ประสาใจ
ทำเนียบขาว "ฉาว"
โมนิกา ลูวินสกี ไม่ใช่ผู้หญิงคนแรกที่ทำให้ทำเนียบขาว ฉาว เคยมีอดีตผู้นำสหรัฐ ฯ ที่ไม่ใช่ บิลล์ คลินทัน สร้างความฉาวให้กับทำเนียบมาแล้วกับผู้หญิงคนดังอย่าง มาริลีน มอนโร พเลย์เมทหน้ากลางคนแรกของนิตยสาร "เพลย์บอย"
เกือบ 20 ปีมาแล้วความฉาวของ ลูวินสกี ในทำเนียบขาวร้อนระอุ ถึงขนาด บิลล์ คลินทัน รอดการถอดถอนความเป็นประธานาธิบดีจากรัฐสภาแบบเส้นยาแดงผ่าแปด
เรื่องราวของ ลูวินสกี กลับมาตีแผ่อีกครั้ง ปรากฏในนิตยสารรายเดือนของสหรัฐ ฯ ชื่อนิตยสาร VANITY FAIR ด้วยการเปิดใจของ ลูวินสกี เอง
VANITY FAIR เป็นนิตยสารเก่าแก่ของอเมริกันชน สันทัดในเรื่องเอกซ์คลูซีฟ จารีตประเพณีที่อยู่ในกระแส รวมทั้งเหตุการณ์ปัจจุบันของสังคม มียอดจำหน่ายเดือนละ 1.2 ล้านเล่ม
เล่มที่ดังเป็นพลุแตก คือ เล่มที่ตีพิมพ์ภาพ เดมี มัวร์ ดาราสาวเปลือยขณะตั้งครรภ์ ฉบับประจำเดือนสิงหาคม 1991
หลังจากนั้น 15 ปี ภาพสาวคนดังตั้งครรภ์จากสหรัฐอเมริกากลายเป็นแฟชันเข้าถึงเมืองไทย โดย นสพ. ไทยรัฐ ตีพิมพ์ภาพ บุ๋ม-ปนัดดา วงศ์ผู้ดี เปลือยกายขณะตั้งครรภ์ เป็นภาพหน้าปกในเดือนสิงหาคม 2549
เรื่องทำเนียบฉาวเปิดโปงในปี 1998 ขณะนั้น ลูวินสกี เป็นพนักงานฝึกหัดของทำเนียบขาว วัย 22 ปี ระหว่างสมัยแรกของอดีตประธานาธิบดี บิลล์ คลินทัน
ต้นตอการเปิดโปง มาจากเพื่อนหญิงคนหนึ่งของ ลูวินสกี ชื่อ ลินดา ทริพพ์ ลักลอบดักฟังโทรศัพท์ระหว่างคนทั้งสอง
ความฉาวทำให้สังคมอเมริกันมีคำใหม่ๆ เลียนแบบคำฉาวที่อเมริกันคุ้นเคย คือ "วอเตอร์เกท" เช่นคำว่า "โมนิกาเกท", "ลูวินสกีเกท", "เซกซ์เกท" และ "ซิพเพอร์เกท
ลูวินสกี อ้างว่า เธอมีความสัมพันธ์ทางเพศกับ บิลล์ คลินทัน 9 ครั้ง ระหว่างเดือนพฤศจิกายน ปี 1995 ถึงมีนาคม ปี 1997 แถมยังระบุด้วยว่า ห้วงเวลาดังกล่าว มี 7 ครั้งที่อดีตสุภาพสตรีหมายเลข 1 ฮิลลารี คลินทัน อยู่ในทำเนียบ
เจ้านายผู้บังคับบัญชาของ ลูวินสกี ในทำเนียบขาว โอนย้ายเธอไปประจำที่เพนทากอน เพราะรู้สึกว่า ลูวินสกี ค่อนข้างขยันทำงานในทำเนียบขาวเป็นพิเศษ โดยเฉพาะงานของ อดีตประธานาธิบดีคลินทัน
ทำเนียบขาวปี 1997 เคยขอให้ บิลล์ ริชาร์ดสัน ทูตสหประชาชาติ เรียกสัมภาษณ์ ลูวินสกี เพื่อให้เธอฝึกหัดงานในสตาฟฟ์ที่องค์การสหประชาชาติ ซึ่ง นายริชาร์ดสัน ก็ทำตามคำขอร้อง แต่ ลูวินสกี ปฏิเสธตำแหน่งที่ นายริชาร์ดสัน เสนอ
คณะลูกขุนผู้พิจารณาคดีความของ คลินทัน เคยเรียก นายริชาร์ดสัน ไปให้การ แต่ไม่ได้ความอะไรมากนัก
ข่าวชิ้นแรกที่ถูกตีพิมพ์เกิดขึ้นเมื่อ 17 มกราคม ปี 1998 และได้รับการปฏิเสธอย่างแข็งขันจาก บิลล์ คลินทัน ในวันที่ 26 มกราคม ปีเดียวกัน ซึ่งแถลงจากทำเนียบขาว และต่อมากลายเป็นตำนานปากแข็ง แห่งยุค
"ผมต้องการพูดเรื่องนี้กับชาวอเมริกัน ผมอยากให้คุณฟังผมพูด และผมขอพูดอีกครั้ง...ผมไม่เคยมีเพศสัมพันธ์กับ มิสลูวินสกี ผู้หญิงคนนั้น....ผมไม่เคยพูดความเท็จกับผู้หนึ่งผู้ใดแม้แต่ครั้งเดียวก็ไม่เคย ข้อกล่าวหาเป็นความเท็จ และผมขอกลับไปทำงานเพื่อชนชาวอเมริกันต่อไป...ขอบคุณ"
คำแถลงของ คลินทัน ได้รับการสนับสนุนจาก นางฮิลลารี คลินทัน สุภาพสตรีหมายเลข 1 ในขณะนั้น ออกโทรทัศน์รายการ TODAY ของ NBC ในวันรุ่งขึ้น คือ 27 มกราคม ปี 1998
