ประสาใจ
มหาสงกรานต์ไทย
โจวานนี บกกัชโช นักเล่านิทานชุด "บันเทิงทศวาร" เล่าเรื่องนี้ ก่อนถึงเทศกาลมหาสงกรานต์ไทยนานแล้ว...กิรดัง ได้ยินมา ตทากาเล...กาลครั้งหนึ่ง มีแม่ชีคณะหนึ่งตั้งสำนักชีอยู่ร่วมกันเป็นคอนแวนท์ ประกอบด้วยแม่ชีอธิการผู้ควบคุมหนึ่ง คณะแม่ชี 8 คน และผู้ดูแลสวนอีกหนึ่งเป็นชายสูงวัย
กาลเวลานั้น เฒ่าผู้ดูแลสวนคอนแวนท์รู้สึกตัวชราภาพหมดเรี่ยวแรงแม้จะพรวนดิน อีกทั้งเงินที่ได้มาแต่ละเดือนก็น้อยนิด หาดุลไม่ได้กับค่าครองชีพที่แพงขึ้น แกจึงขอสะสางบัญชี เรียบร้อยดีแล้วก็ออกจากงาน เดินทางกลับบ้าน
ครั้นเหยียบถิ่นบ้านแล้ว แกก็ปากมากกล่าวถึงคอนแวนท์นั้นในวงสุรายาดองเลี้ยงต้อนรับพ่อเฒ่า มีชายหนุ่มคนหนึ่ง ผู้มีร่างกายกำยำล่ำสันชื่อ มาเซตโต สนใจเรื่องราวยิ่งกว่าคนอื่น ซักไซ้ถามถึงภาระหน้าที่
"ฉันออกไปหาฟืน" เฒ่านูโต ตอบหลังคำถาม "ตักน้ำให้แม่ชี และทำการอย่างอื่นๆ คล้ายกับหาฟืนและตักน้ำ แต่ค่าจ้างฉันน้อยไม่พอซื้อรองเท้า อีกอย่างหนึ่ง แม่ชีเหล่านั้นเป็นเด็กสาวๆ หาความหนักแน่นในใจคอไม่ได้เลย"
"เรื่องเป็นอย่างไรรึ ?" มาเซตโต ถามอีก
"เวลาฉันเข้าไปทำหน้าที่ในสวน แม่ชีคนหนึ่งร้องตะโกนให้ทำสิ่งนี้ อีกคนก็ตะโกนให้ทำสิ่งนั้น เดี๋ยวเดียวแม่ชีอีกคนก็มาแย่งเสียมไปจากมือ บอกฉันว่า ไม้ต้นนี้ปลูกผิดที่...โอย...โอย...แม่ชีทำฉันปวดหัว สร้างความน่ารำคาญจนฉันอยู่ต่อไปไม่ได้ เมื่อฉันลามา ไวยยาวัจกรสั่งฉันว่า หากพบคนดีที่มีความรู้ในเรื่องการดูแลสวนให้ฉันพาไปให้เขาด้วย"
มาเซตโต ตาโต แต่ พ่อเฒ่านูโต กล่าวว่า
"เมินเสียเถอะ ฉันน่ะหรือจะพาเขาไปให้ ?"
