ประสาใจ
ปีนต้นงิ้ว
เมื่อต้นเดือนพฤษภาคม เวลาบ่าย 3 โมงเย็น กิ่งต้นงิ้วสูงประมาณอาคาร 7 ชั้น อายุกว่า 100 ปี ปลูกมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ตั้งอยู่ในเขตรัฐสภา ประตูปราสาทเทวฤทธิ์ หักลงมาพาดสายไฟฟ้าแรงสูง เป็นเหตุให้หม้อแปลงไฟฟ้าระเบิดความเสียหายทางด้านทรัพย์สินไม่มี มีแต่รอยถลอกเล็กน้อยของรถยนต์ 2-3 คันที่จอดอยู่ใต้ต้นงิ้ว ไม่มีใครบาดเจ็บหรือเสียชีวิต หลังเกิดเหตุแล้ว ก็พูดกันว่า เป็นลางสังหรณ์ทางด้านลบ ดาวมฤตยูโคจรทับดวงเมืองและดวงโลก จะมีการศึก หรืออาจมีปฏิวัติซ้อน เป็นเพราะเทวดาที่อยู่บริเวณเหตุเกิดไม่พอใจบางสิ่งจึงส่งสัญญาณเตือน ผมฟังแล้วก็ดรามาตามไปด้วยไม่ไหว เพราะเท่าที่เคยเรียนหนังสือมาแต่เล็ก รู้แต่คำสำนวนไทย "ปีนต้นงิ้ว" อันหมายถึงผู้คบชู้เมื่อตายไป จะต้องตกนรกไปปีนต้นงิ้วในนรกตามที่ "สุนทรภู่" เขียน "นิราศภูเขาทอง" ไว้ตอนหนึ่งว่า "งิ้วนรกสิบหกองคุลีแหลม ดังขวากแซมเสี้ยมแซกแตกไสว ใครทำชู้คู่ท่านครั้นบรรลัย ก็ต้องไปปีนต้นน่าขนพองฯ" หรือจากวรรณคดีเอก "ไตรภูมิพระร่วง" ก็ให้ความหมายถึงระบบศีลธรรมขั้นพื้นฐาน "กาเมสุมิจฉา จารา" เว้นการประพฤติผิดในกาม ต้นงิ้วเป็นต้นไม้แห่งกามภูมิ เตือนให้เรานึกถึงผลที่จะตามมา ดังความจาก "ไตรภูมิกถา" ว่าดังนี้ "ฝูงสัตว์ทั้งหลายนี้ เมื่อใกล้ขาดใจตายนั้น ผิว่าจะได้ไปตกนรก ผู้นั้นเห็นเปลวไฟ แลเห็นไม้งิ้วเหล็ก...ฯ" เหตุการณ์กิ่งงิ้วหักลงมาพาดสายไฟ ในเขตรัฐสภา ผมจึงเชื่อว่า เป็นเพราะผู้คนสมัยนี้นิยมปีนต้นงิ้ว แม่ฮ่องสอนจังหวัดเดียวจับกุมทำคดีกันไม่หวาดไม่ไหว จับทั้งคน จับทั้งนกฮูก เมื่อมีคนปีนกันมากก็เป็นธรรมดา กิ่งไม้ไม่ว่าเผ่าพันธุ์อะไรก็ทานน้ำหนักไม่ไหวครับ ผู้หญิงที่เป็นต้นแบบกาเมสุมิจฉา จาราเท่าที่ทราบ น่าจะเป็นนางกากี จากกลอนสุภาพของ "เจ้าพระยาพระคลัง (หน)" ตำนานนางกากีเป็นเรื่องราวของ ท้าวพรหมทัต กรุงพาราณสี อายุสูงวัย แต่มีพระมเหสีรูปงามกายมีกลิ่นหอม ชื่อ "นางกากี" ซึ่งพระองค์รักและหลงใหล ไม่ยอมให้มหาดเล็ก หรือชายใดอื่น เข้าใกล้หรือแม้ได้เห็น ยกเว้นคนเดียว คือ นาฏกุเวร นาฏกุเวร เป็นคนสนิทของท้าวพรหมทัต เป็นหนุ่มรูปงาม เป็นนักดนตรีเอก ประพันธ์เพลงและดีดพิณขับกล่อมตามหน้าที่ ท้าวพรหมทัต มีเพื่อนเลิฟคนหนึ่งเป็น พญาครุฑ ชื่อ เวนไตย มีวิมานส่วนตัวชื่อ ฉิมพลี อยู่ที่เชิงเขาพระสุเมรซึ่งมีดงต้นงิ้วรายรอบ เวนไตย เป็นครุฑชั้นผู้ใหญ่ เวลาจะไปเที่ยวเมืองมนุษย์ก็จะแปลงตัวเป็นหนุ่มรูปงาม