ชีวิตคือความรื่นรมย์
ไม่เชื่ออย่าลบหลู่
โบราณมักเตือนด้วยพุทธภาษิตว่า ปมาโท มัจจุโนปทัง-ความประมาทเป็นทางแห่งความตาย แต่บางทีเราก็ไม่ได้ประมาท มันเกิดเพราะเป็นอุบัติเหตุที่จะมาก็มา โดยไม่มีอะไรมาเตือนล่วงหน้า อย่างที่บางคนว่า มีจิตสังหรณ์ หรือลางบอกเหตุ เช่น ก่อนออกจากบ้าน ถ้ามีจิ้งจกร้องทัก เขาถึงกับไม่ออกจากบ้านไปเลยก็มี หรือมีจิ้งจกตกลงมาตายต่อหน้า เขาก็จะไม่ออกจากบ้านเด็ดขาด อาการสังหรณ์อย่างเบาๆ ก็อาจรู้สึกตาเขม่น ก็รู้สึกไม่ร้ายแรง แถมมีข้อปลอบใจด้วยว่า เขม่นตาขวาได้ไห้ (คือร้องไห้) เขม่นตาซ้ายได้หัว(คือได้หัวเราะ) คือ หมายความว่า เขม่นขวาเคราะห์ร้าย เขม่นตาซ้ายได้ลาภ
ข้าพเจ้าไม่เคยมีประสบการณ์สังหรณ์ มีแต่รู้สึกว่า ก่อนออกจากบ้าน อาจมีอะไรมาสะกิดใจสักอย่าง แล้วพอไปสักพัก ก็ระลึกได้ว่า ลืมของบางอย่าง และเป็นที่น่าสังเกตว่า เวลาที่เราระลึกได้นั้น มักเป็นขณะเดียวกับที่มีคนมาพบของที่เราลืมนั้น
เรื่องนี้ สำราญ ทรัพย์นิรันดร์ หรือ หมอทรัพย์ สวนพลู โหรชื่อดังเคยบอกว่า คนเรามีจิตกระสันถึงกันได้ (ถ้าจำคำศัพท์ผิดก็ขออภัยด้วย) เรื่องนี้ยืนยันได้เรื่องหนึ่ง ตอนข้าพเจ้าไปเป็นครูอยู่ที่นครพนม อยู่ๆ วันหนึ่งก็นึกถึงหมอทรัพย์ขึ้นมาโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย ข้าพเจ้าก็สงสัยว่าจะเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า จึงเขียนจดหมายประมาณครึ่งหน้า บอกไปว่า อยู่ๆ วันนั้นข้าพเจ้าก็คิดถึงเธอขึ้นมาเฉยๆ หวังว่าคงไม่มีข่าวร้าย แต่ขอให้เป็นข่าวดี อย่างที่ในวงการข่าวเราใช้ปลอบใจกันเสมอว่า ไม่มีข่าวคือข่าวดี หรือ NO NEWS IS GOOD NEWS
ช่างแปลกมาก หลังจากนั้น 4-5 วันต่อมา (จดหมายสมัยก่อน ขนาดนี้นับว่าเร็ว) ก็ได้รับจดหมายจากหมอทรัพย์ ข้อความในจดหมายไม่มีข้อบ่งชี้ว่าได้รับสารของข้าพเจ้า แต่มีว่า ประยอมคงแปลกใจ ที่อยู่ๆ ก็ได้รับจดหมายจากผม ไม่มีอะไรพิเศษหรอก บ่ายวันนี้ ผมเขียนต้นฉบับเสร็จ มองจากหน้าต่างชั้นบนอาคารสยามรัฐ ไปฝั่งตรงข้าม เห็นใครคนหนึ่งคล้ายๆ มะเนาะ ยูเด็น เดินอยู่บนฟุตบาทหน้าสำนักงานสลากกินแบ่ง ก็วูบคิดถึงประยอมขึ้นมา เลยจดหมายมา ด้วยความคิดถึง ครั้นต่อมาภายหลังเมื่อพบกันข้าพเจ้าเล่าให้สำราญฟัง เธอก็ยืนยันว่า ตอนที่เราต่างคิดถึงกันนั้น คงเป็นช่วงเวลาเดียวกันนั่นเอง
คิดถึงเรื่องสังหรณ์ขึ้นมา นึกถึงตอนที่ ผอ. ขวัญชัย ได้รับเชิญไปทดสอบรถรุ่นใหม่ของบริษัทรถยี่ห้อหนึ่งที่แคนาดา (หวังว่าคงจำชื่อประเทศไม่ผิด) เมื่อหลายปีมาแล้ว แต่ข้าพเจ้ายังหวาดเสียวไม่เคยลืม เพราะไม่กี่วันต่อมา ก็มีข่าวนักข่าวไทย (จำได้ว่าเป็นน้องจากไทยรัฐ) ที่ไปร่วมทดสอบรถใหม่ประสบอุบัติเหตุถึงแก่ชีวิต ข้าพเจ้าก็ประหวัดคิดถึงผอ. ขวัญชัย เพราะเราเคยไปเยี่ยมศูนย์ทดสอบน้ำมันของเชลล์ที่ธอร์นทัน ประเทศอังกฤษ ตอนเชลล์ผลิตน้ำมัน สูตรใหม่ ชื่อ ฟอร์มูลา เชลล์มาด้วยกัน) และตอนจะไปแคนาดา ดูเหมือนเราได้คุยกันว่าผอ. ขวัญชัยจะไปคราวนั้นด้วย ข่าวที่ได้รับยังก็ว่าหวาดเสียแล้ว เพราะเราเห็นภาพใหญ่บนหน้าไทยรัฐ
