รู้ทันเทคนิค
เกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ
ปัจจุบันเราจะเห็นว่ารถพิคอัพรุ่นใหม่ๆ นอกจากจะชูจุดขายในเรื่องของสมรรถนะแล้ว เรื่องของเกียร์อัตโนมัติก็กลายเป็นจุดขายมากขึ้น เพราะลูกค้าที่ซื้อรถพิคอัพแบบมีแคบ และดับเบิลแคบนั้น กว่าครึ่งซื้อมาใช้งานแทนรถเก๋ง แล้วทำไมไม่ลองสัมผัสกับความสะดวกสบายที่เพิ่มขึ้นล่ะ
เครื่องพัฒนาให้แรงได้ เกียร์ก็ต้องตามให้ทัน
เกียร์อัตโนมัติในรถพิคอัพ ปัจจุบันมีการพัฒนาดีขึ้นมาก มีการตอบสนองฉับไว และส่งถ่ายกำลังได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย เมื่อรถพิคอัพมีกำลังสูงขึ้นมาก เกียร์อัตโนมัติต้องก้าวตามให้ทัน เราจึงเห็นรถพิคอัพให้เกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ และเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ มาเป็นเรื่องปกติ แล้วทำไมต้องเพิ่มตำแหน่งเกียร์ในรถพิคอัพดีเซลรุ่นใหม่ล่ะ ง่ายๆ สั้นๆ ก็คือ สมรรถนะของรถกระบะสูงขึ้นมาก ดังนั้นเกียร์จำเป็นต้องมีหลายๆ สิ่งเปลี่ยนไป อย่างแรก คือ สมรรถนะของเครื่องยนต์ที่สูงขึ้น จาก 120-130 แรงม้า ก้าวกระโดดไปเป็น 160-170 แรงม้า และปัจจุบันนี้ปาเข้าไปถึง 200 แรงม้ากันแล้ว
ทำไมต้อง 7 จังหวะ ?
ลำพังเครื่องยนต์ดีเซลยุคก่อนที่มี 100-120 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะก็เหลือเฟือสำหรับการใช้งาน ซึ่งมีอยู่ 2 ปัจจัยหลัก คือ กำลังเครื่องยนต์ยังน้อย และเกียร์อัตโนมัติที่มีมากกว่า 4 จังหวะนั้น มีราคาแพงมาก แม้กำลังเครื่องยนต์จะเพิ่มขึ้นมาก เราก็ยังเห็นหลายค่ายยังใช้เกียร์ 4 จังหวะอยู่ จนกระทั่งเริ่มมีเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะเข้ามา จากนั้นก็เริ่มขยับมาเป็น 6 จังหวะในที่สุด แม้ว่าหลายค่ายจะหันไปใช้เกียร์อัตโนมัติแบบ 6 จังหวะกันแล้ว สำหรับบางค่ายก็ยังคงใช้งานเกียร์แบบ 5 จังหวะอยู่
ถ้ามีในรุ่นที่ใกล้จะตกรุ่นก็ถือว่าไม่เท่าไร แต่ถ้าอยู่ในรุ่นที่เพิ่งเปิดตัวไปหมาดๆ ละก็ ถือว่ายังคงค่อนข้างโบราณอยู่ วันนี้ นิสสัน นาวารา ใหม่ ก้าวกระโดดไปไกลกว่าใคร ด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะเป็นเจ้าแรก
ทำไมเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ ถึงล้าสมัย
นั่นเพราะว่าเมื่อก่อนกำลังเครื่องยนต์มีน้อย เฉลี่ยราวๆ 100-120 แรงม้า เกียร์จำเป็นต้องมีอัตราทดสูงไว้ก่อน เพราะต้องทดแรงบิดให้มากเข้าไว้ จากตัวรถที่มีน้ำหนักมาก และแรงบิดสูงสุดของเครื่องยนต์ก็จะอยู่ในราว 3,000-3,500 รตน. ในความเร็วเดินทาง 110-120 กม./ชม. นั้นรอบเครื่องยนต์ของรถพิคอัพ ส่วนใหญ่จะมากกว่า 3,000 รตน. ซึ่งจะอยู่ในรอบที่มีแรงบิดสูงสุด หรือเกือบๆ จะสูงสุด เพื่อเผื่อไว้เร่งแซงด้วย ผลที่ตามมาก็คือ เสียงเครื่องยนต์จะดังรบกวนมาก ในส่วนของเครื่องยนต์นั้นก็มีผลกระทบเช่นกัน นั่นคือ เครื่องยนต์จะทำงานหนักโดยไม่จำเป็น สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงโดยใช่เหตุ เรามักรู้สึกว่ารอบมันเหลือน่าจะมีอีกสักเกียร์หรือสองเกียร์ด้วยซ้ำ เพราะกำลังมันไปได้แต่มันมาหมดที่เกียร์
ในวันนี้รถพิคอัพมีกำลังเฉลี่ย 170-200 แรงม้า แรงบิดสูงตั้งแต่ 380-500 นิวตัน-เมตร และแรงบิดสูงสุดก็มักจะอยู่ในช่วงกว้างตั้งแต่ 1,200-3,500 รตน.
เกียร์ที่มีอัตราทดเยอะๆ จะมีผลดีอย่างไร ?