จนได้เข้าไปเล่นสกากับ ท้าวพรหมทัต นางกากี สวยงามจนเกิดคำเล่าลือจากนางสนม ครั้น เวนไตย ได้ยินก็เกิดอารมณ์ วันหนึ่งเล่นสกากับ ท้าวพรหมทัต ชำเลืองมองไปกระทบสายตา นางกากี ที่แอบมองมา ตะบะ เวนไตย แตกดังโพละ เวนไตย ไม่รอช้า แปลงกลับเป็นพญาครุฑบินไปบังแสงอาทิตย์ ทำให้กรุงพาราณสีมืดมิดโดยไม่มีเหตุผล แถมยังเกิดพายุลมกรรโชกรุนแรง เหตุที่เกิดเมื่อสงบลงแล้วมีผลร้ายประการเดียว คือ นางกากี หายตัวไปจากวัง ความทุกข์ระทมตกอยู่กับ ท้าวพรหมทัต ไม่พ้นการอาสาของ นาฏกุเวร เพราะรู้เห็นกับตา คราที่ เวนไตย สบตา นางกากี จึงวางแผนให้ ท้าวพรหมทัต ชวน เวนไตย มาเล่นสกา โดยมี นาฏกุเวร เล่นดนตรีประกอบ ครั้น เวนไตย มาเล่นสกาตามแผน จึงแปลงกายเป็นตัวไร เกาะปีก เวนไตย ที่กลายเป็นพญาครุฑ บินถึงวิมานฉิมพลี และเห็น นางกากี อยู่ที่แห่งนั้น เมื่อ เวนไตย ออกไปข้างนอก นาฏกุเวร ก็แปลงกายเป็นมานพรูปงามที่ชื่อ นาฏกุเวร ขอร่วมภิรมย์สมสู่กับ นางกากี โดยขู่ว่าหากนางไม่ยอมก็จะเปิดเผยความลับ นางกากี ก็ยอม ครั้น เวนไตย กลับมาเล่นสกาอีกครั้งกับ ท้าวพรหมทัต นาฏกุเวร รับหน้าที่เดิม แต่งเพลงขับกล่อมประกอบการเล่นสกา แต่เนื้อเพลงบาดหัวใจ เวนไตย ถึงที่สุดเพราะ นาฏกุเวร ดันรจนาขึ้นจากประสบการณ์ที่รับมาจากวิมานฉิมพลี "รื่นรื่นชื่นจิตพี่จำได้ เหมือนเมื่อไปร่วมภิรมย์ประสมศรี ในสถานพิมานฉิมพลี กลิ่นยังซาบทรวงพี่ทั้งวรกาย นิจจาเอ๋ยจากเชยมาเจ็ดวัน กลิ่นสุคันธรสรื่นก็เหือดหาย ฤาว่าใครแนบน้องประคองกลาย กลิ่นสายสวาทซาบอุรามาฯ..." เวนไตย ตะบะแตกดังโพละ เจ็บใจบินกลับมาคุกคาม นางกากี สุดท้ายผู้ทรยศถูกส่งตัวกลับกรุงพาราณสี ท้าวพรหมทัต ใช้ความรักและความแค้น ราดหน้าด้วยความอับอาย ทรงตัดใยสวาท นางกากี สั่งนำตัวไปลอยแพในมหาสมุทร นางกากี หมดสติขณะอยู่บนแพ ลืมตาอีกทีก็พบนายสำเภายิ้มเผล่อยู่บนเรือสำเภา ไม่ช้า นางกากี ก็เป็นเมียนายสำเภา แต่เป็นเมียได้ไม่กี่ราตรี เรือสำเภาก็ถูกโจรสลัดปล้น โจรได้ทั้งทรัพย์สิน และสตรีที่กลิ่นกายหอม รูปก็งามชื่อ กากี หัวหน้าโจรระงับอารมณ์ไม่อยู่ นำเรือเทียบเกาะใหญ่ จัดการเป็นสามี นางกากี แต่สมุนโจรกลุ่มกบฏก็อยากได้เล่นบทนี้บ้าง จึงแตกความสามัคคี ถึงกับใช้อาวุธ ตอนนี้เอง นางกากี ฉวยโอกาสหลบหนีโจร ตกระกำในป่าอยู่พักใหญ่ ก็พานพบประสบ ท้าวทศวงศ์ แห่งกรุงไพสาลี ซึ่งเป็นพ่อม่าย ดังนั้น นางกากี ก็ตกเป็นพระมเหสี ส่วน ท้าวพรหมทัต ตรอมพระราชหฤทัยจนสวรรคต