โค้งอันตราย
ดีแน่นะ
จบไตรมาสแรกกันไปแล้ว ด้วยตัวเลขที่เป็นที่ชื่นใจกันทุกฝ่าย สามเดือน มกราคม-กุมภาพันธ์-มีนาคม ทั้งตลาดขายรถยนต์ได้ 210,490 คัน เพิ่มขึ้นถึง 15.9 % ขณะที่เดือนมีนาคมเดือนเดียว ขายเพิ่มขึ้น 16.7 % จำนวน 84,801 คัน ด้วยเหตุปัจจัย
ความนิยมในรถยนต์รุ่นใหม่ที่แนะนำเข้าสู่ตลาด และกิจกรรมส่งเสริมการขายที่เริ่มตั้งแต่ต้นปี ส่งผลในเชิงบวกต่อตลาดรถยนต์ เพราะเพียงสามเดือนแรกของปี ก็มีรายการแนะนำรถเก๋งรุ่นใหม่กัน 3 ยี่ห้อ เรียกว่า เรียกลูกค้ากันแต่หัววันเชียว
แถมยังมีคำหวานหยอดมาอีก ว่าตลาดรถยนต์ในเดือนเมษายน จะมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง เป็นผลมาจากความต้องการของลูกค้าเพิ่มมากขึ้นในช่วงงานแสดงรถยนต์ ประกอบกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ และการผ่อนคลายนโยบายทางการเงิน ล้วนเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดรถยนต์ทั้งสิ้น
ก็ชื่นใจกันตั้งแต่ปีใหม่ ทีนี้ลองหันมาดูยอดการส่งออกของประเทศเรากันบ้าง กระทรวงพาณิชย์บอกว่าไตรมาสแรก มีมูลค่า 56,456.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว 4.9 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ถือว่าขยายตัวสูงสุดในรอบ 4 ปี ขณะที่ตัวเลขส่งออกเดือนมีนาคม 2560 มีมูลค่า 20,888 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว 9.22 %
ปัจจัยบวกสำคัญมาจากราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้มูลค่าการส่งออกขยายตัวเพิ่มขึ้นตาม ประกอบกับแรงผลักดันจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัว ส่งผลให้หลายตลาดส่งออกขยายตัว 2 หลัก เช่น สภาพยุโรปเพิ่ม 10.2 % ญี่ปุ่นโต 14.9 % CLMV เพิ่ม 18.1 % กลุ่ม CIS รวมรัสเซีย เพิ่มขึ้น 109 % เป็นต้น
ในจำนวนนี้ การส่งออกรถยนต์กลับมามีสัญญาณที่ดีอีกครั้งในเดือนมีนาคม มูลค่าการส่งออกรถยนต์และส่วนประกอบ กลับมาขยายตัวในระดับสูงในเดือนมีนาคม โดยการส่งออกรถยนต์ในเดือนมีนาคมขยายตัว 5.0 % จากปริมาณการส่งออกรถยนต์นั่งไปยังตลาดสหภาพยุโรป และอเมริกาเหนือ ที่เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวในไตรมาสแรก ประกอบกับการส่งออกรถกระบะและรถบรรทุกไปยังตลาดออสเตรเลีย กลับมาขยายตัวสูงถึง 24.6 % ในเดือนมีนาคม ส่งผลให้ในไตรมาสแรกของปี 2015 การส่งออกรถยนต์และส่วนประกอบขยายตัวราว 5.5 %
แต่ในเรื่องดีๆ ก็ยังมีเรื่องที่ไม่ค่อยดีซุกซ่อนอยู่พอควร เพราะยังมีความไม่แน่นอนทางการเมืองที่มีอยู่มากในภูมิภาคยุโรป เช่น การเลือกตั้งของฝรั่งเศส อิตาลี เยอรมนี และการครบกำหนดชำระหนี้ของกรีซ เป็นต้น