"เรื่องที่ทุกคนอยากรู้ อยากเขียน และอยากเมาท์ ก็คือ ทั้งหมดนี้เป็นความพยายามของพวกฝ่ายขวาจัดวางแผนร่วมกันทำลายสามีของฉัน เป็นปฏิบัติการที่พวกเขาทำกันมานับตั้งแต่วันแรกที่สามีฉันประกาศลงรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี"
สังคมก็คือสังคม ไม่มีอะไรสามารถหยุดยั้งกระแสได้ คำปฏิเสธกลายเป็นชนวนติดเชื้อการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางอยู่หลายเดือน อีกทั้งเมื่อการพิจารณานำไปสู่ระดับการตรวจดีเอนเอ ซึ่งเป็นต้นตอแห่งการจำนนด้วยหลักฐาน
ในคำแถลงต่อคณะลูกขุน 17 สิงหาคม ปี 1998 คลินทัน ยอมรับ และในค่ำวันเดียวกัน คลินทัน ออกโทรทัศน์บอกอเมริกันชนว่า พฤติกรรมระหว่างเขากับ ลูวินสกี เป็นความไม่เหมาะสม
ชีวิตของ ลูวินสกี เป็นชีวิตที่ควรได้รับความเห็นใจ เธอนิยามคำพูดประโยคหนึ่งได้ดีมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยกล่าวว่า
"ฉันกลายเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง เพราะเรื่องเดียวซึ่งมันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตพอที่จะทำให้ฉันสมควรมีชื่อเสียง"
บันทึกของ ลูวินสกี ที่ส่งให้ VANITY FAIR ย่อมยืนยันสภาพจิตใจของอดีตสาวพนักงานฝึกหัดของทำเนียบขาวเป็นอย่างดี
19 ปีแห่งชีวิตที่เต็มไปด้วยความอดกลั้น อดทน 19 ปีแห่งความเพียรพยายามดำรงชีวิตอย่างผู้สันโดษ ตลอดถึงการสงวนท่าทีในสังคมของการ "เป็น อยู่ คือ" (IS, AM, ARE)
ประการแรก ลูวินสกี ยอมรับว่า สัมพันธภาพในวันวานระหว่างเธอกับ คลินทัน เป็นความเสียใจ
"ปีที่แล้ว ฉันอายุ 40 ปี ฉันตั้งใจขอจบเรื่องนี้แบบไม่มีใครคิดก็แล้วกัน"
ระหว่างปี 2008 ลูวินสกี พบข่าวการฆ่าตัวตายของหนุ่มอเมริกันวัย 18 ปี ชื่อ ไทเลอร์ คลีเมนที เป็นข่าวที่รบกวนภาวะจิตใจอย่างมาก เพราะมันเป็นห้วงเวลาที่คุณแม่ของเธออยู่กับความกดดันท่ามกลางความมืดมิดของชีวิต หลังกลิ่นความฉาวปะทุ
ลูวินสกี บันทึกว่า เธอไม่เคยพยายามฆ่าตัวตาย แต่ยอมรับว่า เคยมีความคิดเกี่ยวกับการฆ่าตัวตายระหว่างข่าวฉาว และระหว่างถูกไต่สวน
ความทุกข์ทรมานในชีวิตของ ลูวินสกี อันเกิดจากการสมรู้ร่วมคิดประพฤติผิดผัว-ผิดเมีย เธอว่าเป็นเพราะความเข้าใจของเธอในขณะนั้น ซื่อและไร้เดียงสาเกินไป
ลูวินสกี เข้าใจว่า เป็นเหตุการณ์ธรรมดาที่เกิดขึ้น เป็นความสนิทสนมทางอารมณ์ การพบปะกันบ่อยครั้ง มีทั้งการนัดหมาย การโทรศัพท์ถึงกันและกัน และมีของกำนัล ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องพื้นๆ ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ เป็นเรื่องธรรมดาและย่อมจะเกิดขึ้นกับใครก็ได้
"เสื้อผ้าชุดสีน้ำเงิน" เป็นหนึ่งตำนานของกำนัลจาก คลินทัน ดังกระจายในสภากาแฟ
ลูวินสกี รับว่า วัย 20 ปีต้นๆ ของเธอ สาวเกินไปที่จะรับรู้ความเจนจัดของชีวิต กว่าจะรู้ตัวก็ยากที่จะยูเทิร์น
คำสารภาพตอนนี้ของ ลูวินสกี ทำให้ผมนึกถึงตัวเอง ไม่เคยคิดว่าจะต้องเป็นนักเขียน เมื่อลงมือเขียนหนังสือก็เพราะความอยากจะเขียนหนังสือ กว่าจะรู้ตัวว่า ไม่ใช่นักเขียนก็เป็นเวลาที่หันหลังกลับไม่ได้แล้ว
ทีเด็ดในคำสารภาพของ ลูวินสกี มีประโยคเดียว เธอบันทึกว่า
"ใช่ค่ะ ฉันมีนัดกับ คลินทัน"
เรื่องโดย : ข้าวเปลือก
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน สิงหาคม ปี 2557
คอลัมน์ Online : ประสาใจ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/17143