มาตรวัดตลาดรถ
โลกยังหมุนไป
[table]
เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์ประจำเดือนมิถุนายน 2017/2016
ตลาดโดยรวม,+5.1 % รถยนต์นั่ง,+13.1 % รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV),+12.6 % รถอเนกประสงค์ (MPV),+43.4 % กระบะขับเคลื่อน 2 ล้อ,-6.8 % กระบะขับเคลื่อน 4 ล้อ,+27.5 % อื่นๆ,+2.5 %เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์ประจำเดือนมกราคม-มิถุนายน 2017/2016
ตลาดโดยรวม,+11.2 % รถยนต์นั่ง,+22.1 % รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV),-2.6 % รถอเนกประสงค์ (MPV),+17.2 % กระบะขับเคลื่อน 2 ล้อ,+5.8 % กระบะขับเคลื่อน 4 ล้อ,+23.3 % อื่นๆ,+7.1 % [/table] พาดหัวเอาไว้ไม่ได้เบื่อหน่ายอะไรหรอกครับ แต่เพื่อเตือนตัวเองว่า กระแสของยานยนต์ในโลกใบนี้ มันกำลังหมุนวน ก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เริ่มจากการใช้รถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน จากนั้นกระแสก็พาไปยังรถยนต์ไฮบริด รถยนต์ไฟฟ้า แล้วนี่กรุงปารีส ฝรั่งเศส กับอังกฤษ ก็เตรียมที่จะประกาศห้ามจำหน่ายรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายในกัน ภายในปี 2040 หรือ 2583 กันแล้ว แสดงว่าโลกนี่หมุนไปไวจริงๆ แต่บ้านเรายังเพิ่งจะเริ่มต้วมเตี้ยมกันเรื่องรถยนต์ไฟฟ้า จะเอารถที่ค้นคิดมาจากเหตุการณ์ภัยพิบัติ สึนามิ เอามาผลิตจำหน่ายในบ้านเรา เป็นรถยนต์ไฟฟ้า แถมตั้งราคาไว้เกือบ 5 แสนบาท แต่ยังไม่มีความรู้กันเลย ว่ารถขนาดเล็กนั้น จะเอามาวิ่งบนถนนใหญ่ มันก็จะประหนึ่งว่า เอา 3 ล้อ หรือ 4 ล้อขนาดเล็ก มาเพิ่มพื้นที่บนถนนอีกคันหนึ่ง แล้วมาตรฐานความปลอดภัยจะอยู่ตรงไหน ในเมื่อบ้านเรายังไม่มีมาตรฐานทดสอบการชนใดๆ ทั้งสิ้น ก็ฝากผู้อำนวยการสถาบันยานยนต์คนใหม่ ที่หน้าคร่ำหวอดในวงการยานยนต์ อดิศักดิ์ โรหิตะศุน ซึ่งจะดำรงตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม ระยะเวลา 2 ปี ดูแลก็แล้วกัน ไปเรื่องอื่นบ้าง เพราะเราก็ต้องเกาะติดกระแสโลกไปด้วยกัน ข่าวคราวของกระแส IOTS (INTERNET OF THINGS) ของโลก เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยหนุนการขยายตัวของการส่งออกสินค้าอีเลคทรอนิคส์ของหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงการส่งออกสินค้าอีเล็กทรอนิคส์ของไทย ที่ขยายตัวสูงอย่างต่อเนื่องที่ร้อยละ 19.1 ในเดือนมิถุนายน ซึ่งวัฏจักรขาขึ้นของสินค้าอีเลคทรอนิคส์โดยทั่วไปจะมีระยะเวลา 2-3 ปี ซึ่งถ้าหากผู้ประกอบการไทยสามารถปรับเปลี่ยนการผลิตให้สอดคล้องกับกระแส IOTS ก็น่าจะทำให้การส่งออกสินค้าอีเลคทรอนิคส์เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของการส่งออกสินค้าไทยตลอดทั้งปีนี้ แต่ประเด็นปัญหาของบ้านเรา ยังขาดแคลนเทคโนโลยีและบุคลากรผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ส่งผลให้เรายังจำเป็นต้องพึ่งพาการลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติที่เป็นเจ้าของเทคโนโลยี ขณะที่ข่าวคราวการพัฒนายานยนต์ไร้คนขับ ค่ายรถยนต์ต่างๆ ก็พากันก้าวไปไกลพอควร แต่ขณะเดียวกัน ก็เป็นเรื่องเกี่ยวเนื่องกับสินค้าอีเลคทรอนิคส์ ที่จำเป็นต้องใช้ในยานยนต์รุ่นใหม่นี้ ความจำเป็นของ IIOTS ความเกี่ยวเนื่องของระบบปัญญาประดิษฐ์ AI ล้วนต้องเกี่ยวพันกับสินค้าอีเลคทรอนิคส์ ทั้งสิ้น แถมปัจจุบัน ความท้าทายจากทเรนด์การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีในอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล จากฮาร์ดดิสค์ดไรฟ ไปสู่เทคโนโลยีโซลิดสเตทดไรฟ (SSD: SOLID STATEDRIVE) ทเรนด์การพัฒนาชิ้นส่วนอีเลคทรอนิคส์อย่างเซนเซอร์ และส่วนประมวลผลที่ซับซ้อนมากขึ้น อันเป็นหัวใจสำคัญของการทำงานในอุปกรณ์อัจฉริยะ นับเป็นความผูกพันระยะยาวของกลุ่มอุตสาหกรรมอีเลคทรอนิคส์ของไทย ที่จะยกระดับเทคโนโลยีการผลิตอุปกรณ์อีเลคทรอนิคส์ที่สามารถตอบสนองต่อทเรนด์เทคโนโลยีในตลาดโลกได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งชิ้นส่วนอีเลคทรอนิคส์สำหรับอุปกรณ์อัจฉริยะ รวมไปถึงอุปกรณ์สมัยใหม่สำหรับการจัดเก็บข้อมูลอย่างโซลิดสเตทดไรฟ เพื่อให้เป็นการเติบโตอย่างยั่งยืนของกลุ่มอุตสาหกรรมอีเลคทรอนิคส์ไทย จึงจำเป็นต้องมีการเร่งการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีขั้นต้นน้ำเป็นของตนเอง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการต่อยอดการพัฒนาเทคโนโลยีในระยะยาว นอกจากนี้ การเลื่อนขั้นในห่วงโซ่คุณค่าของอุตสาหกรรมอีเลคทรอนิคส์ไทย อาจต้องขึ้นอยู่กับการร่วมมือกันจากหลายภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน และสถาบันการศึกษา ซึ่งเป็นปัจจัยที่ต้องการการผลักดันอีกมากในอนาคต ไปเรื่องรถไฟจีน ที่กำลังโด่งดังอีกเรื่อง แต่เรื่องนี้ผ่าน ครม. แล้ว เก็บเอามาเล่าไว้เป็นความรู้เท่านั้น ว่า เป็นความร่วมมือด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรถไฟฟ้าความเร็วสูง ช่วงกรุงเทพฯ-หนองคาย ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ–นครราชสีมา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการรถไฟขนาดทางมาตรฐาน ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา-หนองคาย ตามกรอบความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ว่าด้วยการกระชับความร่วมมือในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟ โครงการ มีระยะทางรวม 253 กม. ประกอบด้วย 6 สถานี โดยเริ่มต้นที่สถานีกลางบางซื่อ สถานีดอนเมือง สถานีอยุธยา สถานีสระบุรี สถานีปากช่อง และสิ้นสุดที่สถานีนครราชสีมา ใช้ระยะเวลาการเดินทางจากสถานีกลางบางซื่อถึงสถานีนครราชสีมา ประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที ใช้รถโดยสารที่มีความจุของขบวนรถ 600 ที่นั่ง/ขบวน ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. โดยมีอัตราค่าโดยสาร 80 บาท + 1.8 บาท/คน/กม. โดยจะเริ่มดำเนินการก่อสร้าง เดือนกรกฎาคม 2560 และคาดว่าจะเปิดให้บริการแก่ประชาชนได้ในปี 2564 แต่ก็เสร็จช้ากว่าสำนักงานแห่งใหม่ของ สื่อสากล ที่ลงเสาเอกกันไปเรียบร้อย บนถนนประชาอุทิศ ไม่น่าเกิน 2 ปี คงได้พบกันนะครับเรื่องโดย : มือบ๊วย
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน กันยายน ปี 2560
คอลัมน์ Online : มาตรวัดตลาดรถ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/188063