ประสาใจ
ผู้หัวเราะทีหลัง
กิรดัง สดับมา ตทากาเล...กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว มีหญิงสาวผู้หนึ่งความงามกำลังสุกปลั่ง หาตำหนิมิได้ นางเป็นสาวอินตะระเดียนิกรชน อาศัยอยู่ในแคว้นโคศาลานางมีนามว่า คะมินี เป็นภรรยานายทหารหนุ่มชื่อ วะราห์ ความโสภาพรรณของ นางคะมินี เป็นที่เล่าลือไกลด้วยลมปากพ่อค้าแม่ค้าที่เดินทางมาค้าขายจากแดนไกล นางคะมินี มีเรือนผมสีดำขลับ เช่นเดียวกับดวงตากลมโตทั้งคู่ มีทรวงอกอิ่มอวบและกลมกลึง ริมฝีปากของนางประหนึ่งลูกเชอร์รี แม้นใครได้ลิ้มรสก็จะเปล่งเป็นเสียงเดียวว่า หวานแซบ ขณะพวงแก้มนางก็ปานประหนึ่งพวงกุหลาบสีแดงชาด ไม่ต้องเขียนก็คงรู้ว่า นายวะราห์-ผู้เป็นสามีโดยชอบตามกฎหมายและทางศาสนา เพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษเกี่ยวกับคำชมความงามของผู้เป็นภรรยา แต่ไม่เขียนอีกเหมือนกัน ท่านผู้อ่านก็ต้องเข้าใจตรงกันว่า คำเล่าลือทั้งหลายเข้าหู นางคะมินี เป็นธรรมดาตามธรรมชาติ ซึ่งนางก็เป็นปลื้มด้วยนิสัยนางชอบเป็น "เนทไอดอล" คำว่า เนทไอดอล ในที่นี้ หมายถึง นางชอบเป็นที่รัก และเป็นที่ปรารถนาของทุกคน นางคะมินี เป็นผู้หญิงชอบความร่าเริง ชอบการแหย่เย้า มีความสุขในความสนุกสนานตามประสาสาว ชีวิตประจำวันของนางน่าเห็นใจ สามีเป็นทหารของพระราชา ภารกิจหลักต้องฝึกหัดทุกวันให้ร่างกายและจิตใจถึงพร้อมซึ่งความฟิทตามแบบชายชาติทหาร การฝึกหัดจึงเข้มข้นตลอดทั้งวัน ดังนั้นเมื่อ นายวะราห์ กลับถึงบ้านก็เหน็ดเหนื่อย กีฬาทั่วไปสำหรับสามี-ภรรยาหรืออีกนัยหนึ่ง "การบ้าน" ที่สามีควรปฏิบัติ จึงไม่สมบูรณ์ โชคไม่รู้เป็นของฝ่ายไหน กาลครั้งนั้น พระราชาแห่งโคศาลาประกาศศึกสงครามกับแคว้นเพื่อนบ้าน ซึ่งน่าจะเป็นอาณาจักรวิเทหะ แต่จะเป็นอาณาจักรใดก็ช่างเถอะ ข้อสำคัญของเรื่องนี้ คือ วะราห์ ถูกเกณฑ์ไปรบ และบ้านก็เหลือแต่ นางคะมินี โดยลำพัง... ก่อน วะราห์ จะลงบันไดเรือน เขาจัดการป้องกันการถูกโจมตีเตียงนอนจากฝีมือคนแปลกหน้า โดยใส่สายคาดเหล็กพิทักษ์ความบริสุทธิ์เส้นหนึ่งติดตัว นางคะมินี นางคะมินี พยายามค้าน แต่เสียงค้านของนางคล้ายเสียงค้านผู้ยึดอำนาจการปกครอง ไม่มีผล ซ้ำยังถูกสามีขู่จะฆ่าทิ้งท่อระบายน้ำ ถ้าไม่ยอมคาดสายเหล็กป้องกันความบริสุทธิ์ วะราห์ ใส่กุญแจสายคาดเหล็ก แล้วเก็บลูกุญแจหนึ่งดอกไว้กับตัว อีกดอกหนึ่งเก็บไว้ที่ค่ายทหารในวังหลวง ครั้นสามีไปสนามรบแล้ว นางคะมินี เปรียบชีวิตตนดังหนึ่งวิหคตัวน้อยที่ถูกขังกรง ขาดอิสระไม่อาจกระพือปีกบินสูงให้เริงรมย์ได้ในห้วงอากาศ และเมื่อ นางคะมินี คะนึงถึงสายคาดเหล็กที่ใส่กุญแจ อารมณ์อยากเป็นนกอิสระในอากาศก็เหือดแห้ง วันเวลาผ่านไปหนึ่งฤดูกาล นางคะมินี ทนไม่ไหว ความคิดใหม่แล่นเข้าจับสมองของนาง ด้วยคิดว่า โลกนี้ย่อมต้องมีชายหนุ่มผู้ทรงพลัง และมีจิตวิญญาณเป็นผู้กล้า ไม่อาทรแม้เหล็กเป็นกำแพงกั้น คิดเช่นนั้นแล้ว นางคะมินี ก็ออกจากเรือน มอง "เป้าหมาย" เพียงไม่กี่วันเท่านั้นก็ได้พบ หนุ่มคนหนึ่งในวรรณะเศรษฐีชื่อ เวหา เป็นหนุ่มรูปงามและเป็นผู้กล้า รัตติกาลหนึ่งเขานัดพบกันที่บ้านของ นางคะมินี เซเลบริทีเวหา เข้ามาในบ้านโดยอาศัยความมืดเป็นฉากกำบัง นางคะมินี รอต้อนรับชายหนุ่มผู้กล้าอยู่บนเตียง ฉากรักก่อตัวขึ้นอย่างร้อนแรง ไม่ช้าเวหาก็ตกตะลึงพรึงเพริด แอพเพิล-ผลไม้ต้องห้าม ที่เขาปรารถนาจะฉีกกินให้หวานอร่อยกลับไม่อาจทำได้ตามใจต้องการ เนื่องจากแอพเพิลผลนั้นมีรั้วเหล็กกั้น วันรุ่งขึ้น เวหา พบ โลหิตะ-เพื่อนคนหนึ่งซึ่งมีอาชีพเป็นช่างตีเหล็ก มากด้วยประสบการณ์ เล่าเรื่องจริงให้เพื่อนรู้และบอกว่า สิ่งที่เขาต้องการ คือ อยากได้กุญแจผีเพื่อไขบานประตูแห่งสวรรค์ชั้นเจ็ด โลหิตะ เป็นผู้ชายเหมือนผู้ชายส่วนมากในโลก คือ มีราคะจริต บอกเพื่อนว่าไม่มีปัญหาแต่ต้องได้ลูบคลำเพื่อวัดขนาดรูกุญแจ เวหา ก็ตกลงพาเพื่อนไปพบ นางคะมินี ในตอนกลางคืน โดยผูกตาเพื่อน ช่างเหล็กมีดวงตาที่ปิดสนิท ใช้นิ้วมือลูบคลำสายคาดเหล็กอย่างมีอารมณ์ และรู้ทันทีว่าผู้หญิงคนนี้งดงามหาที่ตำหนิมิได้ ไม่ว่าจะเป็นส่วนโค้งเว้าหรือรูปทรง ปรากฏว่าการวัดขนาดรูกุญแจบรรลุถึงซึ่งอารมณ์ผู้ค้นหา ก่อนช่างเหล็กออกจากบ้าน เขาใช้สิ่วสลักเครื่องหมายไว้ที่บานประตู เพื่อวันรุ่งขึ้นเขาผ่านมาตอนกลางวันจะได้รู้ว่า สตรีคนนี้คือใคร เช้าวันรุ่งขึ้น นางคะมินี เห็นเครื่องหมายบนประตูก็ตกใจ ระแวงว่าภัยจะมาถึง รีบวิ่งไปทำเครื่องหมายเดียวกันที่บานประตูอื่นอีก 3 บ้าน เมื่อ โลหิตะ มาถึงก็ประหลาดใจที่พบว่า เครื่องหมายของเขามีถึง 4 หลังคาเรือน ต้องกลับมาคิดวางแผนสอง ปลอมตัวเป็นนักโหราศาสตร์ ร่อนเร่ไปตามบ้านผู้คน หลังแรกเขาพบสามีและภรรยาก็แน่ใจว่า หลังนี้ไม่ใช่ "เป้าหมาย" อีก 2 หลังคาเรือนต่อมาก็เช่นเดียวกัน โลหิตะ ชักท้อ เดชะบุญหลังที่ 4 ลั่นดาน เขาก็มั่นใจทันทีว่าหลังนี้แน่นอนที่เป็น "เป้าหมาย" ซึ่งขณะนั้นคงออกไปข้างนอกจึงลั่นดานไว้ คืนนั้นเมื่อ นางคะมินี กลับมาถึงบ้าน อาบน้ำขึ้นเตียงนอนหารู้ไม่ว่า ใต้เตียงนอนมี โลหิตะ แอบสะเดาะกุญแจบ้านเข้ามาทางหลังบ้านตั้งแต่ตอนกลางวัน