มาเซตโต ไม่ได้ฟังประโยคนั้น จินตนาการกำลังสร้างภาพอันบรรเจิดอยู่ในสมอง นิ่งไปครู่หนึ่งก็กล่าวว่า
"ท่านกระทำการอันชอบแล้ว ที่ได้ลาจากมาวันนี้ เกิดเป็นชายใยจะต้องไปเกี่ยวข้องอะไรด้วยกับหญิงสาวหลายคนเช่นนั้น อยู่ไปก็ไม่ต่างอะไรกับชีวิตต้องอยู่กับมวลปีศาจ หญิงใดเล่าจะรู้สึกอิ่มกับความปรารถนาแห่งตน"
สนทนากันแล้ว มาเซตโต ก็คิดอยู่คนเดียวเงียบๆ ต้องการเข้าไปเป็นคนสวนในคอนแวนท์ แต่ต้องมี แมทช์เมเคอร์ เพื่อนำเราไปรู้จักแม่ชี เชื่อว่าการงานสำหรับชายหนุ่มอย่างเราคงไม่เหลือบ่ากว่าแรง
อุปสรรคสำคัญ อยู่ที่วัยหนุ่มแน่นซึ่งน่าจะทำให้แม่ชีเหล่านั้นไม่กล้ารับ หลังใคร่ครวญอยู่พักหนึ่ง มาเซตโต ก็บอกกับตนเองว่า
"ลำพังเราอยู่เมืองไกลขนาดนี้ หามีคนรู้จักเราไม่ ถ้าเราแกล้งทำเป็นคนใบ้เสียประการเดียว แม่ชีเหล่านั้นก็คงรับเราไว้"
คิดแล้วก็เอาขวานพาดบ่า เดินทางลัดตัดตรงไปยังคอนแวนท์ ที่สนามหญ้าหน้าคอนแวนท์ได้พบไวยาวัจกร มาเซตโต ก็เริ่มกลอุบายที่เตรียมมา เขาทำท่าแสดงว่าหิวขนมปัง ขออยู่สนองบุญด้วยการตัดฟืน
ไวยาวัจกรก็แบ่งขนมปังให้บริโภค เสร็จแล้วก็ชี้ไปยังขอนไม้ใหญ่ มาเซตโต ก็ตัดขอนไม้ใหญ่เหล่านั้นด้วยความชำนาญ ไม่ช้าก็ได้กองฟืนกองใหญ่ ไวยาวัจกรพา มาเซตโต เข้าป่า ตัดขอนไม้ใหญ่อีกหลายขอน แบกเข้ามาในสำนักแม่ชี การแสดงของ มาเซตโต ทำให้ไวยาวัจกรตกลงรับไว้ทำงานอยู่ในสำนักแม่ชี
วันหนึ่ง แม่ชีอธิการมาหาไวยาวัจกร พบชายหนุ่มแปลกหน้าก็ถามว่าเป็นใคร
"เขาเป็นชายผู้อนาถายิ่ง" ไวยาวัจกรตอบ "เป็นใบ้และเสียหูแต่กำเนิด เตลิดมาขอทานและเมื่อข้าพเจ้าให้ทาน เขาก็อยู่ช่วยเราทำงานตั้งแต่วันนั้น ข้าพเจ้าเข้าใจว่า เขาน่าจะมีความรู้บ้างในเรื่องการดูแลสวน ซึ่งเรากำลังอยากได้ แม้เขาเป็นชายหนุ่มผู้กำยำล่ำสัน แต่เขาก็ไม่เป็นพิษเป็นภัยกับแม่ชีสาวของเรา"
แม่ชีอธิการก็เห็นด้วย เอ่ยว่า
"จงเลี้ยงเขาไว้ ดูแลอย่างดี หารองเท้าใหม่ให้เขาสักคู่หนึ่ง เสื้อผ้าเก่าๆ บ้าง อย่าให้เขาหิวโหยนะ"
ดังนั้น ในเวลาต่อมา ไวยาวัจกรก็นำ มาเซตโต เข้าไปในสวน สอนให้ทำหน้าที่ดูแลงาน เสร็จแล้วก็ปล่อยให้ชายหนุ่มอยู่กับการงานตามลำพัง
นับแต่วันนั้น แม่ชีสาวทั้ง 8 เมื่อรู้ว่ามีหนุ่มมาทำงานสวน ก็เข้ามารุมล้อมล้อเลียนหนุ่มใบ้ทุกวัน ยิ้มยั่วหนุ่มคนสวนใบ้ ซ้ำยังระเบิดถ้อยคำสัปดนมาเล่นหัว เพราะเข้าใจว่า มาเซตโต คงไม่ได้ยิน ไม่รู้ประสา...
