ชีวิตคือความรื่นรมย์
(ตอน) ไปนมัสการพระธาตุพนมตอนมาฆบูชา
ข้าพเจ้าเกิดและเติบโตที่บ้านคำพอก ตำบลท่าจำปา อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม ตอนเด็กๆ แม่มักพาข้าพเจ้าเดินไปเยี่ยมญาติผู้ใหญ่ที่อำเภอ มีอยู่ปีหนึ่ง แม่พาข้าพเจ้ากับพี่ชายคนที่ 2 ลงเรือกลไฟหรือที่เรียกกันว่ากำปั่น เดินทางไกลข้ามอำเภอที่ห่างบ้านเรา 8 กิโลเมตร ข้ามตัวจังหวัดซึ่งห่างจากอำเกอไปอีก ประมาณ 35 กิโลเมตร และจากจังหวัด ถึงอำเภอธาตุพนม ซึ่งเป็นที่ตั้งของพระธาตุพนมอีกประมาณกว่า 50 กิโลเมตร
ถึงอำภอธาตุพนม มองเห็นพระธาตุซึ่งเคยได้ยินเพลงที่กลายเป็นเพลงประจำจังหวัด และเป็นที่นิยมกันอย่างกว้างขวาง ขับร้องได้ทั่วไป ดังนี้
เพลงถิ่นพนม โดย ไสว โชคมั่งมี (เพลงประจำจังหวัดนครพนม)
นครพนมสมนาม มีพระธาตุงามเป็นมิ่งขวัญเมือง เหมือนหลักชัยพาให้รุ่งเรือง ถิ่นพนมชื่อประเทืองสืบต่อเนื่องมานาน แม่โขงผ่าน บอกย่านเขตแหล่ง น้ำไม่เหือดแห้ง หลั่งไหลทุกฤดูกาล ดั่งเลือดไทยแต่ สมัยครั้งโบราณ ไหลมาเป็นพยานว่าเลือดสร้างแหล่งไทย ใครจะยื้อ ใครจะยุด ใครจะฉุด ใครจะเฉือน นครพนมไม่เขยื้อนจากไทยไป ชาวพนมอยู่ ต่อสู่เพื่อไทย อุทิศเลือด หลั่งไหล ดังหยาดน้ำโขงธาร…
(ข้าพเจ้าขอทำหมายเหตุไว้ต่อท้ายนี้ว่า คำว่า “พนม” มาจากภาษาเขมร หมายถึง ภูเขา เชื่อกันว่าชื่อ “นครพนม” มีที่มาจากพื้นที่สูงๆ ต่ำๆ เป็นภูเขา และชื่อมาจากเมืองเก่าในอาณาจักรโคตรบูรณ์)
นครพนมเป็นจังหวัดชายแดนตั้งเลียบชายฝั่งขวาของแม่น้ำโขง ตรงข้ามกับเมืองท่าแขก แขวงคำม่วน ของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว นครพนมเป็นจังหวัดที่ประดิษฐานพระธาตุพนมอันศักดิ์สิทธิ์และเก่าแก่ ซึ่งเป็นพระธาตุที่ประดิษฐานพระอุรังคธาตุ (กระดูกหน้าอก) ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า (สมณโคดม) และนับเป็นพระบรมธาตุคู่เมืองนครพนม เป็นที่เคารพสักการะของชาวไทยและชาวลาวทั้งสองฝั่งแม่น้ำโขงมาตั้งแต่บรรพกาล นอกจากนี้ ในตัวเมืองนครพนมยังมีพระธาตุนครประดิษฐานเป็นพระธาตุกลางเมืองด้วย พระธาตุนครนี้เดิมเป็นวัดที่ใช้สำหรับประกอบพระราชพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยาของเจ้าเมืองนครพนมในอดีต และที่อำเภอท่าอุเทนก็มีพระธาตุที่มีรูปลักษณ์และความสุงพอๆ กับพระธาตุพนม เรียกว่า พระธาตุท่าอุเทน
นครพนมเป็นจังหวัดที่มีบันทึกทางประวัติศาสตร์มาแต่โบราณกาล ในฐานะเมืองเก่าเคียงคู่อยู่กับอาณาจักรศรีโคตรบูร แต่เดิมนครพนมมีชื่อเต็มในจารึกสถาปนาวัดโอกาสศรีบัวบานว่า เมืองนครบุรีราชธานีศรีโคตรบูรหลวง เคยเป็นราชธานีที่มีกษัตริย์และเจ้าผู้ครองนครปกครองมาก่อนหลายสมัย
