ซื้อรถก็คุกได้นะ

ไม่แน่ใจว่าโง่ หรือจงใจ “เจาะยางคสช.” กันแน่ กรณีอดีตอธิบดีกรมสรรพากร มีหนังสือถึงประชาชนผู้ครอบครองรถ ราคาตั้งแต่ 3 ล้านบาทขึ้นไป หรือมีบ้านหรู ในทำนองตรวจสอบภาษี จะรีดภาษี ทั้งๆ ที่ชาวบ้านเหล่านั้นไม่ได้ตกเป็นผู้ต้องหา หรือมีคดีความ จู่ๆ โดนว่างั้นเหอะ ข้าราชการก็เจอกันเป็นแถว อย่างว่าแค่รถอเนกประสงค์ หรือรถตู้มียี่ห้อหน่อย ราคา 3-4 ล้านบาทแล้ว พอ คสช. ทราบเรื่อง ต้องออกมาเบรคจนหัวทิ่ม ปลดอธิบดีกรมสรรพากรในบัดดล ขบวนการเจาะยางยังไม่หมดหรอกครับ อย่างว่าประเทศอื่นเขารบราฆ่าฟันกันให้เห็นไปทั่ว คนไทยจำนวนหนึ่งพยายามก่อเรื่อง อยากเอามั่ง คิดว่าตัวเองหุ้มเกราะ ฆ่ากันก็ไม่เป็นไร ตูละหน่าย คดีนี้น่าสนใจเชียวละครับ เรื่องราวก็ดูธรรมดาๆ “บริษัท ซื้อถูกค้าขายแพง จำกัด” ตั้งชื่อค่อนข้างเปิดเผยไม่อำชาวบ้าน ไปเช่าซื้อรถยนต์มาคันหนึ่ง แล้วขายสินค้าขาดทุน หรือยังไงไม่ทราบ โดนไฟแนนศ์ผู้ให้เช่าซื้อเชคบิลล์ ฟ้องร้องเป็นคดีแพ่ง บริษัท และ “นางขาวจั๊วะ” ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกัน ตกเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษา แต่บริษัทไฟแนนศ์ยังไม่ได้ชำระหนี้จำนวน 1 ล้านกว่าบาท รู้สึกหงุดหงิด พยายามสอดส่องติดตามหนี้ จนได้จังหวะ เมื่อรู้ว่า นางขาวจั๊วะ ซึ่งเป็นชาวบ้าน ไม่ใช่ดาราซะงั้น ขายที่ดินไปแปลงหนึ่งได้เงิน 3 แสนบาท ไม่สนใจใช้หนี้ที่โดนฟ้อง บริษัทไฟแนนศ์จึงให้ทนายแจ้งความที่โรงพัก เอาผิด นางขาวจั๊วะ ข้อหาโกงเจ้าหนี้ อัยการรับลูก นำตัวนางขาวจั๊วะ ไปฟ้องที่ศาลเพื่อเอาเข้าคุก จำเลย คือ นางขาวจั๊วะ ต้องกัดฟันหาทนายสู้คดี อ้างว่าไม่ได้คิดโกงเจ้าหนี้ ขอให้ยกฟ้องหนูเถิด ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว ตัดสินเอาผิดตามฟ้อง ตาม ป. อาญา มาตรา 350 ลงโทษจำคุก นางขาวจั๊วะ 6 เดือน ไม่รอการลงอาญา นางขาวจั๊วะ หน้าเหลือง ดิ้นรนด้วยการให้ทนายยื่นอุทธรณ์ ขอให้ยกฟ้อง ศาลอุทธรณ์อ่านเฉพาะสำนวนแล้วเห็นไปคนละทางจากศาลชั้นต้น พิพากษากลับให้ยกฟ้อง อัยการโจทก์แข็งขัน ยื่นฎีกาเพื่อเอาผิด นางขาวจั๊วะ ให้จงได้ ศาลฎีกากัดฟันส่องดูสำนวนคดีนี้ที่มาถึงคิว แล้วชี้ขาดออกมา การทำผิดฐานโกงเจ้าหนี้ ต้องมีเจตนาพิเศษเพื่อไม่ให้เจ้าหนี้ของตนได้รับการชำระหนี้ ได้ความตามคดีแพ่งว่า บริษัทซื้อถูกขายแพง ผู้เช่าซื้อรถเป็นลูกหนี้ชั้นต้น นางขาวจั๊วะ เป็นผู้ค้ำประกัน ต้องรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วมกับบริษัท อีแบบนี้บริษัทไฟแนนศ์ย่อมทรงสิทธิ์ที่จะเรียกร้อง ให้บริษัทซื้อถูกขายแพง ฯ หรือ นางขาวจั๊วะ ชำระหนี้ได้โดยสิ้นเชิง ถ้าไม่สามารถบังคับชำระหนี้ได้จากลูกหนี้ร่วมรายใดจนสิ้นเชิง ก็บังคับชำระหนี้ลูกหนี้ร่วมรายอื่นต่อไป จนกว่าจะได้ครบ เมื่อไฟแนนศ์เลือกบังคับชำระหนี้จากนางขาวจั๊วะ ก่อน แล้วตรวจสอบพบว่า ระหว่างนั้น นางขาวจั๊วะ โอนขายที่ดินไปแปลงหนึ่ง ราคา 300,000 บาท ชำระหนี้เงินกู้ให้รายอื่น แต่เมื่อไม่ปรากฏว่าหนี้เงินกู้นั้นไม่มีอยู่จริง หรือเกิดจากการสมยอม หรือซื้อขายที่ดินต่ำกว่าราคาท้องตลาด และยังได้ความอีกว่า บริษัทซื้อถูกขายแพง ฯ ทำธุรกิจมีเงินทุนจดทะเบียนสูงถึง 10 ล้านบาท แต่โจทก์ไม่นำสืบให้เห็นว่า บริษัทซื้อถูกขายแพง ฯ อยู่ในภาวะที่ไม่สามารถชำระหนี้ค่ารถยนต์ตามคำตัดสินของศาลได้ ตามส่วนความรับผิดของตน เพราะงั้นหลังจากนางขาวจั๊วะ ขายที่ดินเพื่อชำระหนี้เงินกู้ไปแล้ว ไม่ว่าจะมีทรัพย์สินให้บริษัทไฟแนนศ์บังคับชำระหนี้ได้ไหม การกระทำก็ยังไม่พอฟังว่ามีเจตนาเพื่อไม่ให้บริษัทไฟแนนศ์ ไม่ได้รับชำระหนี้ทั้งหมด หรือบางส่วน จึงรอดตัวไม่ผิดฐานโกงเจ้าหนี้ ตาม ป. อาญา มาตรา 350 ศาลฎีกาทนเมื่อยอีกหน พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ยกฟ้อง นางขาวจั๊วะ ไปเสีย ซื้อๆ ขายๆ รถมักจะมีช่องทางเข้าคุกตะรางอยู่นะ อย่าประมาท แต่ไม่ถึงประหารอย่างข้อหาข่มขืนฆ่าอย่างที่เป็นข่าวอันแสนทุเรศ ถ้าจะเป็นหนี้ ประเมินกำลังตนให้ดี ส่วนการค้ำประกัน มันแหงอยู่แล้ว เรื่องของความเสี่ยง หัวหมุนกันมาไม่รู้เท่าไร ขอบอก จากคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 13705/2553 คดีรถ คดีอาญา ตีพิมพ์ใน ฟอร์มูลา ส่งไป ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๗