รู้ลึกอุปกรณ์
หลอดไฟฮาโลเจน และซีนอน
มาต่อกันให้จบเลยครับ ตอนสุดท้ายของเรื่องหลอดไฟ ผมขอพูดถึงข้อคำนึงด้านทัศนวิสัยการมองเห็นที่ไม่ชัดเจนขณะขับขี่ จากการรู้เท่าไม่ถึงการณ์เรื่องการผสมของ "สีของแสง กับสีของสี" หลอดสี และความเหมาะสมกับการใช้งานของแสงไฟชนิดต่างๆ...ติดตามกันเลย
หลอดไฟที่จำหน่ายในบ้านเรามีหลายแบบด้วยกัน ซึ่งเป็นการพัฒนากรรมวิธีการผลิต และนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ เพื่อให้หลอดไฟให้กำลังในการส่องสว่างมากขึ้น ขณะที่กินกระแสไฟเท่าเดิม ต่างจากสมัยก่อนที่หากต้องการให้ไฟสว่างขึ้น ก็เปลี่ยนหลอดไฟให้มีกำลังส่องสว่างเพิ่มขึ้น ซึ่งก็ทำให้กินกระแสไฟมาก
ก่อนจะมาถึงยุคหลอดสี ถ้าใครที่เป็นนักเดินทางยามราตรีคงได้เห็น ไฟหน้ารถบางคันมีสีต่างๆ ประมาณว่า 7 สีประกายรุ้ง เหตุการณ์นี้อยู่ในช่วงประมาณ 4-5 ปีที่แล้ว ถามไปถามมาได้ความว่า เกิดจากการนำเอาแผ่นบังแสงที่เคลือบสีไว้แล้วมายึดกับขาที่สร้างพอดีกับเบ้าหลอดไฟ เมื่อเปิดไฟ แสงจากหลอดก็จะผ่านกระจกสีเหล่านั้น เพื่อให้เป็นสีต่างๆ ตามต้องการ ซึ่งสามารถเปลี่ยนสีของแสงไฟได้ในระดับหนึ่ง แต่การที่แสงต้องมาผ่านกระจกอีกชั้นหนึ่งเช่นนี้ ทำให้ความสว่างของแสงลดน้อยถอยลง ทั้งการถอดเปลี่ยนก็ทำได้ยาก
ไม่นานนักวิวัฒนาการของหลอดเคลือบสีจึงตามมาทันที ยังไม่นับรวมถึงการเปลี่ยนสีของแสงไฟด้วยการเคลือบโคมไฟด้วยพลาสติคสีฟ้า และเหมือนจะเป็นแฟชันไปแล้วสำหรับการเปลี่ยนหลอดไฟซึ่งมีการผลิตเป็นสีต่างๆ เช่น เหลือง ฟ้า เขียว ส้ม ว่ากันตามตรง ไฟสีต่างๆ ที่ผลิตขึ้นมานั้น จุดประสงค์ในการใช้งานขึ้นอยู่กับสภาพของอากาศที่ใช้ด้วย ทางผู้ผลิตแจ้งมา เช่น สีเหลือง เหมาะกับใช้งานในขณะหมอกจัด หรือฝนตก สีส้ม ต้องหมอกจัดมากๆ ส่วนสีฟ้ากับสีเขียวนั้น ไม่เกิดประโยชน์เท่าไร และในบ้านเราก็ไม่มีปัญหาเรื่องสภาพอากาศดังกล่าว
รีเลย์
คู่ขาระบบไฟเสริม ไม่มี ไม่ได้
ข้อควรปฏิบัติทุกครั้งเมื่อติดตั้งอุปกรณ์เสริมชนิดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเสียงติดรถยนต์ จนถึงระบบส่องสว่างอย่าง ชุดไฟสปอทไลท์ จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องติดตั้งอุปกรณ์ตัวจ้อยอย่าง "รีเลย์" (RELAY) เพื่อต่อร่วมกับการใช้งานอุปกรณ์ทุกครั้ง
รีเลย์ เป็นอุปกรณ์อีเลคทรอนิคส์ ทำหน้าที่ตัด-ต่อวงจร คล้ายกับสวิทช์ ใช้หลักการหน้าสัมผัสช่วยในการตัดต่อกระแสไฟฟ้าจากแหล่งกำเนิด (แบทเตอรี) ไปยังอุปกรณ์เป้าหมายที่ต้องการกระแสไฟจำนวนมาก เช่น พัดลมไฟฟ้า, แตรลม, สปอทไลท์, วิทยุติดรถยนต์, ชุดเพาเวอร์แอมพ์ ฯลฯ
ประโยชน์ของรีเลย์ คือ ช่วยทำให้อุปกรณ์ไฟฟ้าเสริมได้รับกระแสไฟฟ้าอย่างเต็มที่ เพื่อลดการสูญเสียของอุปกรณ์อันเกิดจากการได้รับกระแสไฟที่ไม่เพียงพอกับการใช้งานตามค่ากำลังที่ควรจะเป็น ทั้งช่วยให้การควบคุมสั่งงานทำได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นการใช้สวิทช์ควบคุม หรือการควบคุมการสั่งงานผ่านเซนเซอร์อัตโนมัติ
ข้อควรคำนึงก่อนติดตั้งชุดไฟสปอทไลท์
มีข้อควรคำนึงสำหรับผู้ใช้รถที่ปรารถนาจะติดตั้งชุดไฟส่องสว่างเสริม หรือชุดไฟสปอทไลท์ และโคมไฟตัดหมอก สิ่งสำคัญก่อนการติดตั้ง คือ ต้องพิจารณาก่อนว่า ชนิดและวิธีการติดตั้งผิดกฎหมายหรือไม่ ติดอย่างไรถึงจะว่าไม่ผิดกฎหมาย ตรงนี้เลยครับ ถ้าพิจารณาตามแง่กฎหมายจะเป็นดังนี้
