รายงาน(formula)
เทคโนโลยีล้ำเลิศ ของ เมร์เซเดส-เบนซ์ ซี-คลาสส์
มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะละสายตาไปจากหน้าจอทัชสกรีนขนาด 8 นิ้วที่อยู่เบื้องหน้า ถึงแม้ว่ามันจะดูแปลกตาอยู่บ้างเมื่ออยู่บน ความหรูหราของ เมร์เซเดส-เบนซ์ รุ่นซีดานเช่นนี้ ตัวแทบเลทขนาด 8 นิ้ว นี้จะเป็นตัวควบคุมระบบทั้งหมดภายใน ซี-คลาสส์ และจะเป็นตัวสื่อความหมายจาก ชตุทท์การ์ท ไปสู่กลุ่มนักเล่นรถรุ่นใหม่อีกด้วย เรียกได้ว่ายุคของ เมร์เซเดส-เบนซ์ นั้นได้เปลี่ยนไปแล้ว
กลุ่มลูกค้าที่ซื้อรถซีดานในยุโรปนั้น จะมีอายุเฉลี่ยมากกว่ากลุ่มลูกค้าในสหรัฐอเมริกาและเอเชีย ซิงค์วิทซ์ ฮาร์ทมุท (SINKWITZ HARTMUT) ผู้รับผิดชอบการออกแบบ และตกแต่งภายในห้องโดยสารของ เมร์เซเดส-เบนซ์ กล่าวว่า นี่ไม่ใช่การปฏิวัติ แต่บแรนด์ของเรานั้นประกอบไปด้วยจิตวิญญาณของบิดาทั้ง 2 อยู่ภายใน ไม่เคยเลือนหายไปไหน นั่นคือ จิตวิญญาณแห่งความมีเหตุผลของ คาร์ล เบนซ์ (KARL BENZ) และจิตวิญญาณแห่งอารมณ์ของ โกทท์ลีบ ไดมเลร์ (GOTTLIEB DAIMLER) และทั้งคู่ก็ได้สถิตอยู่ภายใน ซี-คลาสส์ รุ่นนี้แล้ว
จิตวิญญาณของความมีเหตุผลนั้น ทำให้ เมร์เซเดส-เบนซ์ นำเอาจอทัชสกรีนมาใช้ จากการวิจัยด้านความปลอดภัยปรากฏว่าจอทัชสกรีนส่วนมาก จะรบกวนสมาธิของผู้ขับขี่ และการที่จะต้องละสายตาเพื่อไปสไลด์หน้าจอทัชสกรีน ก็อาจทำให้รถต้องเปลี่ยนเส้นทางโดยไม่ได้ตั้งใจได้อีกด้วย ดังนั้นการตัดสินใจเลือก ระหว่างปุ่มฟังค์ชันหลายปุ่มนับไม่ถ้วนเหนือพวงมาลัย (แบบคอนโซลเดิมๆ) กับหน้าจอทัชสกรีนขนาดเล็กเหนือปุ่มฟังค์ชันเหล่านี้ ที่อยู่ในตำแหน่งที่ง่ายต่อการควบคุมของมือมนุษย์ จึงไม่ใช่เรื่องง่าย
ซี-คลาสส์ ได้ถูกปลุกชีพให้มีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้งด้วยการใส่เทคโนโลยีสมัยใหม่มากมายลงไป โดยส่วนมากจะเป็นเทคโนโลยีแบบเดียวกับที่ได้เคยใส่ไปแล้วใน เอส-คลาสส์ ตั้งแต่ที่ ซี-คลาสส์ ถูกตั้งเป้าหมายต้องขายให้ได้อย่างน้อย 5 แสนคัน ภายใน 1 ปี การควบคุมราคาการผลิตจึงเป็นปัจจัยที่ต้องให้ความใส่ใจเป็นอันดับ 1 เลยทีเดียว
ถ้าอยากจะเห็นความสวยงามในเวอร์ชันขายจริงของ ซี-คลาสส์ เปิดตัวรถรุ่นนี้ในงานมหกรรมยานยนต์ดีทรอยท์ 2014 แต่ข้อมูลเฉพาะในเรื่องของแชสซีส์ เครื่องยนต์ แผงควบคุม และอุปกรณ์ช่วยขับเคลื่อนไฟฟ้าต่างๆ ได้เผยออกมาให้นักขับได้ทราบกันแล้ว ด้านตัวถังรถนั้นจะเป็นแบบประเภทไฮบริด โดยจะเป็นการผสมผสานระหว่างโลหะชนิดพิเศษกับอัลลอยน้ำหนักเบา และด้านนอกจะเป็นอลูมิเนียมทั้งหมด
ที่จริงแล้ว เมร์เซเดส-เบนซ์ ได้ตัดสินใจเลิกใช้บังโคลนพลาสติคเป็นที่เรียบร้อยแล้ว (เคยใช้ในรุ่น เอ-คลาสส์) เนื่องจาก ดร. ลังเนร์ (DR.LANGNER) (ผู้ควบคุมดูแลเรื่องส่วนประกอบ) ได้ให้เหตุผลว่า กลุ่มลูกค้าของรถหรูพบว่าวัสดุพลาสติคกับโลหะนั้นให้สีที่แตกต่างกันมากจนเกินไป จนถึงขนาดรับไม่ได้กันเลยทีเดียว ถึงแม้จะเป็นรายละเอียดเล็กๆ ก็ตาม
