ประสาใจ
ชายข้าวเปลือก-หญิงข้าวสาร
โลกของเรา นอกจากธรรมชาติสร้างแล้ว มวลมนุษย์ที่มีความคิดสุดขั้วเหนือชั้นกว่าบุคคลทั่วไป ยังสร้างผลงานด้านศิลปะ สะท้อนเบื้องลึกความวิจิตรพิสดารระหว่างหญิง-ชาย ที่ดำรงชีวิตต่างเหตุผลบนโลกใบเดียวกัน
ผลงานด้านศิลปะที่ผมเรียบเรียงวันนี้ เป็นปฐมจินดามัยของบรรดาศิลปิน อายุขัยเกินกว่า 100 ปีก็มี ไม่เต็ม 100 ก็มี เช่น ช่างเขียนเชื้อชาติออสเตรียคนหนึ่งชื่อ "เอโกน ชิเอเล" ระบายความเร่าร้อนบนผืนผ้าใบหลายภาพ ตกทอดเป็นมรดกโลกกามารมณ์ของแท้ นักวิชาการศิลปศาสตร์อ้างว่า เป็นสุดยอดงานด้านศิลปะเรื่องเพศ ยกย่องหน้าตาเฉยว่า ภาพเขียนของ ชิเอเล คือ "สัญลักษณ์แห่งศิลปะแบบ EXPRESSIONISM ช่วงต้นศตวรรษที่ 20"
ขยายความได้ว่า เป็นศิลปะในรูปแบบมุ่งแสดงออกถึงความรู้สึก มากกว่าแสดงให้เหมือนของจริง
ชิเอเล เกิดเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 1890 เดือนหน้านี้ก็จะครบ 124 ปีแห่งชาตกาล แกตายไปเมื่อ 96 ปีที่แล้ว ภาพวาดที่มีชื่อเสียงภาพหนึ่ง ชื่อ "ผู้หญิงถุงน่องสีนิล" (WOMAN WITH BLACK STOCKINGS) ซึ่งนักวิชาการมองแล้วน้ำลายหยด พรรณนาว่า
โอ้พระเจ้า...จะหาช่างเขียนใดในปฐพีเซกซ์จัดเท่า ชิเอเล เป็นไม่มีแล้ว...ดูเถิด (ดูภาพที่ว่า) ความเพลิดเพลินน่ะมันเรื่องธรรมดา แต่คุณค่าแห่งความลามกนั่นสิ...จิตรกรใดจะเขียนได้เหมือนเขา...สายตา ชิเอเล มองผู้หญิงด้วยความแหลมคม ปลายพู่กันพรรณนาถึงผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งนอกจากกามตัณหาและความใคร่ในตัวแล้ว เบื้องลึกของหัวใจยังเนรมิตกามสูตรสุดกระเจิง
มวลมหาศิลปินของโลก ถ้าไม่เอ่ยถึง ปิกัสโซ คงเชย ปาบโล ปิกัสโซ เชื้อสายสเปน ไม่ได้เป็นช่างเขียนเอกอย่างเดียว ยังถนัดด้านอื่น รวมถึง นักประติมากรรม ช่างปั้นดินเผาแบบเซรามิค ช่างพิมพ์ นักกวี และเป็นกระทั่งนักเขียนบทละคร
ปิกัสโซ เกิดเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 1881 วันนี้ถ้าแกยังไม่ตาย ก็อายุครบ 133 ปี บุญของแกที่ตายแล้ว และตายไปเมื่อ 41 ปีที่ผ่านมานี่เอง ปิกัสโซ อายุยืน แกเปลี่ยนสภาพเป็นใบไม้ร่วงไปเมื่ออายุ 92 ปี
ตอนแกเป็นหนุ่ม เหมือนผมเป็นหนุ่ม รู้จักตระเวนเที่ยวซ่องในกรุงเทพ ฯ สมัยก่อนกึ่งพุทธกาล แกไปใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองน้ำหอม อยู่ประเทศฝรั่งเศสจนแก่ ผลงานด้านศิลปะเรื่องเพศช่วงระยะต้นแบ่งเป็นภาค มีภาคสีน้ำเงิน (BLUE PERIOD) ภาคสีกุหลาบ (ROSE PERIOD) หลังจากนี้แกก็ปรับตัวเองเข้ากับยุคสมัย ทั้งยุคที่ได้รับอิทธิพลจากแอฟริกา และยุคที่เขียนภาพแบบ 3 มิติ (CUBISM)
ถ้าถามว่า ชีวิตข้าวเปลือกของ ปิกัสโซ เป็นฉันใด นักวิชาการด้านศิลปะตอบว่า
ปิกัสโซ เป็นผู้ชายที่ดวงจิตถูกครอบงำด้วยผู้หญิงและเรื่องเพศ เขาสามารถสร้างผลงานด้านศิลปะทะลักล้นออกจากดวงจิตได้โดยไม่ลังเล หมดจดงดงามทุกยุคสมัย
ภาพหนึ่งเขียนด้วยสีน้ำมัน เป็นผลงานภาคสีน้ำเงิน ซึ่งหมายถึง การเขียนภาพในโทนสีน้ำเงิน และสีเขียว-น้ำเงิน ชื่อภาพ "ความเจ็บปวด" (LA DOULEUR) ณ เวลานี้ไม่รู้ราคาเท่าไร แต่มีข่าวว่า เมื่อ 8 ปีที่แล้ว ภาพวาดของ ปิกัสโซ มีราคาซื้อขายถึง 95.2 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ ประมาณ 3,000 กว่าล้านบาท...ว้าว...!!