โคมไฟสปอทไลท์
ให้คำนิยามว่าเป็นโคมไฟแสงพุ่งไกลแบบกระจายวงกว้าง แบบนี้ห้ามติดโดยเด็ดขาด แม้จะมีฝาครอบปิด เพราะผิดพระราชบัญญัติรถยนต์ พศ. 2522 ระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท
ไฟตัดหมอก
ลักษณะเป็นไฟแสงพุ่งต่ำล่าสุด ปี พรบ. 2536 อนุญาตให้รถยนต์ติดไฟสปอทไลท์ หรือไฟตัดหมอกเพิ่มได้ ข้างละ 1 ดวง ในระดับแนวเดียวกัน ความสูงจากพื้นถนนไม่ต่ำกว่า 40 ซม. และไม่สูงกว่า 135 ซม. ต้องเป็นแสงสีเหลือง หรือสีขาว กำลังไฟไม่เกิน 55 วัตต์ ไม่เกินกว่าระดับโคมไฟแสงพุ่งไกล และโคมไฟแสงพุ่งต่ำ ศูนย์รวมแสงต้องต่ำกว่าแนวขนานกับพื้นราบไม่น้อยกว่า 2 องศา หรือ 0.20 ม. ในระยะ 7.50 ม. และไม่เฉไปทางขวา
การเปิดไฟตัดหมอกนั้น ทำได้เมื่อมีอุปสรรคในการขับขี่ เช่น มีหมอกควัน หรือฝนตกหนัก มองเห็นสิ่งกีดขวาง หรือรถที่สวนทางมาในระยะไม่เกิน 150 ม. ถ้าติดไม่ถูกต้อง หรือเปิดไฟพร่ำเพรื่อมีโทษปรับไม่เกิน 500 บาท รวมถึงการติดไฟนีออนใต้ท้อง หรือกรอบป้ายทะเบียน ก็เป็นสิ่งต้องห้าม ผิดอีกเช่นเดียวกัน โทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท
โคมไฟส่องสว่างหน้ารถดังที่นำเสนอในตอนต้น การเปลี่ยนหลอดไฟที่มีสีผิดไปจากที่กฎหมายกำหนดจึงมีความผิด ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้กวดขันตั้งจุดตรวจจับกันอยู่เสมอ เพื่อให้รถที่ติดตั้งสัญญาณไฟผิดไปจากกฎหมายกำหนด ได้ปรับเปลี่ยนแก้ไขให้ถูกต้อง ดังนั้น ก่อนเปลี่ยนหรือดัดแปลง ควรคำนึงถึงเรื่องความถูกต้องเสียก่อนก็จะเป็นการดี ส่วนความเท่ ความสวย ค่อยทำในส่วนที่ไม่ขัดต่อระเบียบข้อบังคับของกฎหมาย ซึ่งมีให้ทำได้อีกตั้งหลายอย่าง และไฟสีอื่นๆ คงจะให้การมองเห็นไม่ชัดเจนเท่ากับแสงสีขาวในการใช้งานสภาพอากาศปกติ ควรคำนึงถึงความปลอดภัยไว้ด้วย
คงต้องใช้วิจารณญาณเพิ่มขึ้น หากประสงค์ที่จะตกแต่งรถคันรัก และหากคิดจะเลือกคบหาชุดหลอดไฟประเภทนี้ ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์รายใดออกมายืนยันการออกแบบชุดโคมไฟส่องสว่างของตน ว่าสามารถควบคุมทิศทางการส่องสว่าง (รวมแสง) ของหลอดไฟประเภทนี้ ไม่ให้รบกวนเพื่อนร่วมท้องถนน ถ้าสังเกตที่เลนส์หน้าโคมไฟ (ไม่รวมไฟแบบพโรเจคเตอร์) จะเต็มไปด้วยรอยหยักรูปทรงแตกต่าง ทั้งพื้นผิวภายในที่นูน เว้า บรรดาวิศวกรออกแบบเพื่อให้แนวการหักเหของแสงเหมาะสมกับชนิดของหลอดไฟ หลังติดตั้งควรทำการปรับมุมองศาทิศทางการส่องสว่างโคมไฟให้มีระดับต่ำลงกว่าปกติ เพื่อลดแสงรบกวนสายตาผู้ขับขี่รถยนต์ที่สวนทางมา ส่วนระดับการตั้งโคมไฟส่องสว่างนั้น ควรตั้งให้โคมไฟซ้ายมีระดับการให้แสงที่ไกล (สูง) กว่าไฟขวา ทั้งนี้เพื่อลดแสงสว่างรบกวนการขับขี่ จากทิศทางขับขี่ของไทยที่บังคับให้ขับชิดแนวซ้าย ใส่ใจเพิ่มอีกสักนิดดีไหมครับ "ใจเขา ใจเรา จะได้ไม่ผิดใจต่อผู้ใช้รถใช้ถนนร่วมกันครับ"
เรื่องโดย : พันทาง
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน เมษายน ปี 2557
คอลัมน์ Online : รู้ลึกอุปกรณ์
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/18209