สัมภาษณ์พิเศษ(formula)
ปวราภา ดุพัสกูล
"ฟอร์มูลา" สัมภาษณ์พิเศษ ปวราภา ดุพัสกูล ผู้อำนวยการแผนกการตลาดและประชาสัมพันธ์ บริษัท เอเอเอส ออโต้เซอร์วิส จำกัด ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ โพร์เช อย่างเป็นทางการ แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยฟอร์มูลา : คุณมีหน้าที่รับผิดชอบอะไรบ้าง ? ปวราภา : ปัจจุบันรับผิดชอบด้านการตลาดและประชาสัมพันธ์ของบแรนด์ โพร์เช และภาพรวมของบริษัทฯ ดูแล 4 สายงานหลักๆ ได้แก่ 1. งานประชาสัมพันธ์ 2. กิจกรรมทางการตลาด จัดอีเวนท์ต่างๆ 3. การสื่อสารบแรนด์และองค์กรออกไปหากลุ่มเป้าหมาย 4. งานลูกค้าสัมพันธ์ CRM ดูความพึ่งพอใจของลูกค้า ทั้งฝ่ายขายและบริการ ซึ่งการทำงานในแต่ละส่วน จะมีทีมงานในสายงานหลัก ที่จะมาช่วยเสริมทีมให้มีความแข็งแกร่ง และประสบความสำเร็จในการทำงานในแต่ละส่วน ฟอร์มูลา : หลังจากที่คุณเข้ามาดูแลบแรนด์ โพร์เช ภาพลักษณ์ของบแรนด์เป็นอย่างไร ? ปวราภา : ภาพลักษณ์ของ โพร์เช ในตลาดรถยนต์ทั่วโลกถือว่าได้รับการตอบรับที่ดี รวมถึงประเทศไทยด้วย แต่หลังจากที่ได้มีการทำการตลาดที่ชัดเจนมากขึ้น การขยายตลาด ขยายกลุ่มลูกค้า นำเข้ารถยนต์รุ่นใหม่มากขึ้น ทำให้ภาพรวมของบแรนด์ โพร์เช เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น แต่หน้าที่สำคัญที่ต้องทำคือทำให้คนรู้จักว่า เอเอเอสฯ เป็นใคร การประชาสัมพันธ์ส่วนใหญ่จึงต้องเน้นไปที่สร้างการรับรู้ว่า ถ้าจะซื้อรถยนต์ โพร์เช ต้องซื้อจากผู้นำเข้าอย่างเป็นทางการ นั้นคือ บริษัท เอเอเอส ออโต้เซอร์วิส จำกัด จะได้สิทธิพิเศษ และสิทธิประโยชน์ต่างๆ มากกว่าซื้อจากที่อื่น ฟอร์มูลา : ปัจจุบันการดำเนินธุรกิจมีความยาก/ง่ายอย่างไร ? ปวราภา : การทำธุรกิจในปัจจุบันค่อนข้างเป็นเรื่องที่ท้าทาย ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยภายในของแต่ละบแรนด์ หรือปัจจัยภายนอก ทั้งควบคุมได้และควบคุมไม่ได้ ถือว่าเป็นความท้าทายที่เราต้องจัดการให้ได้ แก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น แล้วปรับเปลี่ยน ปรับปรุง ให้องค์กรและบแรนด์รถยนต์อยู่ต่อไปได้ จริงๆ แล้ว จุดแข็งของบริษัทฯ คือ เรามีบแรนด์เป็นที่รู้จักของตลาด ซึ่งก็คือ โพร์เช ตัวพโรดัคท์แน่นอนอยู่แล้วว่ามีความมั่นใจ มีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสมรรถนะ ระบบความปลอดภัยต่างๆ แต่สิ่งที่ท้าทาย คือ เราต้องพโรโมทความเป็นผู้นำเข้าอย่างเป็นทางการ ว่าต้องซื้อกับเราถึงจะได้สิทธิพิเศษที่เหนือกว่า ฟอร์มูลา : การแข่งขันในปัจจุบันเป็นอย่างไร ? ปวราภา : ทุกบแรนด์มีการพัฒนาพโรดัคท์อยู่แล้ว แต่การที่จะทำให้ได้เปรียบในการแข่งขัน นอกจากตัวพโรดัคท์และเซลส์แล้ว ต้องดูเรื่องบริการหลังการขายเป็นหลักใหญ่ เพราะลูกค้าที่ซื้อรถยนต์ไป แน่นอนว่าต้องการความมั่นใจ ความอุ่นใจ ว่าบริษัทฯ สามารถดูแลรถยนต์ของเขาได้ ซึ่ง เอเอเอสฯ เอง มีสโลแกนที่สำคัญ คือ AAS LOOKING AFTER YOU AND YOUR CAR หรือ เอเอเอส ดูแลทั้งรถและคุณ ซึ่งเป็นนโยบายประจำบริษัทฯ ของเรา ดูแลทั้งลูกค้า บริการ และบริการหลังการขาย โดยรถที่เข้ามารับการบริการจาก เอเอเอสฯ ไม่ว่าจะเกิดปัญหาอะไร ต้องแก้ไขได้หมด เพราะบริษัทฯ สามารถติดต่อโดยตรงกับโรงงานได้ในทุกเรื่อง ทุกปัญหา รวมถึงอะไหล่ที่การติดต่อของ เอเอเอสฯ สั่งซื้อได้ในเวลาไม่เกิน 3 วัน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสะดวก รวดเร็ว ที่ผู้นำเข้าอิสระไม่สามารถดำเนินการได้ นอกจากนี้ เอเอเอส มีการเรียน ทดสอบ วัดระดับ พัฒนาระดับ ของช่างทุกปี ซึ่ง เอเอเอสฯ มีช่างที่เป็นระดับวิศวกรที่ดูแลรถยนต์ โพร์เช มากที่สุดถ้าเทียบกับศูนย์รถยนต์ โพร์เช ในเอเชียแปซิฟิค อยู่ในระดับโกลด์ คือ สูงสุด มีช่างถึง 12 คน ซึ่งลูกค้ามั่นใจได้ ฟอร์มูลา : รถที่ได้รับความนิยมสูงสุดของ โพร์เช คือรุ่นใด ? ปวราภา : ปีที่ผ่านมา คือ กาเยนน์ และเคย์แมน ซึ่ง กาเยนน์ เป็นรถพรีเมียม เอสยูวี มีความคุ้มค่า และอเนกประสงค์ พร้อมกับรุ่น กาเยนน์ เอสอี ไฮบริด ราคาสามารถจับต้องได้ รุ่นนี้เป็นรุ่นรองทอพจากตัวเทอร์โบ ในต่างประเทศราคาจะสูงกว่านี้มาก แต่เนื่องจากรัฐบาลเราสนับสนุนเรื่อง GREEN-ENVERLOPMENTS ภาษีนำเข้าจึงลดลง ทำให้ราคาขายอยู่ที่ 8.2 ล้านบาทเท่านั้น ส่วน เคย์แมน ที่เพิ่งเปิดตัว ในงาน MOTOR EXPO ครั้งที่ 32 ตัวนี้ได้รับความนิยม เพราะว่าหลายๆ คน ชอบในดีไซจ์นตัวใหม่ คือ รุ่น 718 เคย์แมน ที่ได้รับการพัฒนาเทคโนโลยีและระบบใหม่ ทำให้มียอดจองสูงมากจากงาน MOTOR EXPO ปีที่แล้ว และสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ฟอร์มูลา : รถรุ่นใหม่ที่จะเข้ามาเสริมทัพในปีนี้ ? ปวราภา : พานาเมรา 4 เอส ที่เปิดตัวในช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยมีจุดเด่น คือ เป็นครั้งแรกที่เอาระบบขับเคลื่อน 