วกเข้ามาทางทวีปเอเชีย ไม่ต้องเข้าถึงเมืองจีน แค่ขึ้นบกที่เกาะญี่ปุ่น ก็จะพบศิลปินนามกระเดื่องโลกชื่อ คัตสึชิกะ โฮกุซาอิ อายุยืนเหมือน ปิกัสโซ อยู่จนอายุ 89 ปี ตายนานแล้ว นานกว่า 250 ปี เรื่องอายุของศิลปินแดนอาทิตย์อุทัยคนนี้ไม่แน่นอน เพราะมนุษย์สมัยนั้น เกิด คือ เกิด และตาย ก็คือ ตาย ไม่มีทะเบียนสูติ-มรณะ
โฮกุซาอิ เกิดที่เอโดะ หรือโตเกียวในปัจจุบัน เป็นสุดยอดศิลปิน มีผลงานด้านศิลปะทางเพศเป็นเยี่ยม นักวิชาการรู้จักเขาในนาม "โฮกุซาอิ" งานของแกนักวิชาการเหมาว่า ได้รับอิทธิพลมาจากเมืองจีน โดยมีเอกลักษณ์เป็นญี่ปุ่นแท้
เป็นช่างเขียนชาวเอโดะ แต่ความสนใจดันไปอยู่ที่ ผู้หญิงเก็บไข่มุก ภาพแกะสลักบนแผ่นไม้ภาพหนึ่งของแก มีชื่อ "ความฝันของเมียชาวเล" (THE DREAM OF THE FISHERMAN'S WIFE) ปี 1814
งานแกะสลักไม้ชิ้นนี้ เกิดขึ้นตอนแกอายุ 54 ปีแล้ว ร่างกายแข็งปั๋ง กำลังมือแน่นอนมั่นคง แกะเป็นภาพออกมาได้อย่างวิเศษ
สมัยที่ผมเคยไปเที่ยวญี่ปุ่น พบว่าทางตอนใต้มีฟาร์มเลี้ยงไข่มุก และมีผู้หญิงเก็บไข่มุกด้วยการดำน้ำทะเลมาก ภาพโดย โฮกุซาอิ แสดงภาพผู้หญิงเก็บไข่มุกคนหนึ่งกำลังตกเป็นทาสอารมณ์สิเน่หา อันเกิดจากหมึกยักษ์ 2 ตัว หมึกยักษ์ตัวใหญ่ใช้หนวดขนาดใหญ่ของมันโอบกอดร่างอันเปลือยเปล่า สีขาวโพลน นักวิชาการดูภาพแล้วรู้สึกเป็นการกระชับเนื้อหนังมังสาด้วยขนสัตว์ที่มีชีวิต ขณะหมึกยักษ์แสดงท่าสัมผัสสามเหลี่ยมทองคำด้วยปากและลิ้น
ส่วนเจ้าตัวเล็ก โผล่ขึ้นทางด้านผมเผ้ากระจุยกระจายบนศีรษะผู้หญิง กำลังจูบปากนางด้วยความสุข
นักวิชาการที่ไม่เปิดเผยนามบอกว่า นี่คือภาพที่ให้ความเพลิดเพลิน เป็นปฏิบัติการเฉียบคมเนรมิตความยินดีโดยไม่ถึงกับสะอึกกลางทาง...!
