ชีวิตคือความรื่นรมย์
คืนวันอันอบอุ่น
"ดวงฤดีของพี่นี่หนอ ถูกใครฉ้อช่วงชิงไป พี่ถวิลถึงทรามวัย ฝันถึง คะนึงถึง ยอดดวงใจ ยอดชีวิตรู้หรือไม่หนอกานดา เช้าสายบ่ายเย็นพี่เห็นหน้า โอ้ขวัญตา พี่สัญญา พี่ปรารถนา ดวงฤดี รักเธอเสมอ-รักเธอเสมอ-รักเธอเสมอ ฯลฯ" (รักเธอเสมอ-"อิงอร")
คนบางคนจากเราไปหลายสิบปีแล้ว เราคิดถึง ด้วยความรักอาลัยไม่เสื่อมคลาย เพราะคนเหล่านั้นมีสิ่งที่ทำให้เราคิดถึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำใจไยดีที่มีต่อกัน
ผู้ชายอบอุ่นคนหนึ่งนาม ศักด์เกษม หุตาคม (เกิด 17 พฤษภาค 2461)เป็นนักประพันธ์ไว้ทรงผมจอนยาวมีสำนวนหวานจนได้ฉายาว่า "นักประพันธ์สำนวนปากกาจุ่มน้ำผึ้ง" แถมยังใช้นามปากกาเสมือนสตรีเพศว่า "อิงอร" นอกจากเรื่องสั้น นวนิยาย และบทความนานาชนิดแล้ว ท่านยังได้แต่งเพลงไว้ให้เราได้คิดถึงทุกเมื่อเชื่อวัน ดังเพลงหนึ่งที่ยกมาเตือนความจำข้างต้นนี้
นักประพันธ์ในดวงใจของข้าพเจ้าคนนี้ เวลาเขียนคอลัมน์ใช้นามแฝงหลายนาม เช่น "ตาคม" (ตัดมาจากนามสกุล ) "พัดชา" (รู้สึกท่านรักเพลงไทยเพลงนี้มาก ถึงกับเขียนไว้ในสมุดอวยพรวันแต่งงานของข้าพเจ้าว่า ถ้าประยอมกับคุณหญิงมีลูกสาวแรก ขอตั้งชื่อให้ว่า "พัดชา")
เมื่อ 65 ปีมาแล้ว สมัยเรียนชั้นมัธยมปลายที่นครพนม ได้อ่านนวนิยายรักขนาดสั้นของนักเขียนจากสงขลาผู้นี้ เช่น นิทราสายัณห์ ดรรชนีนาง กลิ่นยี่โถแดง เป็นต้น และถึงกับหลงใหลเมื่อแอบหนีจากกุฏิหลวงปู่ ไปดูภาพยนตร์เรื่อง นิทราสายัณห์ ที่ไปฉายที่นั่น จำภาพป่าต้นไม้รกๆ บ้านร้าง (เหมือนบ้านเก่า "อิงอร" ที่ซอยปุณณวิถี) ที่พระเอก-สมบัติ คงจำเนียร ในบทสายัณห์ เข้าไปตามหานิทรา-(จรรยา นามสกุลเคยจำได้ แต่ลืมเสียแล้ว)-คู่รักเก่าในบ้านร้าง มีสาวน้อยที่สวยสดใสน่ารักชื่อ รัตนาภรณ์ อินทรกำแหง ฯ แสดงด้วย ดูเหมือนเป็นเรื่องแรกและทำให้เธอเกิดทันทีในวงการ (เมื่อ 20 กว่าปีต่อมา ผู้เขียนมีโอกาสไปเล่าให้คุณสมบัติ ในตำแหน่งผู้จัดการโรงเรียนโรงเรียนเขมะสิริอนุสรณ์) ถึงภาพเก่าความซึ้งของพระเอกในดวงใจที่มีภาพสุภาพบุรุษตัวสูงใหญ่ในเสื้อครุยธรรมศาสตรบัณฑิตจากสำนักโดมเจ้าพระยาท่าพระจันทร์อันโก้หรู
ครั้นเมื่อพวกเรานักกลอนไปพบ "อิงอร" (ท่านอนุญาตให้พวกเราเรียกว่าพี่ศักดิ์) ที่โต๊ะทำงานข้างบันไดขึ้นชั้น 2 ของอาคารกรมประชาสงเคราะห์ ใกล้สะพานขาว พี่เขาจะสั่งโอเลี้ยง และหาขนมให้เรากิน แล้วคุยสนุกสารพัดเรื่องไม่ยอมปล่อยให้เรากลับ จนกระทั่งงานเลิก แล้วพาเราเดินข้ามถนนไปคุยต่อที่บ้านของท่าน ซึ่งเป็นอาคารสงเคราะห์ของกรม ฯ ข้างถนนตรงข้ามทางรถไฟที่อุรุพงษ์