4 ล้อมาใส่อยู่ใน พานาเมรา เป็นการผสมผสาน เรื่องดีไซจ์น สมรรถนะ ความลักชัวรี หรือหรูหรา ผสมกับความเป็นรถสปอร์ท รวมถึงประสิทธิภาพ สมรรถนะในการขับขี่ได้อย่างลงตัว นำจุดหลักๆ มาผสมผสานกัน แต่ยังคงสมรรถนะที่เหนือชั้นและความประหยัดเอาไว้ ส่วนช่วงกลางปี จะมี พานาเมรา 4 อี-ไฮบริด ขับเคลื่อน 4 ล้อ ประหยัดน้ำมันได้มากขึ้น สามารถวิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว วิ่งได้ถึง 50 กม. หากใช้พลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว การบริโภคน้ำมันอยู่ที่ 40 กม./ลิตร ซึ่งค่อนข้างจะประหยัดมาก สามารถเดินทางจากบ้านไปถึงที่ทำงานเพียงใช้ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวโดยไม่ต้องใช้น้ำมัน ฟอร์มูลา : พฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบันเป็นอย่างไร ? ปวราภา : อย่างแรก ลูกค้าต้องมองถึงความคุ้มค่าก่อน ว่าเมื่อจ่ายเงินก้อนหนึ่งแล้ว สิ่งที่เขาได้คืออะไร นอกจากสมรรถนะ ความมั่นใจในตัวรถ นอกจากนี้สิ่งที่ลูกค้าต้องการตามมาคือ เมื่อนำรถออกไปจากโชว์รูมแล้วการดูแลหลังจากนี้เป็นอย่างไร ดังนั้น เอเอเอสฯ จึงนำเสนอการรับประกันนานถึง 9 ปี สำหรับรถ โพร์เช ทุกรุ่นที่ซื้อจาก เอเอเอสฯ ที่จะได้รับการบริการหลังการขาย ที่เพียบพร้อมด้วยเครื่องมือ และช่างระดับวิศวกรเป็นผู้ดูแล ฟอร์มูลา : กิจกรรมที่คุณคิดว่าจะเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นประเภทใด ? ปวราภา : ถ้าพูดถึง โพร์เช ต้องเป็นกิจกรรมดไรวิง จะมีคำกล่าวที่ว่า การสื่อสารที่ดีที่สุดจากรถยนต์ โพร์เช ถึงผู้ขับขี่ คือ การนั่งอยู่หลังพวงมาลัยของ โพร์เช เมื่อคุณได้เหยียบคันเร่ง ได้เหยียบเบรค มันจะสื่อสารออกมาเองว่ารถมีประสิทธิภาพขนาดไหน ระบบเบรคของ โพร์เช ที่ขึ้นชื่อว่าดีที่สุด ของบแรนด์รถยนต์เป็นอย่างไร ตรงนี้ลูกค้าจะสื่อสารได้ด้วยตัวเอง เป็นกิจกรรมที่เข้าถึงเป้าหมายได้ดีที่สุด ฟอร์มูลา : ปัจจุบันมีโชว์รูมกี่แห่ง เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภคหรือไม่ ? ปวราภา : ตอนนี้มีดีเลอร์อยู่ 2 แห่ง คือ โพร์เช เซนเตอร์ แบงคอค ที่ดอนเมือง เป็นโชว์รูมและศูนย์บริการ และ โพร์เช เซนเตอร์ ที่พัฒนาการ มีโชว์รูมและศูนย์บริการเช่นกัน พร้อมกับ โพร์เช ซิที โชว์รูม ที่สยามพารากอน มีแค่โชว์รูมอย่างเดียว ด้วยการรับประกัน 9 ปี จะมีโรดไซด์ แอสซิสแตนส์ ที่บริการลูกค้าฟรี