มาตรวัดตลาดรถ
จะโตหรือเปล่า
[table]
เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์ประจำเดือนมิถุนายน ปี '57 กับ '56
ตลาดโดยรวม,- 30.4 % รถยนต์นั่ง,- 33.6 % รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV),21.3 % รถอเนกประสงค์ (MPV),- 25.5 % กระบะขับเคลื่อน 2 ล้อ,- 31.6 % กระบะขับเคลื่อน 4 ล้อ,- 32.9 % อื่นๆ,- 46.1 %เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์ประจำเดือนมกราคม-มิถุนายน ปี '57 กับ '56
ตลาดโดยรวม,- 40.5 % รถยนต์นั่ง,- 48.1 % รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV),- 5.6 % รถอเนกประสงค์ (MPV),- 33.9 % กระบะขับเคลื่อน 2 ล้อ,- 37.1 % กระบะขับเคลื่อน 4 ล้อ,- 38.7 % อื่นๆ,- 47.3 % [/table] ผ่านพ้นครึ่งแรกของปีไปเรียบร้อย ยอดการขายของเดือนมิถุนายน ลดลงไปเพียง 30.4 % จำนวน 73,649 คัน สิริรวมครึ่งปี ลดลงไป 40.5 % ได้ยอด 440,176 คัน ทำให้เป็นปัญหากันว่า ปีนี้ ยอดการขายรวมจะเติบโตกันได้ที่เท่าไร ในเมื่อสภาพการณ์ทางการเมืองก็คลี่คลายไปแล้ว แม้ว่าจะมีเสียงเล่าลือว่าน่าจะได้ราว 900,000 คัน หรืออาจได้ถึง 1 ล้านคัน ก็น่าจะเป็นได้ แต่ในภาครัฐ ธนาคารแห่งประเทศไทย ออกมาให้ความเห็นว่า หากภาวะเศรษฐกิจในไตรมาส 3 และ 4 ขยายตัวได้ถึงร้อยละ 4-5 จะทำให้อัตราการขยายตัวเศรษฐกิจ (จีดีพี) ปีนี้มีโอกาสเติบโตได้ร้อยละ 2-2.5 หาก คสช. มีนโยบายด้านเศรษฐกิจออกมาเพิ่มเติม และผลของนโยบายส่งผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจได้เร็วภายในไตรมาส 3 ปี 2557 ตอบโจทย์ของประเทศ ทำได้จริง และสร้างแรงกระตุ้นให้เอกชนลงทุนเร็ว จีดีพี ก็มีโอกาสขยายตัวได้มากกว่าร้อยละ 1.5 ซึ่งเป็นค่ากลางที่ ธปท. คาดการณ์ไว้ แต่สิ่งที่เป็นปัจจัยบวกต่อเศรษฐกิจ คือ การลงทุนภาคเอกชนอาจมาเร็วกว่าที่คาด จากความเชื่อมั่นในนโยบายของภาครัฐ การเร่งใช้จ่ายของภาครัฐ และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกเร็วกว่าที่คาด ทั้งนี้ภาคเอกชนมีส่วนสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจ เพราะมีสัดส่วนเมื่อรวมกับการบริโภคถึงร้อยละ 70 ขณะที่ภาครัฐมีสัดส่วนร้อยละ 15 ขณะนี้เอกชนมีความพร้อม ความกังวลทางการเมืองลดลงแล้ว อาจจะมีบางส่วนที่ยังลังเล หากการลงทุนภาคเอกชนมาเร็วขึ้น ก็จะช่วยหนุนการฟื้นตัวของ จีดีพี ได้แต่เสียงจาก คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน บีโอไอ ก็บอกมาว่า แนวโน้มการส่งเสริมการลงทุนช่วงครึ่งปีหลัง จะปรับตัวดีขึ้นกว่าช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากสถานการณ์การเมืองเริ่มคลี่คลาย ส่งผลให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่น จึงยังคงมูลค่าขอรับส่งเสริมลงทุนตามเป้าหมายเดิมที่ 7 แสนล้านบาท โดยในช่วงครึ่งปีแรกมียอดขอรับส่งเสริมแล้วกว่า 3 แสนล้านบาท แต่ต้องจับตาสถานการณ์ในช่วง 3 เดือนข้างหน้าอีกครั้งก่อนปรับเป้าหมายการลงทุน สำหรับนักลงทุนต่างชาติที่มียอดขอรับส่งเสริมมากที่สุด คือ ญี่ปุ่น ที่มีสัดส่วนสูงถึง 50 % ของนักลงทุนต่างชาติทั้งหมด ซึ่งยังคงมีความเชื่อมั่นที่จะลงทุนในไทย ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ เคมีภัณฑ์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และอีเลคทรอนิคส์ และจากผลการสำรวจของทางการญี่ปุ่น พบว่า 90 % ของนักลงทุนยังยืนยันที่จะขยายฐานการลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากยังมีความเชื่อมั่นในพื้นฐานเศรษฐกิจไทยเป็นหลัก ขณะที่สหรัฐอเมริกา และสหภาพยุโรป (อียู) แม้จะต่อต้านไทยในประเด็นการค้ามนุษย์ แต่มูลค่าการลงทุนของต่างชาติในช่วง 6 เดือนแรกปีนี้ ยังสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน อุตสาหกรรมหลัก อาทิ ภาคบริการ อุตสาหกรรมผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า สะท้อนถึงความเชื่อมั่น โดยประเด็นการเมืองไม่มีผลต่อการลงทุน แต่สิ่งที่น่าจับตา น่าจะเป็นบรรดาโครงการเมกะพโรเจคท์ต่างๆ เริ่มเตรียมตัวเดินหน้าต่อไป จับตาดูได้จากบรรดาผู้ค้ารถเพื่อการพาณิชย์ ฟากยุโรป ก็เปิดตัวรถหัวลาก มีให้เลือก 4 แบบตามความต้องการลูกค้า ฟากญี่ปุ่น ก็เตรียมส่งตัวเลือกเข้ามาปะทะเช่นกัน แต่มาเจอช่วงไตรมาสที่ 3 ช่วงหน้าฝนเข้าพอดี กระนั้นค่ายรถจากเมืองจีน ก็ยังกล้าเปิดตัวโรงงานประกอบรถพาณิชย์ในบ้านเรา ค่ายรถพาณิชย์ ประเมินกันเอาไว้ว่า ในไตรมาสที่ 4 น่าจะเป็นช่วงที่รถพาณิชย์ ได้ลืมตาอ้าปากกันบ้าง เพราะสถานการณ์การเมืองเริ่มอยู่ตัว โครงการอภิมหาโครงการต่างๆ เริ่มทยอยผ่านการอนุมัติ อันจะทำให้ยอดขายรถพาณิชย์ กลับคืนมา บรรดาลูกค้าที่ชะลอการซื้อออกไป น่าจะปรับสภาพอารมณ์ สภาพจิตใจ ให้กลับมาทำธุรกิจกันได้ตามปกติ แม้ว่าปีนี้ ยอดโดยรวมจะลดลงไป โดยเฉพาะด้านรถหัวลาก ที่ประเมินว่ายอดขายจะอยู่ไม่เกิน 3 หมื่นคัน โดยลดลงประมาณ 50% นอกเหนือจากรถพาณิชย์ รถกระบะ 1 ตัน ก็น่าจะเป็นหนังซีรีส์ใหม่ ที่จะมาเปิดตัวกันในห้วงเดือนสิงหาคม โดยมีค่าย นิสสัน เปิดตัวโรงงานแห่งใหม่ พร้อมกระบะระดับโลก ที่ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ และเพื่อการส่งออก นำหน้าเป็นพระเอกไปแล้ว ข่าววงในก็บอกว่า ยังมีอีก 3 เจ้า ที่เตรียมฟิทซ้อม และน่าจะเป็นค่ายญี่ปุ่นทั้ง 3 เจ้า แถมมีภาพหลุดออกมาให้เห็นหน้าตากันแล้ว งานนี้น่าจะเป็นทั้งผลิตขายในบ้าน และส่งออกไปเมืองนอกด้วยเช่นกัน สรุปยอดรวมของการขายรถในปีนี้ แม้ว่าช่วงครึ่งปีแรก จะซบเซาลงไปถึง 41.0 % ในภาพรวม แต่จากภาพรวมที่ดำเนินมาหลังสถานการณ์ที่ คสช. เข้ามาควบคุมประเทศ แม้จะเพียง 2 เดือน แต่วงการรถยนต์ก็ยังคงคึกคัก เปิดตัวรถใหม่กันหลากรุ่น เปิดสายการผลิตใหม่ แถมด้วยมอเตอร์ไซค์ บิคไบค์ ที่ราคาคันละแพงกว่ารถเก๋งเล็ก ก็ยังกล้าเปิดตัว ก็ยังพอใจชื้นได้ว่า ยอดรวมในครึ่งปีหลัง น่าจะเป็นตัวช่วย ให้ยอดรวมทั้งปี กระเตื้องขึ้นมา พอให้บรรดาลูกเล็กเด็กแดงที่เกี่ยวข้อง ได้ยิ้มหวาน บันเทิงใจได้แน่นอน แม้จะขายกันไม่ถึง 1 ล้านคัน ก็เอาเถอะ แต่ปลายปีก็น่าจะมีโบนัสนะเนี่ย อิอิเรื่องโดย : มือบ๊วย
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน กันยายน ปี 2557
คอลัมน์ Online : มาตรวัดตลาดรถ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/16681