ก่อนอื่นต้องดูเกียร์รุนเก่ากันก่อน อย่างรถที่มีเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ เกียร์ 1-2 นั้นจำเป็นต้องเซทให้มีอัตราทดเกียร์ที่สูงไว้ก่อน เพื่อให้มีกำลังฉุดลากดี เพราะต้องเผื่อน้ำหนักบรรทุก และสำหรับขึ้นทางลาดชัน เราจึงรู้สึกชัดเจนว่าจังหวะที่เปลี่ยนจากเกียร์ 2 เป็นเกียร์ 3 นั้น รอบตกมาก ต้องรอรอบนานกว่า และตำแหน่งเกียร์สุดท้าย คือ เกียร์ 4 รอบสูงโดยไม่จำเป็น รอบที่สูงทำให้การสึกหรอของเครื่องยนต์ก็ยิ่งมาก ความร้อนสะสมในเครื่องยนต์ก็สูง การเสียดสีระหว่างแหวนลูกสูบกับกระบอกสูบก็สูง น้ำมันเครื่องก็เสื่อมเร็วเพราะความร้อนสะสมสูง สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงก็สูงกว่า สรุปแล้วรอบเครื่องยนต์สูงมากๆ ก็มีแต่ผลเสียนั่นเอง
แล้วอัตราทดเกียร์เยอะๆ มีผลดีอย่างไร ?
เมื่อเครื่องยนต์มีแรงบิดสูง และมีช่วงเพาเวอร์แบนด์กว้าง เช่น 1,250-3,500 รตน. ในรถที่มีเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ จะมีข้อดี คือ สามารถเซทอัตราทดเกียร์ต่ำ เช่น เกียร์ 1-3 ให้มีอัตราทดสูงๆ ได้ การทดเกียร์ต่ำให้มีอัตราทดสูง ทำให้มีกำลังในการฉุดลากที่ดี ออกตัวง่าย มีความกระฉับกระเฉง และช่วงเกียร์ต่ำนี้เองเครื่องยนต์ต้องทำงานหนักเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว การจะช่วยแบ่งเบาภาระเครื่องยนต์ได้ก็คือ การ "เอาเปรียบเชิงกล" นั่นก็คือ การทดเกียร์นั่นเอง
เมื่อรถเริ่มลอยตัวไม่จำเป็นต้องใช้แรงบิดมาก อัตราทดก็สามารถลดลงได้ ช่วงเกียร์ 4-7 นั้นก็จะช่วยลดรอบเครื่องยนต์ไม่ให้สูงเกินไปในย่านความเร็วเดินทาง เพื่อรักษารอบเครื่องยนต์ในแต่ละเกียร์ให้คงที่ อย่างการขับขี่โดยกดคันเร่งปกติอาจจะเปลี่ยนเกียร์ที่รอบเครื่องราว 2,500 รตน. เมื่อเปลี่ยนเกียร์สูงขึ้น รอบก็ตกนิดหน่อย แล้วก็เปลี่ยนเกียร์สูงขึ้นที่รอบใกล้เคียงกัน ทำให้มีความต่อเนื่องในการส่งถ่ายกำลังมาก แทบไม่รู้สึกถึงจังหวะที่เกียร์เปลี่ยน และเมื่อถึงความเร็วเดินทางที่ราว 120 กม./ชม. รอบเครื่องยนต์ก็จะตกมาอยู่ในราว 1,800-2,000 รตน. ทำให้เครื่องยนต์ทำงานรอบต่ำ ประหยัดน้ำมัน และเสียงรบกวนน้อย
เมื่อต้องการเร่งแซง การกดคันเร่งคิคดาวน์ทำให้เกียร์ลดตำแหน่งลงมา อาจจะลงมาที่เกียร์ 6 หรือ 5 รอบเครื่องก็ไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก แต่ยังอยู่ในย่านแรงบิดสูงสุด ตัวรถก็สามารถทะยานไปข้างหน้าได้ทันที
การที่มีอัตราทดเกียร์ 6-7 เกียร์นั้น ทำให้การเซทอัตราทดทำได้มีประสิทธิภาพสอดคล้องกับการใช้งานมากขึ้น เนื่องจากตัวรถมีสมรรถนะสูง แรงบิดสูง ยิ่งมีเกียร์มากตำแหน่งก็จะทำให้การเซทเพื่อเอาชนะน้ำหนักบรรทุกในช่วงเกียร์ต่ำทำได้ง่าย และการเซทเพื่อความเร็วเดินทางย่านความเร็วสูง ก็ทำให้เกิดความต่อเนื่อง และลดรอบเครื่องยนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำไมเราถึงใช้แต่เกียร์อัตโนมัติที่มีประสิทธิภาพ นั่นเป็นเพราะว่าบ้านเราเป็นฐานการผลิตรถพิคอัพขนาดใหญ่ที่ส่งไปขายทั่วโลก และปัจจุบันหลายๆ ค่ายหันมาพัฒนารถโมเดลเดียวที่สามารถขายได้ทั่วโลก เพราะลดต้นทุนการผลิตได้มาก และสามารถเพิ่มเทคโนโลยีดีๆ เข้าไปได้เยอะ เพราะเมื่อผลิตเยอะๆ ต้นทุนก็ต่ำลง พลอยทำให้บ้านเราได้ใช้เทคโนโลยีดีๆ ไปกับเขาด้วย
เรื่องโดย : พหลฯ 30
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน สิงหาคม ปี 2557
คอลัมน์ Online : รู้ทันเทคนิค
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/17159