รับประกัน 9 ปี เหมือนกัน เพราะส่วนใหญ่สาขาจะอยู่ในกรุงเทพฯ สำหรับลูกค้าต่างจังหวัด จะช่วยเหลือนำรถของลูกค้ามาให้บริการที่กรุงเทพฯ ก่อน ตามแผนงาน เอเอเอสฯ จะไม่หยุดแค่ 2 สาขานี้เท่านั้น โดยบริษัทฯ มีแผนกที่ดูว่าในจุดไหนที่ควรไปสร้างดีเลอร์ โพร์เช จุดไหนที่จะเป็นเซนเตอร์ และมีกลุ่มลูกค้า โพร์เช อยู่ตรงนั้น ตอนนี้กำลังศึกษาอยู่ว่าจะเป็นชลบุรี หรือภูเก็ต ส่วนในอนาคตจะมีการขยายออกไปอีกแน่นอน ฟอร์มูลา : มีวิธีแข่งขันกับผู้นำเข้าอิสระอย่างไร ? ปวราภา : สิ่งที่ผู้นำเข้าอิสระ ใช้พโรโมทตัวเอง คือ เรื่องราคาที่ถูกกว่า ถ้าลูกค้าเทียบในเรื่องราคา ของเราสูงกว่า เพราะมีภาษีนำเข้าทั้งคัน 100 % ฉะนั้นการตั้งราคาขายต้องสูงกว่าอยู่แล้ว แต่สิ่งที่เราเหนือกว่ากเรย์มาร์เกท คือ เรื่องบริการหลังการขาย การดูแล การซ่อมบำรุง โดยพนักงานของ เอเอเอสฯ ทุกคนต้องผ่านการอบรม ข้อมูลที่มอบให้ลูกค้าจะเป็นข้อมูลที่แท้จริง และตัวรถที่ผู้นำเข้าอย่างเป็นทางการจำหน่าย สเปคทุกอย่างได้มีการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมสำหรับประเทศไทยแล้ว ซึ่งรถทุกคันที่ออกมากจากโรงงานจะมีการรับประกันอยู่แล้ว 2 ปี เอเอเอสฯ ซื้อเพิ่มให้อีก 7 ปี เป็น 9 ปี แต่กเรย์มาร์เกทเขาไม่สามารถซื้อรถตรงจากโรงงานได้ ต้องซื้อรถจากโชว์รูมประเทศอื่นๆ เช่น ประเทศอังกฤษ ก็จะเป็นสเปครถประเทศอังกฤษ ซึ่งสภาพอากาศ สภาพถนน ต่างกันอยู่แล้ว หรือแม้แต่เกรดน้ำมัน ซึ่งอาจทำให้รถมีปัญหาได้ ฟอร์มูลา : ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มียอดขายเติบโตเท่าใด ? ปวราภา : ยอดส่งมอบ ปี 2559 อยู่ที่ 366 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2558 ที่มียอดส่งมอบประมาณ 200 กว่าคัน สำหรับปี 2560 ตั้งเป้า 450 คัน รุ่นที่คิดว่าจะโดดเด่นในปีนี้ คือ พานาเมรา และเคย์แมน แต่เราต้องขายทุกรุ่น เมื่อยอดขายรุ่นไหนลดลงก็ต้องทำแคมเปญเพื่อจูงใจลูกค้า เช่น เอสยูวี แคมเปญ สำหรับรุ่น กาเยนน์ และ มากัน ผ่อนไม่มีดอกเบี้ย และผ่อนชำระเพียง 1 % ของราคารถ/เดือน ในส่วนการตลาดก็จะเน้นไปทางสื่อดิจิทอลมากขึ้น
เรื่องโดย : นุสรา เงินเจริญ/สุดาภรณ์ ไกรแก้ว
ภาพโดย : สายชล อรรถาเวช
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน มิถุนายน ปี 2560
คอลัมน์ Online : สัมภาษณ์พิเศษ(formula)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/172509