เมื่อ เวหา มาถึงเตียงนางก็ถามถึงผลงานการแก้ปัญหา เวหา บอกว่าเพื่อนทำได้ แต่ต้องใช้เวลา 1 สัปดาห์ นางก็เง้างอดตามประสาแต่จบลงด้วยความสุขเท่าที่ทั้งสองพึงแสวง วันต่อมา เวหา ตกตะลึงอีกครั้ง เมื่อเห็นพวงกุญแจบนพื้นห้องใต้เตียง อ่านเพื่อนทะลุราวกับตาเห็น รีบกลับไปหาช่างเหล็กหลอกให้นำกุญแจผีมาไขหีบเหล็กของน้องสาว ช่างเหล็กก็อ้างโน่นนี่ซึ่ง เวหา ยิ่งแน่ใจว่าเพื่อนทรยศ โลหิตะ เฝ้าคิดว่าจะเอาพวงกุญแจที่เขาทำตกทิ้งไว้คืนนั้นออกมาได้อย่างไร คืนนั้นเอง นางคะมินี ก็เปิดห้องเพราะมีเสียงเคาะ พบชายคนหนึ่งแต่งกายสุภาพราวกับเจ้าชายบอกนางว่า เขาคือเพื่อนรักของ วะราห์ ตอนนี้ถูกจับเป็นเชลยศึก โชคดีที่สุดแล้วที่ วะราห์ ไม่ถึงกับตายเพราะเขาเองเป็นคนช่วยชีวิต และเพื่อตอบแทนบุญคุณ วะราห์ จึงมอบของตอบแทน ของตอบแทนนั้น คือ ลูกกุญแจไขสายคาดเหล็ก ความจริงก็เป็นกุญแจผี สิ่งที่ตามมาในไม่ช้า เป็นสุดยอดแห่งความปรารถนาของคนทั้งสอง ทั้ง โลหิตะ ตัวปลอม และนางคะมินี ผู้โหยหา ทันทีสวรรค์ชั้นที่เจ็ดก็ถูกเคาะประตู โลหิตะ ต้องรีบลงไปแอบใต้เตียง ขณะที่นางไปเปิดประตูและนำพา เวหา มาที่เตียงนอน การเล้าโลมระหว่างคนทั้งสอง เป็นไปโดยอัตโนมัติ ก่อนที่ เวหา จะถึงจุดสุดยอด เขาเหลือบไปเห็นเสื้อผ้าของบุคคลในระดับเจ้าชาย พร้อมดาบประจำตำแหน่ง เวหา อ่านเรื่องทะลุเหมือนมีตาทิพย์ เวหา ใช้ดาบเล่มนั้นสังหาร นางคะมินี และโลหิตะ จมกองเลือด เมื่อสังหารสมแก่ใจแล้ว เวหา มิได้มีความสุข กลับระทมตรมตรอม สุดแค้นแสนรัก นิ่งไปพักหนึ่งก็ทะลึ่งตัวขึ้น เอาหัวกระแทกเสาเรือน "โอ พระผู้เป็นเจ้า...ทำไมข้าจึงประสบเคราะห์ร้ายเพียงนี้ ? แรกข้าหัวเราะเยาะช่างเหล็ก แต่แล้วช่างเหล็กนั่นแหละกลับหัวเราะเยาะข้า รวมทั้งนางโสเภณีนั่นด้วย มันสองคนหัวเราะเยาะข้า..." เวหา ตะโกนเสียงดังลั่น เอาหัวกระแทกเสาเรือนไม่หยุด "โลกนี้มีแต่เรื่องโป้ปดมดเท็จ...ตอแหล...ระยำชีวิตจริงๆ..." เสียง เวหา ขาดหาย เพราะศีรษะของเขาแตกละเอียด ล้มลงตายไปด้วย แต่เสียงหัวเราะมิได้หาย เพราะเสียงหัวเราะทีหลังที่ดังขึ้นมา คือ มรณภาพเป็นผู้หัวเราะ... นิทานเรื่องนี้ อยากรู้ด้วยว่า มีใครเคยได้ยินเสียงหัวเราะของมรณภาพเหนือคดีกามารมณ์ทั้งหลายในสังคมไทย 4.0 บ้างหรือไม่...?!?
เรื่องโดย : ข้าวเปลือก
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน กันยายน ปี 2560
คอลัมน์ Online : ประสาใจ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/186050