สนุกสนานกันไปในบรรดาเหล่าแม่ชี จนวันหนึ่ง มาเซตโต ล้มตัวลงนอนพักเหนื่อย มีแม่ชีสาว 2 คนเดินเข้ามาพบ ชายหนุ่มแกล้งทำเป็นนอนหลับ แม่ชีสาว 2 คนคุยกันว่า
"ถ้าเธอเก็บความลับได้ ฉันใคร่บอกความลับข้อหนึ่ง"
"พูดออกมาเถอะ ไม่มีใครได้ยินหรอก"
แม่ชีจึงเปิดเผยความลับ ชีวิตที่ขาดชายมาเป็นเวลานาน ได้ฟังวันแล้ววันเล่าว่าความบันเทิงทั้งปวงจะเทียบรสเท่าแรงเสน่หาที่ได้อยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่มเป็นไม่มี ก็ชายหนุ่มคนนี้เป็นใบ้และเสียหูทั้ง 2 ข้าง เขาเหมาะสมอย่างที่สุดสำหรับเราทั้ง 2 คน เขาไม่มีพิษภัยใดๆ เพราะไม่อาจจะแพร่งพรายความมิดีมิร้ายของเราได้ หล่อนเห็นเป็นประการใดหรือ
แม่ชีฟังแล้วก็กล้าๆ กลัวๆ หวั่นเกรงทั้งการปฏิญาณตนต่อพระเจ้า และหากตั้งท้องขึ้นมาจะว่ากันยังไง แม่ชีเจ้าความคิดก็แย้งว่า อย่าด่วนตีตนไปก่อนไข้ ถึงหากเกิดขึ้นจริงก็มีเราเพียง 2 คนที่รู้ ใครอื่นที่ไหนจะมารู้เห็นด้วยล่ะ
แม่ชีคนที่ 2 ก็ตกลง ขณะนั้นเป็นเวลาตอนเที่ยงวัน ซึ่งแม่ชีในคอนแวนท์ประพฤติเป็นเวลาหลับนอน
แม้กระนั้นแม่ชีทั้ง 2 คนยังเที่ยวเดินโดยรอบๆ ครั้นไม่พบใครคนหนึ่งคนใดแล้วก็กลับมา ปลุก มาเซตโต ตื่น หยอกเอินด้วยความเสน่หาพักหนึ่ง ชวนไปที่ซุ้มไม้ แม่ชีคนหนึ่ง ทำหน้าที่เป็นยามรักษาการณ์ อีกคนก็เล่นจ้ำจี้กับชายหนุ่มในซุ้มไม้
มาเซตโต เข้าใจเรื่องราวดีมาแต่ต้น แอบฟังความลับของแม่ชีสาวทั้ง 2 คนโดยตลอด แต่ก็แกล้งทำเป็นใบ้และเสียหู ไม่เสแสร้งก็เรื่องเดียว เกมที่เขาสมัครใจเล่นจ้ำจี้กับแม่ชี เล่นกันจนตกถึงขีดความบันเทิงสุดขั้วเรียบร้อย ก็ต้องปฏิบัติการอย่างเดียวกันกับแม่ชีคนที่ 2 ซึ่งเขาต้องกระทำโดยทัดเทียมกับแม่ชีสาวคนแรก
การณ์เป็นดังนี้ แต่นั้นมา แม่ชีสาว 2 คนนี้ก็แวะเวียนมาหา มาเซตโต เวลาเที่ยงวันไม่ขาด การเยี่ยมซุ้มไม้ถูกปฏิบัติกามสุขเป็นอย่างดี และตรงเวลา
วันหนึ่ง ขณะเกมกำลังดำเนินไป แม่ชีคนที่ 3 ก็มาพบเห็นโดยบังเอิญ รีบถอยกลับออกมาตามแม่ชีสาวอีก 2 คน รวมเป็น 3 คน กลับไปดูเกมอันระทึกอารมณ์
ในขั้นต้น แม่ชีสาวทั้ง 3 คนคิดจะนำความร้องเรียนแม่ชีอธิการ แต่เปลี่ยนความคิดนั้นเสีย เพราะใจยินดีทางโลกย์ หาไปแจ้งเหตุแม่ชีอธิการไม่ กลับทำข้อตกลงร่วมสนธิสัญญาลับกับหนุ่มใบ้ผู้กำยำล่ำสัน