เอกสารของล้านช้างส่วนใหญ่ออกนามว่าเมืองลคร หรือเมืองนคร เดิมทีนั้นมีพื้นที่อยู่ทางฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขง หรือเมืองเก่าท่าแขก ต่อมาได้ย้ายมาอยู่ฝั่งขวาที่เมืองเก่าหนองจันทน์ จากนั้นย้ายขึ้นไปทางตอนเหนือที่บ้านโพธิ์คำ คือ ตัวเมืองนครพนมในปัจจุบัน เมื่อ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ตีเมืองนครเวียงจันทน์ได้แล้ว เจ้าเมืองนครพนม หรือเมืองศรีโคตรบองได้ทูลเกล้าถวายต้นไม้เงินต้นไม้ทองแก่สยามในฐานะนครประเทศราช ชื่อของดินแดนนี้ได้ถูกเปลี่ยนนามเป็น "นครพนม" สันนิษฐานว่านามนี้มาจากนครพนมเป็นเมืองที่มีพื้นที่ติดต่อกับทิวเขามากมายทางฝั่งซ้าย
หลังเสร็จสิ้นสงครามเจ้าอนุวงศ์แล้ว พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ลดฐานะเมืองนครพนมเป็นหัวเมืองชั้นเอก ด้วยความเป็นอาณาจักรที่เคยเจริญรุ่งเรืองมาเก่าก่อน ประกอบกับแม่น้ำโขงเป็นแหล่งวัฒนธรรมของมนุษย์ชาติจากหลายชนเผ่า ดังนั้น นครพนมจึงมีโบราณสถานจำนวนมาก และมีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมและประเพณีที่เป็นเอกลักษณ์
ปูชนียสถานที่สำคัญน่าจะไปนมัสการ คือ พระธาตุพนม อยู่ที่อำเภอพระธาตุพนม นอกจากนี้ยังมีพระธาตุอื่นๆ ที่ชาวจังหวัดนครพนมเคารพนับถือ ได้แก่ พระธาตุประสิทธิ์ พระธาตุท่าอุเทน พระธาตุเรณู พระธาตุศรีคุณ พระธาตุนคร และพระธาตุมหาชัย เป็นต้น ซึ่งถือเป็นเมืองพระธาตุโดยแท้
พระธาตุพนมยามค่ำคืน พระธาตุคู่บ้านคู่เมืองนครพนม
ผู้เขียนเคยเขียนถึงวันมาฆบูชา-วันสำคัญทางพุทธศาสนานี้ไว้ดังนี้
(หนึ่ง) กราบพระรัตนตรัยในวันนี้ เหมือนราตรีดับนิวรณ์ก่อนจะหลับ หมายเร่าร้อนหลงใหลได้รำงับ หมายมรรคดับบ่วงตัณหามาหม่นใจ
(สอง) รำลึกพระพุทธกาลนานมาแล้ว เริ่มดวงแก้วสามประการฉานแสงใส ในชมพูทวีปทีปอุทัย ส่งแสงธรรมส่องไล้เกริกไกวัล หนึ่งวันเพ็ญเดือนสามงามราศี พระผู้มีพระภาคเจ้าเข้าสบสันต์ ณ อารามเวฬุวนาวัน ปลื้มมนัสมหัศจรรย์สี่ประการ คือพระจันทร์วันเพ็ญเด่นเดือนสาม อีกอารามเอกอุภิกษุสมาน พันสองร้อยห้าสิบรูปเป็นประมาณ อภิญญาณการประชุมพร้อมเพรียงกัน ทั้งทั้งที่มิได้นัดกันทั้งมวล หากแล้วล้วนเป็นพระอรหันต์ โดยสำเร็จ “อภิญญา” จากภควันต์ ซึ่งทั้งนั้น “เอหิอุปสัมปทา” เมื่อครบ “จาตุรงคสันนิบาต” พระพุทธเจ้าจึงประกาศเทศนา เป็น “โอวาทปาฏิโมกข์” ศีลา แก่บรรดาพระสาวกสาธกธรรม
(สาม) จวนบรรลุยี่สิบหกพุทธศตวรรษ ธรรมธัชประกาศชัยไปทั่วหล้า ยิ่งสยามนามสมมุติ “พุทธพารา” ควรสัมมาปฏิบัติกำจัดภัย เยี่ยงพระพุทธมามกะองค์ประมุข ธทำนุกทุกศาสนวิสัย ทรงถึงพร้อมทศธรรมนำชาติไทย เป็นประทีปส่องใจไทยทั้งมวล ควรผู้ที่บริหารประเทศชาติ ใสสะอาดสุจริตทุกทิศถ้วน ดำรงคุณสุนทรธรรมนำขบวน ให้ไทยล้วนรู้รักสามัคคี รู้ละโลภโกรธหลงในสงสาร ขจัดพาลทุจริตทิศวิถี ให้บ้านเมืองเรืองคุณธรรมความงามดี เป็นศักดิ์ศรีบูชารัตนตรัย
เรื่องโดย : ประยอม ซองทอง
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน มีนาคม ปี 2560
คอลัมน์ Online : ชีวิตคือความรื่นรมย์
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/161395