ขณะที่ "ความผันผวนของค่าเงิน" ทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกมาเตือนให้ผู้ส่งออกไทย มีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนอย่างต่อเนื่อง โดยข้อมูลจาก ธปท. ระบุว่า ปี 2558 ผู้ส่งออกไทยที่มีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเพียง 34 % และมีผู้ส่งออกถึง 66 % ไม่ทำการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเลย ทำให้มีความเสี่ยงที่จะสูญเสียรายได้จากความผันผวนของค่าเงิน
แต่เรื่องหลังสุดนี่ ไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับค่ายรถยนต์สักเท่าใดนัก เพราะบรรดาค่ายยักษ์ใหญ่ทั้งหลาย ต้องค้าขายกับหลายประเทศ หลายสกุลเงิน มีความจำเป็นต้องป้องกันความเสี่ยงเอาไว้อย่างมาก เพราะเงินแต่ละสกุล ก็มีความผันผวนกันไป แล้วแต่นโยบายการเงินการคลังของประเทศนั้นๆ ค่ายรถยนต์จึงต้องรับมือกับเรื่องพวกนี้เป็นเหตุการณ์ปกติอยู่แล้ว
บรรดาผู้ส่งออกที่ไม่สนใจเรื่องการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน น่าจะเป็นบรรดาพวกมือใหม่หัดขับเสียมากกว่า
แต่สิ่งหนึ่งที่น่าจะเป็นตลาดที่เปิดกว้างสำหรับอุตสาหกรรมด้านอีเลคทรอนิคส์ของไทย คือ การก้าวเข้าสู่ยุค INTERNET OF THINGS (IOT) หรือ “อินเตอร์เนทในทุกสิ่ง” ซึ่งหมายถึง การที่สิ่งต่างๆ ถูกเชื่อมโยงทุกสิ่งทุกอย่างสู่โลกอินเตอร์เนท ทำให้มนุษย์สามารถสั่งการควบคุมการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ ผ่านทางเครือข่ายอินเตอร์เนท เช่น การเปิด-ปิด อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า รถยนต์ โทรศัพท์มือถือ เครื่องมือสื่อสาร เครื่องมือทางการเกษตร อาคาร บ้านเรือน เครื่องใช้ในชีวิตประจำวันต่างๆ ผ่านเครือข่ายอินเตอร์เนท เป็นต้น อาจจะเป็นอีกแรงหนุนอุตสาหกรรมอีเลคทรอนิคส์ของไทยให้ฟื้นตัว โดยการส่งออกสินค้าในกลุ่มอีเลคทรอนิคส์ขยายตัวสูงถึงร้อยละ 17.4 ในเดือนมีนาคม 2560 มาจากวัฏจักรขาขึ้นของสินค้าอีเลคทรอนิคส์ ซึ่งโดยทั่วไปวัฏจักรสินค้าอีเลคทรอนิคส์จะมีระยะเวลา 2-3 ปี ซึ่งหากความต้องการสินค้าอีเลคทรอนิคส์ของไทย สามารถตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลงอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าหรืออีเลคทรอนิคส์ที่เป็น INTERNET OF THINGS (IOT) ได้ การส่งออกอีเลคทรอนิคส์อาจจะเป็นแรงหนุนภาคการส่งออกอีกแรงของไทยในปีนี้
ขึ้นอยู่เพียงว่า ผู้ประกอบการของเราจะสามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่มาแบบรวดเร็ว ได้ทันกับความต้องการหรือเปล่า
ก็ได้แต่หวังว่า จะมีการให้ความรู้ สื่อสารทำความเข้าใจ เพื่อการก้าวสู่ภาคการส่งออกอีเลคทรอนิคส์ ให้ก้าวหน้าไปได้อีกแรงหนึ่ง
เรื่องโดย : มือบ๊วย
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน มิถุนายน ปี 2560
คอลัมน์ Online : โค้งอันตราย
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/172737