แต่ตอนที่ผอ. ขวัญชัย กลับมาเล่าให้ฟังว่า เขารอดมาได้หวุดหวิดนี่สิ น่าใจหายกว่า คือ เขาได้รับมอบหมายให้ทดสอบรถคันที่เกิดอุบัติเหตุนั่น ขณะที่เขากำลังจะออกรถ ปรากฏว่าน้องนักข่าวไทยรัฐคนนั้นขอมานั่งด้วย และขอเป็นคนขับเอง ซึ่งผอ. ขวัญชัยก็รู้ว่าเป็นมือใหม่ แต่ไม่ทราบจะปฏิเสธอย่างไร โชคดีที่ทางบริษัทรถหารถคันใหม่ให้อีกคันหนึ่งต่างหาก แต่พอขับออกไปสักพัก ก็พบอุบัติเหตุรถชนยับ คนกำลังชุลมุนกันใหญ่เพราะเพิ่งชนสดๆ ร้อนๆ นั่นคือ รถคันที่ผอ. ขวัญชัยจะต้องขับตอนแรกนั่นเอง เรื่องเช่นนี้ คนที่ไม่ค่อยคิดถึงเหตุสังหรณ์อะไรนักอย่างผู้เขียน ถึงกับขนหัวลุก
ข้าพเจ้าคิดถึงกลอนประตูของกวีซีฟูดชอบพูดกันว่า "ไม่ถึงที่ตายคงไม่วายชีวาวาตม์ ใครพิฆาตเข่นฆ่าไม่อาสัญ ถึงที่ตายก็คงวายชีวาวัญ ไม้จิ้มฟันจิ้มเหงือกก็เสือกตาย กระมังจึงแคล้วคลาดไปได้ อย่างเช่นตอนที่น้องๆ ชมรมวรรณศิลป์ จุฬา ฯ ชวนไปขึ้นภูกะดึง ข้าพเข้าสองคนซึ่งจบมาตั้งกว่า 10 ปีแล้ว ก็รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ แต่แล้วเราก็มีงานยุ่ง ลางานที่บริษัทเชลล์ไม่ได้ ก็เลยไม่ได้ไปกับเขา
เช้าหลังวันที่น้องๆ กำหนดขึ้นภูนั่นเอง ขณะที่เรากำลังขับรถไปทำงานผ่านหน้าโรงแรมอินทรา ประตูน้ำ ก็ได้ข่าวจากวิทยุว่าตอนใกล้ค่ำเมื่อคืนที่ผ่านมา มีฝนเทลงมาอย่างหนัก เกิดดินถล่มที่บริเวณทางขึ้นภูกะดึงลงมาทับกลุ่มชมรมวรรณศิลป์จุฬา ฯ 3 คน คือ ชนิดา เดชาฤทธิ์ เกษวรางค์ วังแก้ว และ สุรศักดิ์ ศรีประพันธ์ (อาจารย์หนุ่มที่ปรึกษาของชมรม) ข้าพเจ้าใจหายแทบปล่อยพวงมาลัยรถ ปรารภว่าถ้าเราไปด้วย เราก็คงเตาะแตะอยู่กับพวกน้องที่เป็นกรรมการชมรมเหล่านั้น
แล้วเรายังห่วงน้องชายอีกคนที่คะยั้นคะยอให้เราไปด้วย แต่ยังไม่ปรากฏชื่อว่าเป็นอย่างไร มาปรากฏภายหลังว่า เขาเคราะห์ร้ายไปไม่ทันขึ้นภู เพราะมีเหตุจำเป็นในการเดินทาง กลับกลายเป็นโชคดี ไม่เช่นนั้นเราก็ไม่มีศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ชื่อ อดุล จันทรศักดิ์ ในวันนี้
ข้าพเจ้าระลึกคำของผู้อาวุโสเคยสอนไว้ว่า อย่าด่วนโกรธโทษนั่นนี่ บางทีที่เราขัดข้องอะไรบางอย่างนั้น อาจเป็นเพราะโชคชะตาช่วยดีงเราไว้ก็เป็นได้ ดังนั้นคำสมัยใหม่ที่ว่า ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ จึงเป็นเรื่องที่เราพึงงหูไว้หู@
เรื่องโดย : ประยอม ซองทอง
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน มีนาคม ปี 2557
คอลัมน์ Online : ชีวิตคือความรื่นรมย์
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/18304