสาใจ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/191707