การให้ความสำคัญต่อรายละเอียดเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งรวมถึงความ อัจฉริยะ ของระบบเครื่องปรับอากาศ ที่ใช้ระบบนำทางผ่านดาวเทียมเข้าช่วย โดยระบบปรับอากาศจะทำงานอัตโนมัติเมื่อรถกำลังจะวิ่งเข้าสู่อุโมงค์ เพื่อป้องกันมลพิษเข้าสู่ภายในห้องโดยสาร และท่ามกลางฟังค์ชันที่น่าสนใจอื่นๆ มากมายยังมีกล่องควบคุมเล็กๆ ที่เรียกว่า แอร์-บาลานศ์ (AIR-BALANCE) (ซึ่งถูกใช้ใน เอส-คลาสส์ มาแล้ว) เป็นตัวช่วยเพิ่มประจุไอออนไปในอากาศ เพื่อให้อากาศภายในห้องโดยสารมีความบริสุทธิ์มากขึ้นกว่ารุ่น สแตนดาร์ด ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเศษเสี้ยวเล็กๆ เท่านั้นของเทคโนโลยีสุดไฮเทคของ ซี-คลาสส์ โฉมใหม่
การควบคุม 2 ระบบ
หน้าจอมอนิเตอร์นั้นจะติดตั้งอยู่ในระดับสายตาของผู้ขับขี่ ในขณะที่เราสามารถควบคุมฟังค์ชันต่างๆ ได้ผ่านลูกกลิ้งเล็กๆ หรือแถบทัชสกรีนที่ติดตั้งอยู่ตรงกลางของคอนโซล ที่สะดวกต่อผู้ใช้งานเพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัส
ระดับเฟิร์สต์คลาสส์
เป็นครั้งแรกที่ ซี-คลาสส์ ได้มีการติดตั้งระบบ แอร์เมทิค (AIRMATIC) เพื่อให้ตัวรถนั้นสามารถวิ่งได้ทุกพื้นผิว โดยระบบนี้ได้เคยติดตั้งเฉพาะรถรุ่นทอพๆ ของ เมร์เซเดส-เบนซ์
ส่งสารท้า เอาดี
ซี-คลาสส์ มีกระบวนการผลิต และวัสดุที่ใช้ผลิตจากอัลลอย และโลหะประเภทที่คล้ายกับบแรนด์ดัง เอาดี ที่เคยใช้ผลิต เอ 6 มาแล้ว
อลูมิเนียมแบบยืดหยุ่น
อลูมิเนียมที่ถูกหลอมขึ้นมาในรูปแบบเฉพาะตัว เพื่อการเป็นตัวรับแรงสั่นสะเทือนที่มีประสิทธิภาพ
โลหะที่แข็งแรงดั่งเหล็กกล้า
เหล็กที่แข็งแรงที่สุดจะถูกติดตั้งในบริเวณที่ต้องรับแรงกระแทกมากที่สุด เมื่อเกิดอุบัติเหตุ (ซึ่งเป็นเพียงแค่ 1 % ของเหล็กตัวถังทั้งหมด)
ลดทอนน้ำหนักที่ไม่จำเป็น
ในส่วนของตัวถัง, ฝากระโปรง และประตู ผลิตจากอลูมิเนียมทั้งหมด เพื่อเป็นการลดน้ำหนัก
ตัวรับแรงประสิทธิภาพสูง
เหล็กคุณภาพที่ออกแบบให้เป็นโซนยุบตัว เพื่อรองรับแรงกระแทกทุกประเภท
กระจายแรงกระแทก
เหล็กที่แข็งพิเศษ ทำหน้าที่กระจายแรงกระแทกไปยังโครงสร้างของรถ
คานนิรภัย
เหล็กทรงกากบาทไขว้กันมีความหนาที่ต่างกัน ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เครื่องยนต์กระแทกเข้าไปในห้องโดยสารขณะเกิดอุบัติเหตุ
พื้นเก็บเสียง
ความหนา, รูปทรง, งานเชื่อม รวมถึงเก็บงานขอบต่างๆ ถูกผลิตอย่างพิถีพิถัน เพื่อลดเสียงและแรงสั่นสะเทือนภายในห้องโดยสาร
กว้างและไกล
โครงสร้างตามแนวยาวและแนวขวางก็ใช้อลูมิเนียมเป็นส่วนประกอบเช่นกัน
ระบบของอุปกรณ์รับสัญญาณ
ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ด้วยไฟฟ้า หรือที่เรียกว่า ระบบช่วยขับอัจฉริยะ (INTELLIGENT DRIVE) ได้นำเอาระบบเดียวกับที่เคยใช้ใน อี-คลาสส์ และ เอส-คลาสส์ มาประยุกต์ใช้ โดยตัวระบบจะเป็นแบบรับสัญญาณรอบทิคทาง 360 องศา
เรดาร์หลายระบบ 2 ตัว
ระยะ 80 เมตร ความกว้างคลอบคลุมระยะ 16 องศา
ระยะ 30 เมตร ความกว้างคลอบคลุมระยะ 80 องศา
เรดาห์พิสัยใกล้
ระยะตั้งแต่ 0.230 เมตร ความกว้างครอบคลุมระยะ 80 องศา
ตัวรับสัญญาณคลื่นเสียงความถี่สูง
ความถี่ในการตรวจจับตั้งแต่ 1.24.5 เมตร
กล้องรอบทิศทาง
ระยะ 500 เมตร ฟังค์ชัน 3 มิติ ระยะ 50 เมตร ครอบคลุมระยะ 45 องศา
เรดาร์พิสัยกลางและไกล
ระยะ 200 เมตร ความกว้างคลอบคลุมระยะ 18 องศา
ระยะ 60 เมตร ความกว้างคลอบคลุมระยะ 60 องศา
เรื่องโดย : EMILIO BRAMBILLA
ภาพโดย : QUATTRORUOTE
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน มีนาคม ปี 2557
คอลัมน์ Online : รายงาน(formula)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/18364