แม่ชีทั้ง 5 คน จึงเพลิดเพลินเจริญใจในชีวิต และด้วยเหตุผลเดียวกัน แม่ชีสาวที่เหลืออยู่อีก 3 คนก็พลอยร่วมสนุกไปกับ มาเซตโต หนุ่มใบ้รับใช้แม่ชีทั้ง 8 คนด้วยพละกำลัง ทุกคนมีความสุขในเมถุนกรรมนั้น
วันหนึ่ง แม่ชีอธิการเดินเข้ามาในสวนแต่ผู้เดียว พบ มาเซตโต นอนเปลือยกายท่อนล่าง ท่อนบนมีเสื้อแขนยาวเก่าๆ ตัวหนึ่งสวมอยู่ นอนหลับเหยียดกายไม่ได้สติอยู่ใต้ต้นถั่วอัลมอนด์ และขณะนั้นลมพัดมาวูบใหญ่ พัดเอาชายเสื้อปลิวพับขึ้นไป แม่ชีอธิการถึงกับตาค้าง
ขณะนั้นเอง มาเซตโต ได้ลืมตาขึ้น แม่ชีอธิการก็นำตัวเข้าไปยังห้องของนาง กักกันชายหนุ่มไว้แต่ในห้องเป็นสมบัติเชยชมแต่ผู้เดียวต่อมา มวลมหาแม่ชีทั้ง 8 คนก็รวมตัวประท้วง ถือเป็นความไม่ชอบธรรมของคุณแม่อธิการ ขอให้ปล่อยตัวหนุ่มใบ้
นี่แหละเป็นที่มา เพราะเหตุใดหนุ่มใบ้จึงหายขาดจากอาการเป็นใบ้และเสียหู หนึ่งต่อเก้าทุกวันๆ ขืนเป็นใบ้ต่อไปคงไม่ได้การ
คืนนั้น ขณะที่ มาเซตโต เข้าไปทำหน้าที่กับแม่ชีอธิการ ก็เลิกการอำพรางความเป็นใบ้ แม่ชีตกใจ แต่ชายหนุ่มแกล้งอธิบายว่า เป็นใบ้เนื่องจากป่วยเป็นไข้บัดนี้ทุเลาแล้ว ข้าพเจ้าไม่ใช่ไก่ตัวผู้ที่สามารถเลี้ยงดูแม่ไก่ตัวเมียได้ถึง 10 ตัว เป็นเพียงชายหนุ่มต้องปฏิบัติกับหญิงทั้งเก้าคนเป็นงานหนักรื้อกำลังมิใช่น้อย จนข้าพเจ้าทนไม่ไหว ฉะนั้น ขอปล่อยให้ข้าพเจ้าไปเถิด
แม่ชีอธิการได้ฟังเพิ่งถึงบางอ้อ ว่าแม่ชีทั้ง 8 คน คือ หุ้นส่วน เกิดความคิดแทนที่จะปล่อยตัว มาเซตโต ออกไปจากคอนแวนท์ กลับประชุมลับกับแม่ชีทั้ง 8 คน กักกันตัวคนสวนผู้ขยันขันแข็ง ประจวบเหมาะว่าเวลานั้นไวยาวัจกรถึงแก่พิราลัย เป็นโอกาสให้ มาเซตโต รับหน้าที่แทน
มาเซตโต ตกลงยอมอยู่ในคอนแวนท์ สำหรับการงานในหน้าที่ของเขานั้น แม่ชีอธิการได้จัดสรร แบ่งเวลาปันส่วนเพื่อให้ชายหนุ่มปฏิบัติภารกิจโดยไม่เหนื่อยเกิน
แต่นั้นมา ผู้คนละแวกนั้นก็ได้ยินกิตติศัพท์ว่า สำนักแม่ชีศักดิ์สิทธิ์สามารถรักษาชายหนุ่มใบ้ให้หายขาดกลับพูดได้ดั่งมนุษย์ทั่วไป และไม่ช้าคอนแวนท์ก็เจริญรุ่งเรือง มีอาคารใหม่เพิ่ม คือ โรงเลี้ยงเด็ก...!
เรื่องโดย : ข้าวเปลือก
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน เมษายน ปี 2557
คอลัมน์ Online : ประสาใจ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/18197