นาฏกุเวร ได้รับเลือกให้ครองราชย์ ครั้นทราบว่า นางกากี อยู่กรุงไพสาลี ก็ยกทัพไปรบแล้วเอา นางกากี กลับมาเชยชมที่กรุงพาราณสี มีความสุขแต่นั้นจนนิรันดร์ ทั้งหมดเป็นเรื่องเล่าแต่โบราณกาล สมัยนี้มีเรื่องจริงเกิดขึ้นไม่เว้นแต่ละวัน เป็นเรื่องรักแท้ทั้งสิ้น ส่วนใหญ่ที่เปิดเผยออกมามักเป็นเรื่องระหว่างหนุ่มกับสาวในสังคม เป็นเรื่องราวของชาวเซเลบริที แต่ไม่มีอะไรคล้ายคลึงกับ "นางกากี" อาทิ ดรามารักแท้ของ เอมมานูเอล มาครง ผู้ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิดีคนที่ 25 ของประเทศฝรั่งเศส เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา มาครง วันนี้อายุ 39 ปี ถือเป็นประธานาธิบดีที่อายุน้อยสุดของเมืองน้ำหอม เขามีภรรยาแล้วโดยแต่งงานกันเมื่อ 8 ปีก่อน ท่านผู้อ่านจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม ทว่าภรรยาของเขาคนนี้อายุ 64 ปี แก่กว่าสามี 25 ปี และท่านผู้อ่านก็อาจจะยิ่งไม่เชื่อ ถ้าบอกว่า มาครง หลงรัก นางบริจิตต์ โทรนเฌอซ์ ตั้งแต่เขาเป็นเด็กอายุ 15 ปี เป็นพลเมืองคนหนึ่งของเมืองอาเมียงส์ มาครง เป็นนักเรียน ได้เล่นละครโรงเรียนเป็นตัวหุ่นไล่กา ทุกรายละเอียดของเรื่องนี้ นางบริจิตต์ จำได้อยู่คนเดียว ซึ่งในตอนนั้นเธอเป็นครูสอนวิชาวรรณคดีฝรั่งเศส อายุ 40 ปี มีสามีและมีลูก 3 คน ซึ่งลูกสาวคนหนึ่ง ก็เป็นเพื่อนร่วมห้องเรียนกับ มาครง เมื่อครั้น มาครง อายุ 17 ปี ได้ย้ายไปเรียนหนังสือต่อที่กรุงปารีส แต่เขาไปหอไอเฟลแต่ตัว ไม่ได้เอาหัวใจไปด้วย เพราะหัวใจอยู่กับ นางบริจิตต์ คนเดียว มาครง เลิกเรียนหนังสือที่โรงเรียน แล้วก็จะมาสาบานตนกับแม่น้ำเซน ว่าถ้าจะแต่งงานก็จะขอแต่งกับ นางบริจิตต์ คนนี้คนเดียว โดยในที่สุดเขาก็ได้แต่งงานสมปรารถนา เมื่ออายุ 31 ปี มาครง อ่านโลกผ่านทางวรรณคดี คงมีหนังสือนอกเวลาเรียนเพื่ออ่านประกอบด้วย เช่น "BOULE DE SUIF" (เรื่องสั้นชุดโลกีย์ชีวิต) ของ กีย์ เดอ โมปาส์ซังต์ ซึ่งเรื่องสั้นของนักประพันธ์ชาวนอร์มังดีคนนี้มากกว่า 260 เรื่อง ถูกแปลเป็นภาษาต่างประเทศทั่วโลก กีย์ เดอ โมปาส์ซังต์ สำส่อนกับโสเภณีอย่างหนัก จนเป็นโรคร้าย ซิฟิลิสขึ้นสมอง ซึ่งการแพทย์สมัยศตวรรษที่ 18 ยังไม่สามารถรักษาได้ เสียชีวิตลงขณะอายุ 43 ปี
เรื่องโดย : ข้าวเปลือก
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน กรกฏาคม ปี 2560
คอลัมน์ Online : ประสาใจ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/176360