แม้กระทั่งพวกเราเรียนจบแล้ว พี่ศักดิ์ให้เราไปเยี่ยมที่บ้าน "อิงอร" ซอยปุณณวิถี ก็พบบ้านที่ปลูกต้นไม้เป็นป่า ดังในภาพยนตร์เพราะพี่ศักดิ์บอกพวกเราว่าใครอยากปลูกต้นไม้อะไรก็ได้ ให้ไปปลูกที่บ้านพี่ เสียดายที่ตอนนี้ เวลาขับรถผ่านแถวนั้น พยายามมองหาว่าตรงไหนเป็นบ้านอบอุ่นที่ปลูกป่าไม้รกๆของ "อิงอร" ก็ให้ใจหาย เพราะมองไม่ออกว่าบ้านที่เราไปนั่งฟังพี่ศักดิ์ชวนเรากินข้าวเย็นแล้วคุยเรื่องอะไรสารพัดที่ยิ่งดึกยิ่งสนุก โดยเฉพาะโครงเรื่องนวนิยายที่จะเขียนต่อไปเมื่อภาพในจินตนาการตกผลึกแล้ว ให้พี่นิด (เราเรียกพี่เยาวนิจ เศวตศิลา หุตาคม อดีตนางเอกละครเรื่อง ดรรชนีนาง ของท่าน) ชงกาแฟใส่กระติกน้ำร้อนใบใหญ่แล้วไปนอนได้ จนพวกเราเดินสะโหลสะเหลออกซอยอันแสนลึกเอาเมื่อเลยครึ่งคืนไปหลายชั่วโมงแล้ว
ในตอนท้ายของชีวิตเมื่อพี่เขาไม่สะดวกไปร่วมกิจกรรมใดๆ บ่อยนัก เพราะปัญหาเรื่องที่ท่านเรียกว่า "ช้ำรั่ว" (ปวดปัสสาวะบ่อย) ข้าพเจ้าเคยคุยโทรศัพท์กับพี่ศักดิ์แต่ละครั้งยาวๆ เกือบเป็นชั่วโมง(โทรศัพท์บ้านแบบเก่าคุยยาวได้ไม่ต้องห่วงค่าเวลาอย่างมือถือ) คุยเรื่องเก่าที่ข้าพเจ้าเขียนจดหมายไปต่อว่า ตาคม ที่วิจารณ์บันเทิงว่าเพื่อนรักของข้าพเจ้า-อาพันธ์ชนิตร สุวรรณกร วิมุกตานนท์ ร้องเพลงไทยอ้าปาก...บ่นถึงเรื่องสยามรัฐถอดคอลัมน์ "พระอาทิตย์ชิงดวง" โดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้า ซึ่งข้าพเจ้าก็ได้โอกาสบ่นถึงที่ถูกถอดคอลัมน์ "รอบตัวเรา" ที่ เกษม อัชฌาสัย ตั้งให้ ถึงกับอาจารย์คึกฤทธิ์ ปราโมช เขียนชมลงใน "ซอยสวนพลู" ตั้ง 1 ครั้ง ถึงเรื่องนวนิยายต่างๆ ของท่าน นินทาถึงงานกลอนที่พี่เขาจับใจของพวกเราหลายคน...เรื่อยเปื่อยไปถึงการเล่นเป็นพระอภัยมณีของน้องชายแสนรักของพี่เขาชื่อ เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ (ซึ่งพี่ศักดิ์เรียกว่าฤๅษีเนาว์ ?) ฯลฯ แต่ตอนที่พี่ศักดิ์จากไป เมื่อ 21 ธันวาคม 2529 ข้าพเจ้าจำไม่ได้ว่าตนไปละเมออยู่ที่ไหน ไปหัวหินพยายามมองดูว่า ที่คนเล่าว่าพี่เยาวนิจ และลูกๆ ตุ๊ก บางจาก (ศศิธันว์)โจ๋ย บางจาก และน้องๆ ไปตั้งร้านอาหารที่นั่น...ไม่สามารถรู้อะไรจนบัดนี้ ที่ไม่ค่อยได้ไปหัวหินแล้ว
ความที่เป็นคนรักและชอบเขียนกลอน พี่ศักดิ์มีเพลงให้เราระลึกถึงหลายเพลง เช่น รักเธอเสมอ เกียรติศักดิ์ทหารเสือ ดรรชนีไฉไล หนาวตัก ฯลฯโดยเฉพาะที่ข้าพเจ้ารักและชอบถึงน้ำตาซึมทุกครั้ง ที่ผู้ชายที่เรารักชื่อปื๊ด-ทนงศักดิ์ ภักดีเทวา-ร้องได้ซาบซึ้งเหลือเกิน คือ เพลง "เดือนต่ำดาวตก" ในทำนองพม่าแปลงอันไพเราะจับใจ จากละครโศกนาฏกรรมเรื่อง "ดรรชนีนาง"
"เดือนต่ำดาวตกวิหคร้อง คล้ายเสียงน้องครวญคร่ำร่ำเฉลย สารภีโชยกลิ่นเรณูเชย เหมือนพี่เคยจูบเกศแก้วกานดา หอมระรวยชวยชื่นระรื่นจิต ถวิลคิดครั้งเมื่อขนิษฐา สละศักดิ์ฐานันดรดวงดอกฟ้า ต้องหนีหน้าวงศ์ญาติมาด้วยกัน ณ เวิ้งอ่าวชายฝั่งนทีนี้ น้องช่วยพี่สร้างห้องหอสวรรค์ กระท่อมน้อยคอยเตือนเงื่อนผูกพัน ระลึกวันฝันสวาทอนาถรัก"
เรื่องโดย : ประยอม ซองทอง
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน กันยายน ปี 2557
คอลัมน์ Online : ชีวิตคือความรื่นรมย์
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/16694