จีเอม ฟรอนท์ เซนเตอร์ แอร์แบก

อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้หลายกรณี จากการวิจัยพบว่าหลายๆ สถานการณ์นั้น สามารถป้องกันได้ไม่ยาก และอีกหลายๆ สถานการณ์ ก็เป็นการเพิ่มอันตรายให้แก่คนรอบข้างในแบบที่คาดกันไม่ถึงเลยทีเดียว ทีมงานที่ทำการศึกษาวิจัยเรื่องของอุบัติเหตุพบเห็นเหตุการณ์มากมาย และเหตุการณ์เหล่านั้น จะถูกนำไปวิเคราะห์วิจัย เพื่อหาหนทางป้องกัน หรือลดการบาดเจ็บให้แก่ผู้ขับขี่และผู้โดยสาร อย่างกรณีที่เรากำลังจะพูดถึงต่อไปนี้ บังเอิญเหลือเกินว่า อุบัติเหตุที่เกิดนั้นมีลักษณะคล้ายคลึงกัน และผลของอุบัติเหตุนั้น ตรงกับแนวคิดของทาง จีเอม ที่จะเพิ่มความปลอดภัยให้แก่ผู้ขับขี่และผู้โดยสาร เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คือ มีรถยนต์คันหนึ่งขับออกจากซอยแล้วจะเลี้ยวขวา แต่ออกจากซอยมาด้วยความเร็ว และตัดหน้ารถที่วิ่งมาทางตรง ซึ่งใช้ความเร็วพอควร ทำให้รถที่มาทางตรงชนเข้ากลางคันของรถที่ออกมาจากซอย แรงกระแทกที่รุนแรง ทำให้ผู้ขับขี่รถที่ออกมาจากซอย กระเด็นไปปะทะคนนั่งด้านข้างและอัดติดกับแผงประตู จนประตูถึงกับโป่งออกด้านนอก กรณีนี้ผู้ขับขี่คาดเข็มขัดนิรภัยไว้ด้วย แต่ระบบการทำงานของเข็มขัดนิรภัยนั้น จะทำงานก็ต่อเมื่อมีการปะทะจากด้านหน้าและด้านหลัง รวมถึงการชนมุมเฉียง ลักษณะการชนด้านข้าง เข็มขัดนิริภัยแบบ 3 จุด จึงไม่ช่วยอะไรมากนัก เพราะร่องไหล่จะหลุดออกจากเข็มขัดได้ง่าย และแรงปะทะด้านข้างก็อาจทำให้ผู้ขับขี่หลุดออกจากเข็มขัดนิรภัยได้ เหตุการณ์นี้ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารเสียชีวิต แต่ถ้ามีถุงลมนิรภัยระหว่างผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ก็อาจจะทำให้ผ่อนหนักเป็นเบาได้อีกทางหนึ่ง   สถิติอุบัติเหตุจากการคาดเข็มขัดนิรภัย ข้อมูลจากหน่วยงานความปลอดภัยการจราจรแห่งชาติสหรัฐ ฯ ซึ่ง จีเอม พบว่า มีผู้โดยสารตอนหน้า 11 % เสียชีวิตขณะคาดเข็มขัดนิรภัยจากการชนกระแทกทางด้านข้าง ระหว่างปี 2004 และ 2009 ในรถยนต์ตั้งแต่รุ่นปี 1999 เป็นต้นมา ซึ่งในจำนวนผู้เสียชีวิตนั้น มีถึง 29 % ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับด้านที่ถูกชนกระแทก ทาง จีเอม จึงมองว่าควรเพิ่มการปกป้องคนขับและผู้โดยสารจากการชนด้านข้างเข้าไปอีก จากเดิมที่เราเริ่มมีถุงลมนิรภัยคู่หน้า ถุงลมนิรภัยด้านข้าง และม่านนิรภัย แต่ดูเหมือนว่ามันเริ่มไม่พอเสียแล้ว เพราะหน้าที่ของถุงลมนิรภัย คือ ช่วยลดการบาดเจ็บ หรือเสียชีวิตเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน จีเอม จึงเริ่มบุกเบิกถุงลมนิรภัยกลางห้องโดยสาร หรือ ฟรอนท์ เซนเตอร์ แอร์แบก (FRONT CENTER AIR BAG) เป็นครั้งแรกในอุตสาหกรรมยานยนต์ของโลก มุ่งหวังเพื่อยกระดับความปลอดภัยของผู้ขับขี่และผู้โดยสารตอนหน้าจากการชนด้านข้าง โดยจะติดตั้งในรถ เชฟโรเลต์ บิวอิค และ จีเอมซี ในรุ่นปี 2013 เป็นต้นไป ถุงลมนิรภัยกลางห้องโดยสารที่คิดค้นครั้งแรกโดย จีเอม นำมาติดตั้งบริเวณด้านข้างของเบาะที่นั่งคนขับ ถูกออกแบบมาเพื่อลดแรงกระแทกเมื่อเกิดการชนด้านข้าง พร้อมลดแรงปะทะระหว่างผู้ขับขี่และผู้โดยสาร เพราะร่างกายท่อนบนอาจจะปะทะกันอย่างรุนแรง ศีรษะอาจจะกระทบกันอย่างรุนแรง จนทำให้เกิดการบาดเจ็บภายในสมอง หรืออาจทำให้คอหักได้ ไม่ว่าจะถูกชนจากด้านซ้ายหรือขวาก็ตาม ขณะเดียวกัน ถุงลมนิรภัยกลางห้องโดยสาร ยังพร้อมดูดซับแรงกระแทกเมื่อรถพลิกคว่ำอีกด้วย   การวิจัยและพัฒนาถุงลมนิรภัยกลางห้องโดยสาร ผลงานวิจัยนี้ เกิดจากการร่วมมือกันระหว่าง จีเอม และ ทาคาตะ บริษัทผู้ผลิตเทคโนโลยีด้านความปลอดภัย (ถุงลมนิรภัย, เข็มขัดนิรภัย ฯลฯ) โดยใช้เวลาในการพัฒนากว่า 3 ปี ผ่านกระบวนการออกแบบและทดสอบมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการชนด้านข้างในมุมที่ต่างกัน ท่านั่งของผู้โดยสารหลายรูปแบบ ตลอดจนการประเมินสรีระของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ที่มีความแตกต่างกันอีกด้วย เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของทุกชีวิตภายในห้องโดยสาร ถุงลมนิรภัยกลางห้องโดยสารดังกล่าว จะช่วยปกป้องผู้ขับขี่ และผู้โดยสารได้มากขึ้น พร้อมกับช่วยเพิ่มคะแนนการทดสอบความปลอดภัยให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น หลังจากรถหลากหลายรุ่นของ เชฟโรเลต์ และบแรนด์อื่นในเครือ จีเอม ได้รับคะแนนการทดสอบความปลอดภัย 5 ดาวเต็ม ซึ่งเวลานี้ยังไม่มีการบังคับใช้กฎหมายให้รถทุกคันต้องมีถุงลมนิรภัยกลางห้องโดยสาร แต่ปัจจุบันนี้ ก็ยังไม่มีถุงลมนิรภัยประเภทใดที่ปกป้องและลดแรงกระแทกของผู้ขับขี่และผู้โดยสารตอนหน้าได้เหมือนกับถุงลมนิรภัยกลางห้องโดยสาร