อิตาลี ไม่ได้มีชื่อเสียงเรื่องมะกะโรนีอย่างเดียว ศิลปะด้านเพศก็ขึ้นชื่อลือชาไม่แพ้ประเทศอื่น ช่างเขียนคนหนึ่งชื่อ อันโตนีโอ อัลเลกรี สมัยเรอเนสซองศ์ เมื่อประมาณปีคริสต์ศักราช 1530 เขียนภาพหนึ่งมีชื่อเสียงสุดยอด ชื่อภาพ "จูปิเตอร์และไอโอ" ขณะนี้อยู่ในพิพิธภัณฑ์แห่งเวียนนา ออสเตรีย
จูปิเตอร์ เป็นเทพบุตรโรมัน ไอโอ เป็นราชธิดาของ พระเจ้าอินาอุส ปฐมกษัตริย์แคว้นอาร์โกส ทางตะวันออกเฉียงใต้ของกรีก ลำพัง 2 คนนี้ไม่มีเรื่องตื่นเต้นหวาดเสียว แต่ที่เป็นเรื่องขึ้นมาเพราะ ไอโอ เป็นผู้หญิงที่เทพเจ้าแห่งสวรรค์นามว่า ซูส หลงรักใคร่
ซูส เป็นเทพบุตรกรีกมีเมียแล้วชื่อ พระนางเฮรา ขี้อิจฉาตาร้อน รู้ว่าสามีนอกใจก็ไม่โทษผัว แต่ดันไปยิงเอม 79...เอ้ย...ไปเสกคาอาคมสาปให้ ไอโอ กลายเป็น นางวัวสาวเผือก เพราะริษยาความงาม
ภาพที่ อันโตนีโอ เขียน ไม่ได้บรรยายท้องเรื่องเหมือนภาพวาดเรื่อง รามเกียรติ์ ที่ผนังโดยรอบพระมหาอุโบสถวัดพระแก้ว แต่เป็นภาพเขียนถึง ไอโอ ในสภาพเปลือย และอยู่ในอ้อมกอดของหมอกสีครามอ่อน นักวิชาการดูภาพแล้วยืนยันว่า
ภาพให้ความรู้สึกถ่ายทอดความหมายอันชัดแจ้งของวรรณคดีกรีกโบราณ ด้วย จูปิเตอร์ นั้นก็คือ เทพแห่งสวรรค์และดินฟ้า เป็นต้นแบบของสายหมอกประหนึ่งผ้ากำมะหยี่อันบางเบา ภาพซึ่งมองเหมือนสายหมอกห่อหุ้มพระวรกายของ ไอโอ
ดูภาพนี้ ต้องดูให้เห็นความรู้สึกของ ไอโอ ในภาพ มองทะลุเห็นการเปลี่ยนแปลงของราชธิดาแห่งแคว้นอาร์โกส ซึ่งถูกละลายร่างอย่างระรื่นโดยมีหมอก หรือควัน
(ของพี่เบิร์ด) ประเล้าประโลมด้วยมีใจสุดสิเน่หาและแสนหวง...
อันโตนีโอ เป็นคนเมืองปาร์มา นักวิชาการรุ่นใหม่รู้จักในนาม "โกร์เรจจิโอ" เป็นศิลปินชื่อดังของโลก ในศตวรรษที่ 16
ถ้าท่านผู้อ่านหลงใหลภาพ "จูปิเตอร์และไอโอ" ก็ต้องดูรูปปั้นโคตรวิจิตรบรรเจิด ผลงานด้านศิลปะเรื่องเพศของนักประติมากรรมชาวมะกะโรนีอีกคน ชื่อ อันโตนีโอ กาโนวา รุ่นหลัง อัลเลกรี ในยุคศตวรรษที่ 18 เกิด 1 พฤศจิกายน 1757 ตายเมื่อ 13 ตุลาคม 1822
รูปแกะสลักอันวิจิตรมหัศจรรย์ของ กาโนวา มีชื่อว่า "ไซคีกลับมีชีวิตด้วยจุมพิตแห่งกามเทพ" (PSYCHE REVIVED BY CUPIDS KISS)
"คิวปิด" คือ กามเทพ และ "ไซคี" เป็นเทพธิดากรีกโบราณ และเป็นคู่รักของกามเทพ รูปแกะสลักอันมีชื่อเสียงของศิลปินแห่งเวนิศคนนี้ มีให้ทัศนาที่ พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ ในกรุงปารีส ครับ...!
เรื่องโดย : ข้าวเปลือก
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน พฤษภาคม ปี 2557
คอลัมน์ Online : ประสาใจ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/17898